ตอนที่ 449

USB:บทที่ 449 ประลอง (9)

เฮ้ย นี่มันเป็นศาสตร์การต่อสู้อะไรกันนี่?

นี่คือสิ่งที่ทุกคนกำลังคิดอยู่ในใจตอนนี้ ถ้าจะกล่าวว่าตอนที่ฮวงเฟิงกระโดดหลบการโจมตีของคู่ต่อสู้นั้นเป็นความบังเอิญ แต่จนถึงบัดนี้ฮวงเฟิงก็ยังคงใข้วิชานี้หลบหลีกการโจมตีของคู่ต่อสู้อยู่ ถึงแม้ว่าเจ้าหน้าบากจะเข้าโจมตีอย่างดุเดือดแต่เขาก็ไม่มีทางที่จะจัดการกับฮวงเฟิงได้เลย

เพราะตั้งแต่ที่ฮวงเฟิงได้ใช้กระบวนท่าเท้าท่องคลื่น เจ้าหน้าบากนั่นก็โจมตีโดนตัวของเขาได้อีกเลย การโจมตีของอีกฝ่ายไม่ใช่เพียงวืดไปแค่สองสามครั้งแต่ไม่สามารถที่จะทำอันตรายแก่เขาได้เลย

“แม่งเอ้ย! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?” ชายหน้าบากนั้นเคยมั่นใจในชัยชนะของเขาแต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์แปลกๆ เช่นนี้ เขาจึงรู้สึกว่าเขาเหมือนกำลังจะเป็นบ้า!

“เจ้าต้องการที่จะฆ่าข้าด้วยความสามารถอันน้อยนิดเท่านี้เองหรือ?” ขณะที่ฮวงเฟิงกำลังกระโดดหลบการโจมตีของคู่ต่อสู้อย่างง่ายดายเขาก็กล่าวออกมา เป็นไปตามคาดกระบวนท่าเท้าท่องคลื่นนั้นเป็นอย่างที่คำอธิบายได้กล่าวเอาไว้ ไม่เพียงแต่จะใช้กำลังเพียงแค่น้อยนิดแต่ยังช่วยเพิ่มกำลังภายในของตัวเขาเองอย่างต่อเนื่องอีกด้วย และปล่อยให้กำลังภายในที่เขาเพิ่งใช้ไปฟื้นตัวอย่างช้าๆ

“อย่าเพิ่งนอนใจไป เจ้าคิดว่าเจ้าจะคอยหลบอยู่ได้อย่างนี้หรอ? ข้าจะรอดูซิว่าพลังลมปราณของเจ้าจะอยู่ได้นานซักกี่น้ำ!” เจ้าหน้าบากกล่าวกับฮวงเฟิงขณะที่เขาเข้าโจมตี

“แล้วเจ้าจะต้องผิดหวัง” ไม่เพียงแต่กำลังภายในของเขาจะไม่ลดลงแต่มันยังเพิ่มขึ้นอีกด้วย

ไม่นานนักเจ้าหน้าบากก็ตระหนักได้ถึงสิ่งนี้ กำลังภายในของเขากำลังลดลงและของฮวงเฟิงนั้นไม่เพียงแต่จะไม่ลดลงแต่ยังเพิ่มขึ้นอีกด้วย

โดยทั่วไปแล้วตราบใดที่ยังไม่ได้อยู่ในอาณาจักรยอดฝีมืออันดับหนึ่ง ระหว่างการแข่งขันกำลังภายในของพวกเขาจะต้องลดลงไม่ใช่เพิ่มขึ้นเช่นนี้

“หรือว่าเขาจะเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่ง?” เป็นไปไม่ได้!” เจ้าหน้าบากตะโกนก้องในใจ

มันเป็นไปไม่ได้ที่ฮวงเฟิงจะเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่ง ไม่เช่นนั้นแล้วคนที่จะต้องเป็นฝ่ายตั้งรับอยู่ตอนนี้ไม่น่าจะใช่ฮวงเฟิง แต่เป็นเขา

“ฮึ่ม ถึงแม้ว่าเจ้าจะรู้จักศาสตร์การต่อสู้ที่แปลกประหลาดเช่นนี้แต่เจ้าก็ทำได้แค่หลบเลี่ยงเท่านั้น ข้าเองนั้นยังอยู่ยงคงกระพันด้วยนะ!” เจ้าหน้าบากปลอบตัวเองในใจ

อย่างไรก็ตาม ฮวงเฟิงก็ต้องปล่อยให้เขาผิดหวังอย่างรวดเร็ว เท้าของฮวงเฟิงที่ปักหลักแน่นอยู่กับที่ก่อนหน้านี้ อยู่ๆ ก็เริ่มขยับในทิศทางที่ทำให้ตาของเจ้าหน้าบากนั้นงุนงง เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถที่จะจับตาดูความเร็วในการเคลื่อนที่ของฮวงเฟิงได้และสิ่งนี้ทำให้เขาตกใจและหวาดกลัวเป็นอย่างมาก!

