ตอนที่ 458

USB:บทที่ 458  ลักพาตัว

"มีอะไร?" ตอนที่ฮวงเฟิงยังคงงุนงงเล็กน้อยคนที่อยู่ตรงกลางที่ดูเหมือนคนทั่วไปก็ถามออกมา อย่างไรก็ตามตอนที่เขาพูดเขาไม่ได้มองไปที่ฮวงเฟิงเลยแต่ยังคงสนทนากับคนรอบข้างต่อไป

ฮวงเฟิงเงยหน้าขึ้นเพื่อดูสภาพแวดล้อมของเขา หลังจากนั้นโดยไม่ต้องพูดอะไรอีกต่อไปเขาก็ลอยขึ้นไปทันทีและใช้มีดสั้นที่เขาได้มาจากสนามรบปาดเข้าที่ลำคอของคนที่อยู่ใกล้ที่สุด

ผู้คนรอบข้างต่างพากันตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่พลิกผันอย่างกะทันหัน พวกเขาตกตะลึงและไม่ส่งเสียง พวกเขาคิดที่จะหลบหนีหรือโจมตีฮวงเฟิง เมื่อมีดสั้นของฮวงเฟิงตัดเข้าไปที่ลำคอของคนที่สองแล้ว พวกเขาจึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง!

"พวกเรา มีมือสังหารเข้ามา!" คนที่อยู่ตรงกลางตะโกนออกมา

อย่างไรก็ตามความเร็วของฮวงเฟิงก็ยังคงเร็วมาก ด้วยกระบวนท่าเท้าท่องคลื่นและเสื้อคลุมเงาเขาสามารถหลบหลีกได้อย่างรวดเร็วท่ามกลางคนเหล่านี้ซึ่งความแข็งแกร่งยังไม่แข็งแกร่งเท่าเขา ในเวลาเดียวกันฮวงเฟิงก็คร่าชีวิตของพวกเขาอย่างไร้ความปรานี

เมื่อผู้พิทักษ์ที่อยู่ด้านนอกกรูกันเข้ามา ฮวงเฟิงก็ได้ฆ่าทุกคนจนหมดสิ้นแล้ว มีเพียงคนเดียวที่ยังไม่ตาย แต่เขาก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน

เขาไม่ได้ฆ่าคู่ต่อสู้ไม่ใช่เพราะเขาต้องการที่จะปล่อยพวกเขาไป แต่เพราะเขาต้องการจับพวกมันแบบเป็นๆ เห็นได้ชัดว่าคนที่มีชีวิตอยู่มีค่ามากกว่าคนที่ตายไปแล้ว

อย่างไรก็ตามในขณะที่ฮวงเฟิงจับไหล่ของคนๆ นี้ ก็มีเสียงของคนสองคนวิ่งเข้ามา ร่างทั้งสองพุ่งเข้ามาในกระโจมอย่างรวดเร็วและลอยเข้าหาฮวงเฟิง ลมปราณของอีกฝ่ายได้ล็อคตัวเขาไว้อย่างแน่นหนา แม้ว่าฮวงเฟิงต้องการที่จะหลบให้ทันเวลาในตอนที่เขาสังเกตเห็นอีกฝ่าย แต่หนึ่งในนั้นก็ยังคงใช้ดาบแทงเข้าที่แขนของเขา

ในทันใดนั้นเลือดก็ไหลออกมาฮวงเฟิงขมวดคิ้ว เขาไม่สนใจคนพวกนั้น เขาจับตัวแม่ทัพเอาไว้และลอยขึ้นไปอย่างรวดเร็วในเวลาเดียวกันก็หนืออกจากสถานที่แห่งนั้น ซึ่งมันเป็นฐานของข้าศึก เพราะยิ่งเขาล่าช้าเท่าไหร่ก็จะยิ่งเป็นอันตรายมากขึ้นเท่านั้น!

“ไอ้โจรตัวน้อย!” เจ้าคิดว่าเจ้าจะหนีไปที่ไหนได้?!" ฮวงเฟิงอยากที่จะหนีไปแต่ก็มีคนจำนวนมากไม่ยอมปล่อยเขาไป ทั้งสองร่างที่เพิ่งจะปรากฎตัวนั้นก็ยังคงตามไล่หลังเขามา และเมื่อฮวงเฟิงออกมาจากกระโจมได้ เขาก็เห็นร่างสีดำทะมึนมากมายลอยมาทางเขาจากทุกทิศทุกทาง

“แกนี่มันกล้าแหย่รังแตนจริงๆ!” ฮวงเฟิงหัวเราะอย่างขมขื่นอยู่ในใจ แต่ร่างกายของเขาไม่ได้ชะลอลงเลย เขารู้ดีว่าในเวลานี้หากว่าเขาหยุดแม้เพียงชั่วครู่เขาก็จะไม่สามารถหลบหนีได้ แม้ว่าเขาจะมีกระบวนท่าเท้าท่องคลื่นอันลึกลับ แต่เมื่อเขาถูกรายล้อมไปด้วยยอดฝีมืออันดับสองมากมายขนาดนี้ ไม่ว่ากระบวนท่าเท้าท่องคลื่นจะลึกลับเพียงใดก็ไม่อาจหนีรอดไปได้

อย่างไรก็ตามเนื่องจากกระบวนท่าเท้าท่องคลื่นได้ถูกรายล้อมไปด้วยยอดฝีมือจำนวนมาส่งผลให้มันมีประสิทธิผลลดลง อย่างไรก็ตามการใช้ในการต่อสู้กับทหารธรรมดานั้นไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด

ดังนั้นฮวงเฟิงจึงไม่ได้ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า เพราะว่าเป้าหมายนั้นชัดเจนจนเกินไปและเขาได้ตัวแม่ทัพและได้คว่ำเขาจนสลบไปแล้วและทะลวงผ่านแถวของทหารธรรมดาไปอย่างต่อเนื่อง เดิมทีแสงในสถานที่นั้นสลัวยิ่งนักและการที่ทหารธรรมดาได้เพิ่มเข้ามาขัดขวางแนวสายตาของพวกเขาจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ยอดฝีมือเหล่านั้นจะไล่ตามฮวงเฟิงได้!

"เร็วเข้า รีบไล่ตามไปที่เมืองหวู่อี้ เจ้านั่นต้องเป็นคนจากอาณาจักรสำเภาสวรรค์แน่ๆ พวกเราต้องช่วยท่านแม่ทัพ!" มีบางคนแสดงปฏิกิริยาแล้วและพูดเสียงดังออกมา

ดังนั้นยอดฝีมือเหล่านี้จึงสูญเสียการมองเห็นและเริ่มไล่ตามไป มัน พวกเขาคิดว่าในเมื่อฮวงเฟิงจับแม่ทัพได้แล้วเขาจะต้องไปที่เมืองหวู่อี้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามกระบวนท่าเท้าท่องคลื่นของเขาเป็นศิลปะการเคลื่อนไหวที่ยอดเยี่ยมและไม่ใช่สิ่งที่ยอดฝีมืออันดับสองจะสามารถเทียบได้ เราต้องรู้ว่าในโลกของ "สำนักแปดมังกรฟ้า" ต้วนอวี้ต้องอาศัยกระบวนท่าเท้าท่องคลื่นนี้ ถึงแม้ว่ามันจะด้อยกว่าเฉียวเฟิงในแง่ของการเคลื่อนเท้าที่บริสุทธิ์ นี่แสดงให้เห็นว่าเทคนิคการเคลื่อนไหวของเขานั้นเร็วแค่ไหนและมันก็ไม่สามารถตามความเร็วของเสื้อคลุมเงาได้ด้วยซ้ำ!

ดังนั้นเมื่อผู้คนที่ไล่ตามฮวงเฟิงจึงยังคงอยู่ห่างจากเมืองหวู่อี้พอสมควร พวกเขาทำได้เพียงเฝ้าดูขณะที่ฮวงเฟิงพาแม่ทัพของพวกเขาและลอยขึ้นไปที่ประตูเมืองและเข้าสู่เมือง!

