ตอนที่ 668

USB:บทที่ 668 หลงรัก

“เป็นฮีโร่ช่วยสาวสวยเอาไว้งั้นเหรอ?” ไป่เสี่ยวโหรวกล่าวลอยๆ แต่มือของเธอก็ไม่ได้หยุดเคลื่อนไหวเลย ไม่นานนักเธอก็พันแผลที่หัวไหล่ของฮวงเฟิงจนเสร็จ สมควรที่จะถูกเรียกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ขององค์กรความมั่นคงแห่งชาติ เพราะพวกเขามักจะทำภารกิจที่อันตรายได้สำเร็จ ดังนั้นทักษะการพันผ้าพันแผลจึงค่อนข้างเชี่ยวชาญเลยทีเดียว

“มันไม่ใช่เรื่องของคุณเลยนะ” ฮวงเฟิงส่ายหัวและกล่าวกับถังมู่เสวี่ย “เจ้าคนนั้นน่ะตั้งใจมาหาผมตั้งแต่แรกแล้ว”

“แต่เจ้าคนนั้นเขายิงปืนใส่ฉันนะ แล้วถ้านายไม่มาช่วยบังเอาไว้ล่ะก็ ป่านนี้ฉันก็คงจะเป็นที่ได้รับบาดเจ็บแล้วล่ะ ไม่ใช่นาย” ถังมู่เสวี่ยยืนยัน เห็นได้ชัดว่าถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นมีเป้าหมายอยู่ที่ฮวงเฟิง แต่เธอก็รู้ว่ากระสุนนั้นถูกเล็งมาที่เธอ

“นั่นก็เพราะว่าไอ้เจ้านั่นมันยิงปืนห่วยไงล่ะ” ฮวงเฟิงหัวเราะและกล่าวออกมา “ถ้าคุณต้องได้รับบาดเจ็บเพราะมันผมก็คงต้องตายด้วยความสำนึกผิด โชคยังดีที่ผมเป็นคนโดนยิงเสียเอง”

“แต่ถึงยังไงคุณก็โดนยิงเพราะฉัน  มันเป็นความผิดของฉันเอง” คำอธิบายของถังมู่เสวี่ยไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นเลยโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นสภาพที่น่าสงสารของฮวงเฟิง ในใจเธอก็ยิ่งรู้สึกผิด

“เอาล่ะ หยุดแย่งกันแสดงความรับผิดชอบได้แล้ว” ไป่เสี่ยวโหรวเก็บของกลับเข้าที่เรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็มองไปที่ฮวงเฟิงและถามว่า “แล้วรู้ไหมว่ามันเป็นใคร?”

“อืม ผมรู้ ผมได้แก้ไขปัญหาไปครึ่งนึงแล้ว ส่วนอีกครึ่งที่เหลือ ผมจะแก้ไขให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้” เพราะว่าฉ่ายเถียนนั้นเป็นตัวการสำคัญของเรื่องนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเขา หัวหน้าใหญ่ฟางก็คงจะไม่มาตามหาเขาจนพบและเหตุการณ์ในวันนี้นั้นก็คงจะไม่เกิดขึ้น

“ก็ดีแล้วที่คุณจัดการด้วยตัวเองได้ ถ้าคุณทำไม่ได้จะให้ฉันช่วยก็ได้นะ แต่ถ้าไม่ฉันก็คงจะรู้สึกละอายใจที่มาอยู่กินที่บ้านของคุณฟรีๆ แบบนี้” ไป่เสี่ยวโหรวกล่าว

เป็นอีกครั้งที่คำพูดของไปเสี่ยวโหรวทำให้ทั้งถังมู่เสวี่ยและไป่เสี่ยวโหรวต่างก็พากันจ้องมองเธอตลอดทั้งตัว จากคำพูดของเธอมันก็ไม่ยากที่ทั้งสองสาวจะเข้าใจได้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไป่เสี่ยวโหรวได้มาที่นี่และเธอก็ได้ “มาอยู่ร่วมกัน” กับฮวงเฟิงมาตั้งนานแล้ว

“อย่ามองฉันแบบนั้นนะ ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับเขานะ” เมื่อรู้สึกว่าถูกจ้องมองโดยหญิงสาวทั้งสองคน ไป่เสี่ยวโหรวก็รู้ได้ในทันทีว่าพวกเธอกำลังคิดอะไรอยู่