"ข้าอยู่นี่!" ฮวงเฟิงเคลื่อนไหวอย่างว่องไวมาทางด้านหลังของเจ้าหน้าบากและในเวลานี้ เจ้าหน้าบากที่เพิ่งจะต่อยเขาไปนั้น เห็นได้ชัดว่าเขาต่อยไม่โดนฮวงเฟิงเพราะฮวงเฟิงนั้นได้โผล่มาอยู่ข้างหลังเขาก่อนที่เขาจะพุ่งหมัดเข้ามาเสียอีก

นี่เป็นครั้งแรกที่โจมตีเจ้าหน้าบากหลังจากที่เวลาผ่านมานาน เขาไม่ได้ใช้วิชาหมัดฟ้าผ่าแต่กลับใช้วิชาหมัดโลหะซึ่งเป็นทักษะเวทมนต์ประเภทหนึ่ง

หมัดของฮวงเฟิงนั้นไม่เบาเลย เขามีร่างกายที่แข็งแกร่ง แต่ด้วยการใช้หมัดโลหะรวมไปถึงพลังงานที่เขาได้ถ่ายเทไปยังหมัดนั้นเป็นเหตุให้พลังหมัดของเขาเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก

ดังนั้นภายใต้การจ้องมองที่ตกตะลึงของฝูงชน เจ้าหน้าบากจึงเดินโซเซไปสองสามก้าวเพราะฤทธิ์หมัดของฮวงเฟิง อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะทรงตัวได้ฮวงเฟิงก็ได้มาวนเวียนอยู่ข้างหลังเขาอีกแล้ว

หลังจากนั้นฮวงเฟิงก็เหมือนกับผีเสื้อในขณะที่เขาลอยผ่านจัตุรัสจากซ้ายไปขวา เขาสามารถไปปรากฏตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าบากได้ในครั้งแรกที่เป็นไปได้ แต่เจ้าหน้าบากก็เป็นฝ่ายถูกฮวงเฟิงโจมตีอย่างต่อเนื่องและเขาไม่สามารถที่จะโต้กลับได้เลย

ทุกคนในตอนนี้นั้นต่างพากันตกตะลึงจนพูดไม่ออก นี่เขายังเป็นยอดฝีมืออันดับสองอยู่หรือเปล่า? แล้วเขามาลงเอยเช่นนี้ได้อย่างไร? ยอดฝีมือระดับสูงสุดของอันดับสองแม้ว่าเขาจะต้องแลกเปลี่ยนการโจมตีกับยอดฝีมืออันดับหนึ่ง เขาก็ไม่มีพลังที่จะตอบโต้พวกเขา และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้นั้นเป็นเพียงด้านเดียว

แม้ว่าตัวของฮวงเฟิงเองจะคิดว่าเขาน่าจะเอาชนะอีกฝ่ายได้ในเร็วๆ นี้ แต่ไม่นานนักหลังจากนั้น เขาก็นึกอะไรบางอย่างออก เจ้าหน้าบากที่ได้รับบาดเจ็บซึ่งได้รับความทุกข์ทรมานจากการโจมตีก่อนหน้านี้ทันใดนั้นก็ลอยขึ้นไปในอากาศ จากนั้นเขาก็หยิบดาบที่ยืดหยุ่นได้ออกมาจากเอวของเขาด้วยการตวัดมือขวาดาบที่ยืดหยุ่นได้พุ่งตรงไปยังฮวงเฟิง ซึ่งนั่นก็คือดาบลมปราณอันทรงพลังนั่นเอง!

