USB:บทที่ 286 รับปาก
“คุยกับใครน่ะ? ท่าทางดูดีใจมาก ยิ้มไม่หุบเลยนะลูก"
เป็นแม่ที่เดินเข้ามาในห้องผู้ป่วยและเห็นชิวหนิงช่วงกำลังหัวเราะคิกคักอยู่กับโทรศัพท์
“หนูไม่ได้คุยกับใครทั้งนั้นแหละ พรุ่งนี้หนูก็จะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว หนูเลยดีใจมาก” ชิวหนิงช่วงตอบ
“อย่าคิดว่าแม่ดูไม่ออกนะ” แม่ของชิวหนิงช่วงเปิดเผยความลับของเธออย่างไร้ความปรานี
"ก่อนหน้านี้ ตอนที่ลูกรู้ว่าลูดจะได้ออกจากโรงพยาบาล แม่ไม่เห็นลูกจะดีใจขนาดนี้เลยนะ" เธอใช้จังหวะตอนที่แม่ออกไปข้างนอกโทรไปหาอีกฝ่าย ใบหน้าของเธอตอนนี้เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
"แม่หนูนี่รู้ดีจริงๆ" ชิวหนิงช่วงรู้สึกเขินกับสิ่งที่แม่ของเธอพูดเล็กน้อย
“นี่ลูกโทรหาฮวงเฟิงอีกแล้วเหรอ?” แม่ของชิวหนิงช่วงถาม
“โทรหาใคร?” ทันใดนั้นประตูห้องผู้ป่วยก็เปิดออก ผู้กำกับชิวเดินเข้ามาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
โดยพื้นฐานแล้วคดีของพี่เปียวรับการตัดสินแล้ว และลูกสาวของเขาก็จะได้ออกจากโรงพยาบาลพรุ่งนี้ ดังนั้นผู้กำกับชิวจึงอารมณ์ดีมาก
"ฮวงเฟิง พ่อหนุ่มที่ช่วยชีวิตลูกสาวของเรายังไงล่ะ!" แม่ของชิวหนิงช่วงตอบ
“แม่ อย่าพูดอะไรก็ไม่รู้สิ!” ชิวหนิงช่วงรู้สึกเขินมากกว่าเดิม แต่เธอก็ไม่ได้คิดอะไร ถ้าพ่อแม่ของเธอเป็นพ่อแม่ที่ต้องการให้เธอแต่งงาน เธอก็ไม่กล้าเสนอความคิดเห็นอะไร
"แล้วแม่พูดผิดตรงไหน?" แม่ของชิวหนิงช่วงถามกลับ
"เหอะ ฮวงเฟิงคนนั้นชักจะไร้ความรู้สึกเกินไปแล้ว สองสามวันมานี้ที่ลูกได้รับการรักษาที่โรงพยาบาล เขามาเยี่ยมลูกแค่ครั้งเดียวเอง"
“เขาไม่ว่าง” ชิวหนิงช่วงอดไม่ที่จะกล่าวปกป้องฮวงเฟิง
จากนั้นแม่ของชิวหนิงช่วงก็พูดว่า "ตาแก่ชิว ครั้งสุดท้ายที่คุณไม่อยู่ที่นี่ คุณเลยไม่ได้เห็นพ่อหนุ่มคนนั้น ฉันคิดว่าหน้าตาเขาใช้ได้ พรุ่งนี้ลูกสาวของเราก็จะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว เราค่อยเลี้ยงข้าวเขาก็แล้วกัน คุณเองก็อยู่ทักทายเข้าด้วยสิ”
“ได้เลย ผมต้องอยู่รอเจอเขาอยู่แล้ว อยากรู้จังว่าใครกันที่เก่งเสียจนขโมยหัวใจลูกสาวแสนสวยของผมไป” พ่อของชิวหนิงช่วงพูดพลางหัวเราะ เขาเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน ดังนั้นในสายตาของเขา เขาจึงไม่มีความคิดเรื่องคลุมถุงชน