อย่างไรก็ตามคำพูดของไป่เสี่ยวโหรวก็ทำให้ทั้งสองสาวรู้สึกละอายใจเพราะว่าพวกเธอทั้งสองคนนั้นก็ไม่มีมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับฮวงเฟิงเช่นกัน ดังนั้นพวกเธอจึงไม่ได้มีเหตุผลที่จะมาสอบสวนเธอเช่นกัน

ด้วยเหตุนี้ถึงแม้ว่าทั้งสองสาวจะอยากรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไป่เสี่ยวโหรวและฮวงเฟิงและทำไมเธอถึงได้มาอาศัยอยู่ที่นี่แต่พวกเธอก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากถาม

“เกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกคุณคุยกันไปเถอะนะ ผมขอตัวไปพักผ่อนก่อน ผมง่วงมากๆ เลยตอนนี้” ฮวงเฟิงรู้สึกกระอักกระอ่วนที่ต้องอยู่ที่นี่ดังนั้นเขาจึงขอตัวไปเสียก่อน

“ฮวงเฟิงนี่คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม? คุณรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?” ถังมู่เสวี่ยถามอย่างรวดเร็ว

“ไม่ล่ะ ผมก็แค่เหนื่อยและอยากจะพักผ่อนน่ะ” ฮวงเฟิงกล่าว

“อ้อ งั้นก็ดี งั้นนายก็ไปพักผ่อนเถอะนะ ฉันขอตัวก่อน แล้วฉันจะมาเยี่ยมทีหลังนะ” ถังมู่เสวี่ยกล่าว ในใจของเธอนั้นการที่ฮวงเฟิงได้รับบาดเจ็บนั้นเป็นเพราะเธอดังนั้นเธอจึงรู้สึกผิดเป็นอย่างมากต่อฮวงเฟิง

“พี่ฮวง งั้นพี่ก็พักผ่อนเถอะนะ ฉันขอตัวก่อน” เมื่อเห็นว่าถังมู่เสวี่ยลุกขึ้นและออกไป ถึงแม้ว่ากัวเมิ่งหานจะยังอยากอยู่กับฮวงเฟิงต่อ แต่เธอก็คิดได้ว่าเธอควรจะกลับได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเธอก็ได้ตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว

“เอาล่ะถ้างั้น ผมก็คงจะไม่รบกวนเวลาของพวกคุณแล้วล่ะ ผมไม่เป็นอะไรแล้วไม่ต้องเป็นห่วงผมแล้วนะ” ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการที่จะเจอพวกเธอแต่เมื่อหญิงสาวทั้งสามคนมาอยู่พร้อมหน้ากันแบบนี้ ฮวงเฟิงก็รู้สึกว่ามีบางอย่างที่ทำให้บรรยากาศตึงเครียด

ถังมู่เสวี่ยและกัวเมิ่งหานต่างพากันลุกขึ้นยืนและเตรียมตัวกลับ อย่างไรก็ตามก่อนที่ทั้งสองคนจะออกไปพวกเธอก็หันไปจ้องมองไป่เสี่ยวโหรวอีกครั้ง หลังจากนั้นพวกเธอก็ไม่ได้พูดอะไรและออกไปจากบ้านของฮวงเฟิง

“คนไหนเป็นแฟนของคุณน่ะ?” เมื่อถังมู่เสวี่ยและกัวเมิ่งหานออกไปแล้ว ไป่เสี่ยวโหรวก็ถามฮวงเฟิง

“ห๊า!” ฮวงเฟิงตกใจจากนั้นก็กล่าวต่อว่า “พวกเธอเป็นเพื่อนผมทั้งนั้นแหละ แค่เพื่อนธรรมดา ไม่ใช่แฟนนะ”

“ถึงฉันจะไม่ใช่แฟนของคุณนะ แต่ฉันก็ยังแอบเขินคุณอยู่เลยนะ แล้วคุณยังเกลียดฉันอยู่รึเปล่านี่?” ไป่เสี่ยวโหรวกล่าวอย่างฉับไว “หรือว่าสองคนนั้นจะชอบคุณ แต่ว่าคุณไม่ชอบพวกเธองั้นเหรอ? ฉันว่านะ คุณก็ไม่ได้หล่อเหลาขนาดนั้น คุณก็ไม่ได้ร่ำรวย และคุณก็ไม่ได้มีอำนาจอะไรเลยนะ จริงไหม? จริงๆ แล้วคุณก็เป็นแค่คนธรรมดา ทำไมคุณถึงคิดว่าผู้หญิงสองคนนั้นชอบคุณล่ะ?”

ไป่เสี่ยวโหรวนั้นไม่ใช่คนธรรมดาเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าเธอจะเหลือกำลังภายในอยู่ไม่มากนัก เธอก็ยังมีความสามารถที่จะสังเกตได้ ดังนั้นเธอจึงเห็นได้อย่างง่ายดายว่าถังมู่เสวี่ยและกัวเมิ่งหานนั้นประหม่ามากเมื่ออยู่ต่อหน้าฮวงเฟิงและไม่ใช่ความตึงเครียดระหว่างเพื่อนธรรมดา

ยิ่งไปกว่านั้นสายตาที่จ้องมองอย่างศัตรูของทั้งสองสาวนั้นทำให้ไป่เสี่ยวโหรวรู้สึกอึดอัด ดังนั้นเธอจึงเจตนาที่จะแสดงตัวว่าเธออยู่ที่นี่มานานแล้วซึ่งทำให้ทั้งสองสาวรู้สึกอึดอัด

“นี่ผมแย่อย่างที่คุณพูดจริงๆ งั้นเหรอ?” ฮวงเฟิงตอบ “มีผู้หญิงตั้งมากมายที่มาชอบผม ซึ่งนั่นมันก็เรื่องธรรมดา จริงไหม? แต่ยังไงซะ ครั้งนี้คุณเป็นคนผิดนะที่ทำให้พวกเธอไม่ชอบผม”

ฮวงเฟิงไม่เชื่อว่าถังมู่เสวี่ยจะชอบเขา เพราะว่านั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอชอบสร้างปัญหาให้กับเขาและทำไมเธอดูเหมือนจะไม่ยอมปล่อยเขาไป และสำหรับกัวเมิ่งหานนั้น ระหว่างเธอและเขาน่าจะเป็นเพียงเพื่อนธรรมดา ถึงแม้ว่าเหลียงจื่อนั้นพยายามจะทำความรู้จักกับเธอมาโดยตลอด ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเขาก็คงจะไม่หาเวลาไปที่โรงงานผลิตอุปกรณ์บำบัดน้ำเสียซึ่งอาจจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ แต่ในตอนนี้นั้นมันเป็นไปไม่ได้เสียแล้ว

“ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะเรียกนายว่าคนโง่หรือเปล่า หรือว่านายแค่แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เสียเอง” ไป่เสี่ยวโหรวกล่าว เธอเองยังสามารถที่จะมองออก แต่เธอไม่เชื่อจริงๆ ว่าฮวงเฟิงจะไม่รู้เรื่องนี้เอาเสียเลย

จริงๆ แล้วฮวงเฟิงนั้นไม่ได้มีประสบการณ์ทางด้านนี้มากนัก ถึงแม้ว่าเขาและซูหยูโม่จะอยู่ในขอบเขตของชายและหญิง นั่นก็เป็นเพราะว่าซูหยูโม่บังคับให้เขาต้องทำเช่นนั้น ถ้าไม่เช่นนั้น

ด้วยอารมณ์ที่เฉื่อยชาของเขา เขาอาจไม่ที่จะสามารถเข้าใจได้ว่าซูหยูโม่นั้นตกหลุมรักเขา

สำหรับหนิงอู่ซวงที่อยู่ในกาลอวกาศอื่นนั้น นั่นเป็นสิ่งที่หนิงอู่ซวงพูดตามความเห็นของเขาเอง ฮวงเฟิงยังคงอยู่ในสถานะเฉยๆ และจากสิ่งที่เขาพูด แม้ว่าเขาดูเหมือนจะมีผู้หญิงสองคนถึงสองคน แต่จริงๆ แล้วเขาก็ไม่ได้มีประสบการณ์เรื่องนี้มากนัก

อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าไป่เสี่ยวโหรวไม่ทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลังจากที่เธอคุยกับฮวงเฟิงเสร็จแล้ว เธอก็นำสิ่งของของเธอกลับไปที่ห้อง ในขณะที่ฮวงเฟิงขยี้หัวอย่างสับสนเล็กน้อย แล้วกลับไปที่ห้องของเขาเช่นกัน แต่เขาไม่ได้ไปนอน แต่ไปใช้ศาสตร์เวทมนตร์เพื่อฟื้นฟูร่างกายของเขานั่นเอง