ตอนที่ 253

USB:บทที่ 253เสียสละ

"ถ้างั้นพวกเราจะเริ่มเคลื่อนไหวตั้งแต่คืนนี้เลย" ชิวหนิงซวงกล่าว

"ได้เลยครับ ผมจะรอคุณโทรมานะครับ" ฮวงเฟิงตอบ

หลังจากนั้น พวกเขาจึงวางสายไปทั้งคู่

ฮวงเฟิงรู้สึกไม่ไว้ใจเนื่องจากอีกฝ่ายสามารถฆ่าเขาอย่างไร้ปรานีได้ หากอีกฝ่ายพบว่าเขาและชิวหนิงซวงกำลังสืบเรื่องของพวกเขาอยู่ มันไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาทั้งสองจะไม่โดนปิดปาก

อย่างไรก็ตาม ฮวงเฟิงรู้สึกว่าเขาต้องไปเพราะเขาเองก็ไม่สามารถทิ้งภัยที่อยู่เบื้องหลังนี้ได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีสิ่งที่ทำให้เขามั่นใจขึ้นมา นั้นก็คือ

ผลไม้สีแดงที่เขาได้มาเมื่อคืน เช่นนั้น ฮวงเฟิงจึงใช้โอกาสนี้เริ่มฝึกลมปราณ แม้ว่าจะรู้สึกถึงมันไม่ได้มากนัก อีกทั้งยังไม่ค่อยมีประสิทธิภาพเท่าที่ควรแต่ทุกเส้นลมปราณในร่างกายของเขานั้นถือว่าดีเลยทีเดียว

“เฉียนจุน เกิดอะไรขึ้น?”

ภายในคลับเฮาส์แห่งหนึ่ง ลุงหลี่และถงเฉียนจุนต่างอยู่ในอารมณ์ที่คุกรุ่น ลุงหลี่เองก็กังวลเกี่ยวกับเรื่องการตายของพี่เปี่ยว

"เป็นยังไง? อะไรอีกล่ะ? ลูกน้องของนายกล้ามากที่ฆ่าแม้กระทั้งลูกสาวขอท่านชิว?! นายต้องกล้าขนาดไหนกัน?” ถงเฉียนจุนพูดอย่างหงุดหงิด

ก่อนหน้านี้ ลูกชายของเขาถูกซ้อมจนขาหัก ซึ่งลูกชายคนนี้เป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวของเขาอีกด้วย เรื่องที่ลูกชายเขาขาหัก เขาย่อมไม่ปล่อยคนทำเรื่องนี้ไปง่ายๆแน่นอน เช่นนั้น เขาจึงปล่อยให้ลุงหลี่ฆ่าคนไปสองคน

เรื่องที่กล่าวมานี้เดิมทีไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขาแม้แต่น้อย แม้ว่าลูกน้องทั้งสองคนที่กำลังจะตายอาจจะสร้างปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ให้กับเขาได้ แต่เขาเองก็มั่นใจว่าเส้นสายและอิทธิพลของเขาสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้มากนัก ตราบใดที่ลุงหลี่และคนอื่น ๆ จัดการปัญหาทุกอย่างได้อย่างเรียบร้อย คนอื่นๆ ก็อาจไม่รับรู้ถึงเรื่องนี้

เขาไม่เพียงมีส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยวกับการตายของลูกสาวอาจารย์ชิวเท่านั้น แต่เรื่องนี้คาดไม่ถึงว่าจะต้องถูกเปิดเผยด้วยเช่นกัน ลูกน้องของลุงหลี่นั้นกล้าที่จะฆ่าแม้กระทั้งลูกสาวของท่านชิวซึ่งถือเป็นเรื่องที่อุกอาจมากและแม้แต่ตัวเขาเองยังไม่กล้ากระทำเช่นนั้น แต่ลูกน้องที่แสนโง่เขลากลับกระทำเรื่องเช่นนี้ได้ และสิ่งทำให้เขาโกรธยิ่งขึ้นไปอีก นั้นก็คือเหตุการณ์นี้จะถูกตรวจสอบทุกอย่างโดยละเอียด เพราะท้ายที่สุดแล้วเขา ท่านชิวผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้บังคับบัญชาตำรวจยากที่จะเอ่ยว่ามีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้นในเขตอำนาจรัฐ แต่ลูกสาวของเขาก็เกือบโดนยิงจนเกือบตายเช่นกัน ดังนั้น แม้ว่าเขาจะดำรงตำแหน่งผู้บังคับบัญชาก็ไม่สามารถทนต่อสิ่งได้เช่นกัน

ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าถงเฉียนจุนจะพยายามหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้มากนัก ท่านชิวโกรธมากและตำรวจทุกนายในมณฑลชิงก็โกรธแค้นเช่นกัน พวกเขาได้จัดตั้งกองกำลังพิเศษและยกให้คดีนี้เป็นคดีที่มีความสำคัญอันดับต้นๆ

"ฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่า พวกเขาจะบังเอิญไปฆ่าลูกสาวของท่านชิว" นี่มันเหมือนโชคร้ายสำหรับพวกเขาที่ถูกตำรวจพบและอีกฝ่ายก็เป็นคนของท่านชิวอีกด้วย เดิมทีพวกเขาต้องการที่จะฆ่าเธออยู่แล้ว ถ้าเกิดปัญหาขึ้นภายหลัง อย่างมากเขาก็คงปล่อยให้ลูกน้องสองคนที่เป็นผู้ก่อเหตุรับผิดชอบเรื่องนี้ไป

แต่ถ้าก่อนหน้านี้พวกเขาได้รู้ถึงสถานะของอีกฝ่ายก่อนก็คงไม่จำต้องจบปัญหาแบบนี้

อย่างไรก็ตาม มันไม่มีประโยชน์แล้วที่จะคิดถึงเรื่องนี้ในตอนนี้ สิ่งต่างๆ ได้เกิดขึ้นไปแล้ว ดังนั้นสิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้ก็คือคิดหาวิธีแก้ไขปัญหา

"ฉันคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ฉันคิดไม่ถึงว่าแกจะพูดจาหมาๆแบบนี้!" ถงเฉียนจุนพูดอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะถ้าเขาไปพูดไปมากกว่า บางทีอาจมีคนปะติดปะต่อเรื่องราวได้และถ้าเป็นตำรวจชั้นผู้น้อยก่อคดีเรื่องนี้คงไม่เป็นเรื่องใหญ่

อย่างไรก็ตาม ท่าทีของถงเฉียนจุนในตอนนี้ทำให้ลุงหลี่รู้สึกทุกข์ร้อนไม่ต่างกันอย่างมากราวกับว่าเขาเป็นน้องชายของถงเฉียนจุนไปโดยปริยาย แม้ว่าสถานะปัจจุบันของเขาจะแย่ลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับถงเฉียนจุนในปัจจุบัน แต่หลายปีที่ผ่านมาพวกเขาก็ต่างเคยอยู่ข้างถนนด้วยกันมาก่อนจึงเข้าใจกันดี

“ พี่เฉียน นี่คือสิ่งที่นายต้องการให้ทำจริงๆ หรอ ถึงแม้ว่าจะมีบางสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นแต่มันเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากเห็นหรอก สิ่งที่เราต้องทำในตอนนี้ก็คือ หาวิธีจัดการกับเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดและเลี่ยงไม่ให้พวกตำรวจจับตาดูพวกเราได้ ” ลุงหลี่หายใจเข้าลึก ๆ เพื่อระงับความโกรธ เขายังคงต้องการถงเฉียนจุนช่วยจบปัญหาที่เกิดขึ้น อีกทั้งตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ทั้งสองคนจะมาตั้งแง่ใส่กัน

"วิธีหรอ?" ฉันจะทำอะไรได้บ้างล่ะ? " ตอนนี้พวกตำรวจสนใจแค่เรื่องสืบคดีนี้เท่านั้น ไม่มีใครฟังความเห็นฉันสักคน"ถงเฉียนจุนกล่าว แม้ว่าเขาจะมีเส้นสาย แต่ก็ไม่ได้อยู่ในสังกัดใดสังกัดหนึ่งของรัฐบาลและแม้ตำรวจพวกนี้จะต้องการเงินจากเขาหรือต่างได้ผลประโยชน์จากเขา แต่เรื่องการสืบคดีไม่ได้มีผลต่ออนาคตของพวกเขา ดังนั้นตำรวจพวกนี้จึงไม่จำเป็นต้องสนใจคำขอของเขา

หลังจากที่ถงเฉียนจุนได้ระบายอารมณ์ออกมาบ้าง เขาก็เริ่มรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อยและกล่าวว่า: "อันที่จริง มันไม่ได้แปลว่าไม่มีหนทางสะทีเดียวหรอกนะ ให้ลูกน้องของนายที่หนีไปกลับมารับผิดสะก็สิ้นเรื่อง ตราบใดที่ลูกน้องของนายรับผิดแต่เพียงผู้เดียวและไม่สาวมาถึงเรา ทุกอย่างก็เรียบร้อย"

เห็นได้ชัดว่าถงเฉียนจุนกำลังหมายถึงหลินจื่อเฉิงคนที่อยู่ด้านพวกเขาบ้างคนต่างก็ทราบเช่นกันว่าหลินจื้อเฉิงจะต้องถูกเปิดโปงแน่ ดังนั้นจึงไม่ใช่ทั้งลุงหลี่และถงเฉียนจุนที่รู้ว่าลูกน้องสองคนที่ทำความผิดเป็นใคร แต่เป็นหลินจื้อเฉิง ตราบใดที่หลินจื้อเฉิงเก็บเรื่องนี้เป็นความลับได้ ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็จะไม่ต้องรับผิด

เขารู้ว่าถ้าเขาจัดการเรื่องนี้และเก็บเก็บความลับไว้ได้ ทุกอย่างก็จะเรียบร้อย อย่างไรเสียหลินจื้อเฉิงก็เป็นคนที่เขาสนับสนุนเต็มที่มาเสมอและยังเป็นลูกน้องที่มีความสามารถคนหนึ่ง ดังนั้น เขาจึงไม่ยินดีนักที่จะต้องเสียมือดีแบบนี้ไป

แม้ว่าลุงหลี่จะมือสะอาดแต่ในทางกลับกันเขาเองก็ไม่อยากสูญเสียอิทธิพลในโลกแห่งมืดไปเช่นกัน ในโลกมืดนั้นเขามีผู้ช่วยคนสำคัญอยู่สองคนด้วยกัน คนที่หนึ่งคือ ชิวฮ่าว ตอนนี้ชิวฮ่าวขาพิการไปข้างหนึงและแม้ว่าเขาจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว ความแข็งแกร่งนั้นก็ลดลงไปมากด้วยเช่นกัน

หากเขาทำเช่นนั้น มันจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับลุงหลี่จะเหินห่างมากขึ้น ในกรณีนี้ เขาทั้งได้ประโยชน์และเสียประโยชน์มากเช่นกัน โดยปกติคนมักจะไม่ค่อยฉกฉวยผลประโยชน์จากฝ่ายตรงข้ามแต่จะระวังไม่ให้ฝ่ายตนเสียประโยชน์ไปมากกว่า  หากเขาต้องเผชิญปัญหาที่ไม่ต้องการให้จัดการอย่างโจ่งแจ้ง  เขาต้องขอความช่วยเหลือจกคนอื่นแต่การกระทำเช่นนี้ไม่เป็นที่พอใจสำหรับลุงหลี่เพราะลุงหลี่ต้องการใช้อำนาจของเขาในการจัดการเรื่องทั้งหมดเอง