การที่จะตวัดดาบลมปราณเช่นนั้นได้ นั่นเป็นสิ่งที่ยอดฝีมืออันดับหนึ่งเท่านั้นที่จะสามารถทำได้ และตอนนี้ที่เจ้าหน้าบากได้ใช้มันก็ทำให้ผู้ชมทั้งหมดถึงกับตกตะลึง

“บางทีเขาอาจจะบรรลุไปแล้วก็ได้!” หัวหน้าสำนักตะโกนด้วยความประหลาดใจ

อย่างไรก็ตามเนื่องจากเขาถือได้ว่าเป็นเพียงกึ่งยอดฝีมือ แม้ว่าเขาจะสามารถปล่อยดาบลมปราณได้ แต่เขาก็ไม่สามารถทำได้เป็นเวลานาน ยิ่งไปกว่านั้นช่องว่างระหว่างยอดฝีมืออันดับหนึ่งและยอดฝีมืออันดับสองนั้นมีขนาดใหญ่มากและกำลังภายในในร่างกายของเขาก็ไม่สามารถปลดปล่อยออกมาได้หลายครั้งจนเกินไป

อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาได้ก้าวเข้าสู่เกณฑ์ของยอดฝีมืออันดับหนึ่งแล้ว นั่นไม่ใช่สิ่งที่ใครก็ตามที่อยู่ในสถานที่แห่งนั้นจะทำได้

ฮวงเฟิงนั้นสะเพร่าจนเกินไป เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายถูกเขากดไว้อย่างต่อเนื่องเขาจึงไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องนี้มากนัก เพราะใครจะไปรู้ว่าอีกฝ่ายได้ซ่อนกระบวนท่าอะไรไว้ เขาเพิ่งจะไปถึงที่ด้านหลังของอีกฝ่ายและได้ใช้กระบวนท่าเท้าท่องคลื่นไปเพียงไม่นานเอง

"ปัง!"

ดาบลมปราณที่ดูเหมือนจะกระทบเข้ากับหน้าอกของฮวงเฟิงอย่างจัง แรงอันมหาศาลทำให้ฮวงเฟิงรู้สึกเหมือนกับว่าเขาถูกยิงด้วยกระสุนปืนใหญ่และเขาก็ลอยออกไปไกล แถมเสื้อของเขาก็ขาดเป็นรูเบ้อเริ่ม

“แค่ก แค่ก!”

ฮวงเฟิงไออยู่สองสามทีในขณะที่เขาพร้อมกับนอนลงบนพื้น เขาพยายามที่จะบรรเทาอาการแน่นหน้าอก ดาบลมปราณนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขากำลังสวมชุดเกราะอ่อนไหมสีทองอยู่และมีกำลังภายในหมุนเวียนอยู่รอบตัวเขาเหมือนกับเกราะป้องกันแล้วล่ะก็ เขาก็คงต้องตายไปแล้วเป็นแน่

แม้ว่าฮวงเฟิงจะรู้สึกตกใจกับความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ แต่ก็ยังมีคนที่ประหลาดใจมากกว่าเขา เจ้าหน้าบาก หยวนเหลียง และหัวหน้าสำนักคนอื่นๆ พวกเขาทั้งหมดตกใจเสียยิ่งกว่าฮวงเฟิง

“พลังป้องกันนี้น่าอัศจรรย์เสียจริงๆ” แม้ว่าตราบใดที่คนๆ หนึ่งได้ฝึกฝนกำลังภายใน พวกเขาก็จะสามารถใช้กำลังภายในได้เพียงที่พื้นผิวของร่างกายเพื่อเพิ่มพลังการป้องกัน แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นใครก็ตามที่ต้องพึ่งพาเพียงแค่กำลังภายในของตัวเองเพียงอย่างเดียวเพื่อต้านทานดาบลมปราณของคู่ต่อสู้ได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บนั้น เป็นสิ่งที่ไม่มีใครเคยทำได้

ฮวงเฟิงคนนี้จะต้องเป็นอัจฉริยะ เขาสามารถที่จะทำเช่นนี้ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย นอกจากนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเขาไม่ได้สังกัดสำนักไหน ซึ่งเป็นสาเหตุให้หัวหน้าสำนักทั้งหลายเริ่มมีการเคลื่อนไหว

“ไม่ว่าจะยังไง พวกเราต้องรับเขาเข้าสำนักนะ!” นี่คือสิ่งที่หัวหน้าสำนักทั้งหลายต่างพากันคิดอยู่ในขณะนี้

แม้ว่าเจ้าหน้าบากจะตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับฮวงเฟิง แต่เพียงชั่วครู่หลังจากนั้นเขาก็เข้าโจมตีฮวงเฟิงต่อ ดาบลมปราณนั้นถูกฟาดเข้าใส่ฮวงเฟิงครั้งแล้วครั้งเล่า!