“พวกเราจะทำยังไงกันดี?” พวกเขาไม่กล้าที่จะบุกเข้าไปที่เมืองหวู่อี้ เพราะว่าอาณาจักรสำเภาสวรรค์ไม่ใช่จะไปถล่มได้ง่ายๆ และด้วยที่พวกเขามีกันเพียงไม่กี่คนบางทีอาจจะไม่ได้กลับออกมาหลังจากที่เข้าไปแล้วก็เป็นได้

"พวกเราจะทำอะไรได้อีกล่ะ?" กลับไปก่อนแล้วพวกเราค่อยหารือกันตอนที่แม่ทัพหวูมาถึง"คนที่อยู่ข้างๆ เขาพูด

"ก็คงต้องเป็นเช่นนั้นแหละ ข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะมียอดฝีมือเช่นนี้ในอาณาจักรสำเภาสวรรค์ ขนาดพวกเราตั้งหลายคนไล่ตามมากเขาก็ยังสามารถที่จะหลุดรอดไปได้ จริงๆ แล้วพวกเราก็ต้องหาคนแบบนี้มาด้วยเหมือนกันนะ!” ใครบางคนคร่ำครวญ

“ใช่บางทีการโจมตีอาณาจักรสำเภาสวรรค์ในครั้งนี้คงจะไม่ราบรื่นอย่างที่เราคิด จริงไหม?”

คนที่ไปโจมตีค่ายต้องตายในสนามรบหรือล่าถอยกลับไป นักศิลปะการต่อสู้เหล่านั้นก็เช่นกัน ทำได้เพียงถูกบังคับให้ล่าถอยกลับไปหลังจากที่กองทัพของอาณาจักรวายุโชยและนักศิลปะการต่อสู้ไล่ตามพวกเขาไปตลอดทางจนถึงประตูทางเข้าเมืองหวู่อี้

อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาแห่งการหลบซ่อน อาณาจักรสำเภาสวรรค์ได้รับความสูญเสียอย่างหนัก ทหารฝีมือดีจำนวนมากได้เสียชีวิตไปเช่นเดียวกับนักศิลปะการต่อสู้จำนวนมากโดยส่วนใหญ่ไม่ใช่พวกยอดฝีมือ

อารมณ์ของปรมาจารย์กงหมิงที่ไม่ค่อยดีนักในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาในที่สุดก็ดีขึ้นเล็กน้อย ในคืนนี้พวกเขาได้สังหารนักต่อสู้ของโลกศิลปะการต่อสู้แห่งอาณาจักรสำเภาสวรรค์ไปมากมายและยิ่งไปกว่านั้นทั้งสองประเทศก็ต้องสูญเสียกองกำลังของพวกเขาไปบางส่วน สำหรับเขานี่เป็นสิ่งที่ดีอย่างไรก็ตามอารมณ์ที่เคยดีของเขาได้หายไปจนสิ้นหลังจากที่ได้รู้ว่าแม่ทัพของเขาได้ถูกจับตัวไปแล้ว

แม้ว่าเขาต้องการที่จะทำให้พลังของอาณาจักรวายุโชยอ่อนลง แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าอับอายมากสำหรับเขา หากแม่ทัพของเขาถูกจับตัวไปทั้งๆ ที่อยู่ใต้จมูกเขานี่เอง

“รู้ไหมว่าใครเป็นคนลงมือ?” ปรมาจารย์กงหมิงถามทหารที่รักษาการณ์ในเวลานั้น

"ข้ามองไม่ชัดมันมืดเกินไปและเหตุการณ์ก็ยุ่งเหยิง นั่นเป็นสาเหตุที่ข้ามองไม่เห็นว่าคนๆ นั้นหน้าตาเป็นอย่างไร" ทหารรักษาการณ์ตอบ

เขาไม่รู้ว่าทำไม แต่หลังจากที่ได้ยินคำพูดของทหารยามแล้ว ปรมาจารย์กงหมิงก็นึกถึงตอนที่เจ้าหน้าบากต้องพ่ายแพ้ให้กับคนที่ไม่มีใครรู้จักแห่งอาณาจักรสำเภาสวรรค์ เขาเชื่อมโยงทั้งสองเรื่องเข้าด้วยกันอย่างไม่รู้ตัว

"จะเป็นคนเดียวกันหรือไม่นะที่ทำสองสิ่งนี้?" ปรมาจารย์กงหมิงคิดอย่างสงสัย

ในอีกด้านหนึ่ง ทหารที่ได้ออกจากเมืองไปได้ทะยอยกลับเข้ามาในเมืองเป็นกลุ่มๆ ละสองสามคน