นอกจากนี้เขาก็ยังไม่ได้แก่หงำเหงือก หากเขายังสามารถปกป้องเธอได้ ไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับเขาที่จะทำอะไรดีๆให้กับลูกสาวและลูกเขย ดังนั้นเขาจึงไม่ได้บังคับว่าลูกสาวจะต้องเลือกสามีในอนาคตแบบไหน แค่ลูกสาวของเขาชอบก็พอแล้ว
แน่นอนพ่อของชิวหนิงช่วงกลัวว่าลูกสาวของตัวเองจะถูกหลอก เพราะเมื่อผู้หญิงได้รู้จักกับความรัก พวกเธอมักจะรู้สึกสับสน
อีกอย่าง เขากลัวว่าอีกฝ่ายจะเข้าหาเพราะฐานะของเธอ สำหรับลูกสาวของเขาแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยสักนิด
“คุณพ่อ แกล้งหนูอีกแล้ว!” ใบหน้าของชิวหนิงช่วงแดงแปร๊ดเหมือนลูกมะเขือเทศไม่มีผิด
“พ่อไม่ได้พูดเล่น ลูกไม่ใช่เด็กอีกต่อแล้ว ถึงพ่อจะทนปล่อยลูกไปไม่ได้ แต่มันก็ถึงเวลาที่ลูกจะมีคนรักแล้ว ถ้าลูกชอบกันจริงๆ พ่อก็จะไม่ขัด แต่จำไว้ว่า อย่าให้อีกฝ่ายเข้ามาหลอกได้ล่ะ” ผู้กำกับชิวกล่าว
ผู้กำกับชิวรู้จักลูกสาวของตัวเองดี แม้หลายครั้งที่เธอทำตัวเข้มแข็ง แต่หัวใจของเธอกลับเปราะบางมาก คนแบบนี้มักจะถูกหลอกได้ง่าย เขาจึงต้องตักเตือนเธอสักหน่อย
ชิวหนิงช่วงเข้าใจดีว่าพ่อของตนกำลังหมายถึงอะไร แม้ว่าเธอจะไม่ยอมรับว่าตัวเองนั้นชอบฮวงเฟิง แต่เธอก็ยังแก้ต่างให้อีกฝ่าย
"ฮวงเฟิงไม่รู้ว่าหนูเป็นใครสักหน่อย จนวันนั้นที่คุณพ่อปรากฎตัว เขาถึงได้รู้ยังไงละคะ"
"ใช่แล้ว แค่ลูกรู้ว่าอะไรควรไม่ควรก็พอแล้ว" ผู้กำกับชิวพอใจกับคำพูดของลูกสาวของตนอย่างมาก เพราะถ้าไม่ใช่อย่างที่เขาคิด แสดงว่าอีกฝ่ายจะต้องเข้าหาลูกสาวของเขาเพราะฐานะแน่นอน
"พรุ่งนี้ลูกออกจากโรงพยาบาลแล้วพรุ่งนี้เขาจะมาหาลูกไหม?" แม่ของชิวหนิงช่วงถาม
"มาค่ะ..." แม้ว่าเธอจะรู้สึกเขิน แต่ชิวหนิงช่วงก็ยังบอกอีกฝ่ายไปตามตรง เพราะถึงเธอไม่บอก พรุ่งนี้พ่อและแม่ก็ต้องได้เห็นหน้าฮวงเฟิงอยู่ดี
“งั้นก็ดี พรุ่งนี้พ่อจะจับตาดูเขาไม่ให้เล็ดลอดสายตาไปได้เลย” เขาอยากรู้จักฮวงเฟิงคนนี้มาก หนึ่งคือเขาอยากรู้ว่าอีกฝ่ายทำให้ลูกสาวของเขาชอบได้อย่างไร
สองคืออาการบาดเจ็บตามร่างกายของลูกสาวของเขาเอง อาการหนักขนาดนี้ แต่เจ้าตัวกลับยังแข็งแรงดี
แน่นอนว่าเรื่องนี้ฮวงเฟิงไม่รู้ว่าตระกูลชิวทั้งสามคนของชิวหนิงช่วงกำลังพูดถึงเขาอยู่ เพราะหลังจากวางสายเขาก็ยังคงฝึกพลังปราณ
ตอนแรก ในไม่กี่วันที่ผ่านมาเขารู้สึกว่าพลังภายในของตนดูเหมือนว่าใกล้จะเลื่อนระดับแล้ว ในคืนนั้นที่เขากัดผลไม้สีแดงให้เป็นชิ้นและป้อนให้ชิวหนิงช่วง
แม้ว่าเขาจะพยายามทำให้มันเข้าไปในปากของชิวหนิงช่วง แต่มันก็ยังคงมีน้ำจากผลไม้ส่วนหนึ่งที่ไหลลงไปในกระเพาะอาหารของเขาเช่นกัน
และเมื่อในตอนที่น้ำจากผลไม้ได้ไหลเข้าสู่ร่างกายของฮวงเฟิง มันจึงช่วยพัฒนาร่างกายของเขา ด้วยการเพิ่มความเร็วในการฝึกพลัง
หากแต่ผลที่ได้นั้นไม่ดีเท่ากับการกินผลไม้สีแดงทั้งลูก แต่เพราะสิ่งนี้ ฮวงเฟิงจึงสามารถผ่านช่วงคอขวดของการฝึกพลังไปได้ในที่สุด
และฮวงเฟิงที่เพิ่งเลื่อนระดับก็ได้ค้นพบว่ามีเส้นลมปราณจำนวนไม่น้อยที่เริ่มเปิดออกภายในร่างกายของเขา ทันทีที่พลังภายในของเขาแล่นผ่าน ตามร่างกายของเขาก็ถูกเติมเต็มตามจุดต่างๆมากขึ้น
นับเป็นเรื่องดีของฮวงเฟิงที่ได้ฝึกทั้งพลังและเวทมนตร์ไปพร้อมกัน ไม่ว่ามันจะเป็นการฝึกเลื่อนระดับในรูปแบบใด พลังภายในร่างกายของเขาจะเพิ่มขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น ด้วยเหตุนี้พลังของฮวงเฟิงในตอนนี้จึงแข็งแกร่งขึ้นจากเดิมมาก
ฮวงเฟิงผู้ที่ไม่มีอะไรให้ทำในโลกภายนอก ได้หยุดการฝึกพลังตอนที่เขาเลิกงาน ฮวงเฟิงรู้สึกพอใจมากที่สัมผัสได้ถึงพลังที่เพิ่มขึ้นภายในร่างกาย หากเขาแข็งแกร่งมากพอ เขาก็จะสามารถอยู่รอดในโลกของจอมยุทธ์และไสยเวทได้
หลังจากที่เขากลับถึงบ้านไม่นาน เขาก็ได้ยินเสียงออดดังขึ้น และคนที่ยืนอยู่ข้างนอกนั่นก็คือ กัวเมิ่งหาน
นับตั้งแต่ที่เธอให้เกี๊ยวฮวงเฟิงหนึ่งกล่อง กัวเมิ่งหานก็จะส่งอาหารชนิดอื่นที่เธอทำมาให้เขาเป็นครั้งคราว บางครั้งก็เป็นซุป บางครั้งก็เป็นอาหารอร่อยๆ
ต้องบอกเลยได้ว่าทักษะการทำอาหารของเธอนั้นไม่ธรรมดาเลยจริงๆ เพราะเธอไม่เคยนำอาหารที่หน้าตาแบบเดิมมาให้ฮวงเฟิงเลย
เธอไม่รู้ว่าฮวงเฟิงมี ‘คัมภีร์อมตะ’ เป็นของตัวเอง สำหรับเขานั้น การทำอาหารไม่ใช่เรื่องยาก
หากแต่ในความคิดของกัวเมิ่งหาน เธอคิดว่าผู้ชายที่อาศัยอยู่เพียงลำพังอย่างฮวงเฟิงแล้วมักจะไม่ใส่ใจในเรื่องการกินเท่าไหร่นัก และมีผู้ชายไม่น้อยที่เป็นแบบนี้จริงๆ
ถ้าพวกเขาอยากกินอิ่ม พวกเขาก็แค่ซื้ออาการกลับมากินที่บ้าน แต่นอกจากพวกเขาจะต้องใช้เงินไม่น้อยซื้อมันแล้ว อาหารพวกนั้นยังไม่ค่อยมีคุณค่าทางสารอาหารอีกด้วย
ในความเป็นจริง เพื่อให้ฮวงเฟิงได้ทานอาหารอร่อยๆแล้ว เธอจะต้องใช้จ่ายเงินไปไม่น้อยและคิดได้ว่าเพิ่งซื้อผักติดมือมาด้วย
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved