USB:บทที่ 647 สอดแนม
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบทันที ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าตัวแทนผู้นี้จะพูดจาเช่นนี้ พวกเขาต่างตกตะลึงจนไม่สามารถโต้ตอบอีกฝ่ายได้ทันท่วงที
แต่ไม่ว่าอย่างไร ตัวแทนผู้นี้กลับไม่คิดเช่นนี้ เขาคิดว่าทันทีที่คนเหล่านี้เห็นท่าทางที่สง่างามของเขา จึงแสดงความหวาดกลัวออกมาอย่างเห็นได้ชัด และต่อจากนี้ไป คนเหล่านี้ก็จะปฏิบัติต่อเขาราวกับว่าเขาเป็นแขกที่น่าเคารพที่สุด
"มารดาเจ้าเถอะ!" หวังต้าหนิวผู้อยู่ในเหตุการณ์ไม่ได้ปฏิบัติต่อเขาในฐานะแขกคนสำคัญอย่างที่ตัวแทนคิด และตะโกนด่าอีกฝ่ายเป็นการตอบแทน
“นี่เจ้าว่าอะไรนะ!” ชายคนนี้ถูกหวังต้าหนิวทำเอาขวัญเสีย จึงถามกลับหน้าซีด
“ตาย!” หวังต้าหนิวสบถอีกคำก็ยกขาขึ้นถีบตัวแทนผู้นี้จนล้มลงไปกองที่พื้นทันที
ซูเผยมองดูการกระทำของหวังต้าหนิวด้วยสีหน้าเรียบเฉยอยู่ใกล้ๆ เขาไม่ได้ห้ามปรามหวังต้าหนิวมาตั้งแต่แรก จนกระทั่งอีกฝ่ายได้เตะตัวแทนจนหงายหลัง ซูเผยถึงยอมบอกให้เขาหยุดมือ
หวังต้าหนิวจ้องตัวแทนด้วยสายตาชิงชัง และกลับไปประจำตำแหน่งเดิมอย่างไม่เต็มใจ แม้ชายคนนี้จะยังคงรู้สึกหวาดกลัวอยู่เต็มอก
แต่เพราะคำพูดของซูเผยทำให้เขารู้สึกว่าซูเผยกำลังกลัวและต้องการยอมรับข้อเสนอของเขา ด้วยเหตุนี้ เขาจึงหันไปทางซูเผยแล้วพูดว่า "แม่ทัพซู ผู้ใต้บังคับบัญชาผู้นี้ช่างเนรคุณอะไรเช่นนี้ หากท่านผู้นำรู้เข้าต้องไม่พอใจแน่"
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา หวังต้าหนิวก็โกรธจนควันออกหู ขณะเดียวกันแม่ทัพคนอื่นๆต่างจับจ้องไปที่ตัวแทนผู้นี้เช่นกัน เห็นได้ชัดว่าคำพูดของเขาทำให้ทุกคนในที่นี้ไม่สบอารมณ์
“ท่านผู้แทน ข้าจะทำเช่นไรกับผู้ใต้บังคับบัญชาก็เรื่องของข้า ท่านไม่จำเป็นต้องกังวล เชิญท่านกลับไปรายงานท่านผู้นำเรื่องข้อตกลง ให้เขาไม่ถือโทษโกรธข้าที่ข้าไม่ยินดีตอบตกลงเถอะ” ซูเผยตอบขณะมองตัวแทนตรงหน้า
แม้ว่าเขาจะรู้สึกเดือดดาล แต่สถานะของเขาในตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว ทุกคำพูดและการกระทำของเขาสื่อถึงเจตนาของทหารหลายหมื่นนายที่ให้การสนับสนุน ดังนั้นอารมณ์ความรู้สึกหลายรูปแบบจึงถูกเขาทิ้งไปเมื่ออยู่ในสถานการณ์เช่นนี้
ตอนที่ซูเผยหยุดหวังต้าหนิวก่อนหน้านี้ เขาคิดว่าอีกฝ่ายคงกลัวซูเผยจึงไม่กล้าทำร้ายเขา และที่เขาต้องทำเช่นนั้นก็เพราะเขาต้องการยอมรับข้อเสนอของพวกเขา เขาไม่คิดเลยว่าซูเผยจะปฏิเสธทันทีและไร้ซึ่งการไตร่ตรองใดๆ
“แม่ทัพซู ท่านไม่ลองพิจารณาก่อนหรือ ข้าแนะนำให้ท่านค่อยๆตัดสินใจจะดีกว่า ถึงอย่างไรการตัดสินใจของท่านก็ส่งผลต่อพวกพ้องในกองทัพพันธมิตร”
“ใครเป็นพวกพ้องของเจ้ากัน!?” หวังต้าหนิวโพล่งขึ้นมาอีกครา
“เรื่องนั้นท่านไม่ต้องกังวล ข้าได้ตัดสินใจถี่ถ้วนแล้ว ถึงเวลาที่เจ้าต้องกลับไปรายงานเขาแล้ว” ซูเผยยังคงปฏิเสธ
"เช่นนั้น ข้าก็เข้าใจแล้ว" เมื่อตัวแทนเห็นว่าซูเผยตัดสินใจแล้ว เขาไม่ได้พยายามเกลี้ยกล่อมเขาอีกต่อไป ในขั้นต้น ก่อนที่เขาจะมาถึง มีคนจำนวนมากที่อยากจะโจมตีสถานที่นี้ แต่ผู้นำต้องการรับสมัครพรรคพวก ดังนั้นเขาจึงส่งทูตคนนี้ไปลองดูว่าเขาสามารถรับสมัครพวกเขาได้หรือไม่ ถ้าไม่เช่นนั้นก็ไม่สายเกินไปที่จะโจมตีอีกครั้ง
“ในเมื่อท่านแม่ทัพซูตัดสินใจเช่นนั้น แล้วพบกันใหม่ในสนามรบ ข้าขอตัว!” นอกจากเขาจะไม่กล่าวลาซูเผยแล้ว แม้แต่หน้าเขาก็ไม่ได้เหลียวมอง การกระทำเช่นนี้ยิ่งทำให้นายพลท่านอื่นเดือดดาล เนื่องจากซูเผยเป็นถึงท่านผู้นำ แม้ซูเผยจะไม่สนว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร แต่พวกเขายังรู้สึกเสียหน้า
ปัง!
ทันทีที่ตัวแทนออกไป ซูเผยก็ตบโต๊ะอย่างแรง “กล้าดีจริงๆ!”
ซูเผยโกรธจนเลือดขึ้นหน้า กองทัพพันธมิตรทั้งน่าโมโหทั้งปวดดี เขาทำได้เพียงอดทน แม้แท้จริง ความขุ่นเคืองของเขากลับไม่ด้อยไปกว่าหวังต้าหนิวหรือนายพลท่านอื่นเลย
“ท่านผู้นำ ขอข้าพูดอะไรสักประโยค ข้าว่าเราหยุดหารือแล้วยกทัพไปทางใต้เถอะ มิใช่ว่าพวกเขาอยากพบเราในสนามรบรึ บุกไปหาพวกเขา แล้วจะได้เห็นว่าพวกเขาไปนำความมั่นใจตั้งมากมายนี้มาจากที่ใดกัน!” หนึ่งในนายพลระดับสูงกล่าวอย่างฉุนเฉียว เดิมทีเขาต่อต้านการสู้รบกับกองทัพกบฏ แต่ตอนนี้เขาได้สัมผัสความเย่อหยิ่งของคนเหล่านี้ และได้เข้าใจว่าเขาไม่อาจทนคนเหล่านี้ได้ ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ต้องการอยู่อย่างสันติ แล้วเหตุใดพวกเขาต้องไว้หน้าคนพวกนั้นด้วยเล่า?
“ใช่ๆ ท่านผู้นำ นำทัพไปทางใต้! ข้าทนไม่ไหวแล้ว! "
“ข้าเห็นด้วย แสดงให้พวกมันเห็นว่าใครกันแน่ที่ยิ่งใหญ่!” กลุ่มนายพลพูดทีละคน
ซูเผยไม่ตอบและเลือกที่จะหันไปถามฮวงเฟิงว่า "แม่ทัพฮวง ท่านคิดเห็นเช่นไร?"
"ข้าเห็นด้วยกับพวกเขา" ฮวงเฟิงตอบ แผนเดิมของเขาคือการขยายอำนาจจากทางใต้ “คนพวกนั้นไม่ต้องการอยู่ร่วมกับเรา หากเราไม่เป็นฝ่ายบุกไปหา ในไม่ช้า พวกเขาก็จะบุกมาหาเราเอง”
“ได้!” เมื่อซูเผยได้ฟังคำตอบจากฮวงเฟิง เขาก็มั่นใจขึ้นมาทันที เขายืนขึ้นและพูดว่า "เช่นนั้น เราจะบุกไปทางใต้! แสดงให้พวกมันเห็นว่าใครคือผู้นำทัพแห่งแผ่นดินนี้!"
คำพูดของตัวแทนที่ถูกส่งมาทำให้ซูเผยขุ่นเคืองมาก ตอนที่คนผู้นี้มาถึง อีกฝ่ายเรียกเขาว่าแม่ทัพซู หาใช่ท่านผู้นำซูไม่ แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้อยู่ในสายตาของอีกฝ่ายเลย อีกทั้งทุกคำพูดที่ออกจากปากเขาสื่อความหมายเช่นนนี้จริงๆ
“ผู้นำกองทัพพันธมิตรโง่มากหรือ? อีกฝ่ายไม่มีกำลังที่มากเท่าเราแล้ว ยังกล้ามาก่อกวนถึงขั้นต้องการปราบพวกเรา? พวกเขาเสียสติไปแล้วหรือ?” แม้ว่ากองกำลังของพวกเขาจะน้อยกว่ากองทัพใหญ่ของจักรวรรดิ แต่เมื่อเทียบกันแล้ว พวกเขาก็ยังอยู่เหนือกว่า
ด้วยเหตุนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับกองทัพพันธมิตร พวกเขาไม่ได้เกรงกลัวคนพวกนั้นแม้แต่น้อย และเหตุที่ไม่ต้องการบุกไปทางใต้เป็นเพราะคนพวกนั้นหวาดกลัวพวกเขา และพวกเขาก็ไม่ต้องการทำให้คนพวกนั้นเสียความรู้สึกเพราะทั้งสองฝ่ายต่างเห็นเป็นทหาร
"อาจเป็นข้อมูลที่พวกเขาได้รับนั้นไม่ถูกต้อง" ฮวงเฟิงกล่าว เขาเคยมีประสบการณ์ตรงกับการได้รับข้อมูลผิด และนั่นก็ไม่ต่างจากคนตาบอด ในยุคนี้ ต่างจากยุคปัจจุบันที่มีอินเทอร์เน็ตและเครื่องมือสื่อสาร ที่ทำให้เข้าใจเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นระหว่างสองเมืองที่อยู่ติดกัน ใกล้เคียง
เห็นได้ชัดว่ากองทัพพันธมิตรไม่ได้สืบข่าวตั้งแต่ต้น พวกเขาจึงไม่ทราบเรื่องที่กองทัพพันธมิตรจากเมืองใกล้เคียงถูกสังหาร รวมถึงกองทัพพันธมิตรที่กระจัดกระจายไปยังเมืองต่างๆ แม้ว่าซูเผยจะรวบรวมผู้คนเพิ่มขึ้นแต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก หลังจากแพ้สงคราม เขาก็ยังเหลือกองกำลังอยู่ไม่น้อย นี่เป็นสาเหตุที่เขาทำเช่นนี้
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved