ตอนที่ 303

USB:บทที่ 303 แฟนเก่า

หวังทงทงเป็นเพื่อนร่วมชั้นสมัยมหาวิทยาลัยและเป็นแฟนเก่าของฮวงเฟิงด้วยแต่ตอนนี้ทั้งคู่ได้เลิกกันมานานแล้ว หลังจากที่แยกทางกันได้สักพักฮวงเฟิงก็ไม่ได้ติดต่อกับเธออีกเลยซึ่งนับประสาอะไรกับตอนนี้ที่ทั้งสองคงไม่มีทางได้ติดต่อกันอยู่แน่ ถ้าไม่ใช่เพราะความบังเอิญที่ทำให้มาเจอกันที่นี่ในวันนี้และฮวงเฟิงเองก็รู้สึกว่าเขาคงจะลืมผู้หญิงคนนี้ไปแล้วจริง ๆ

เมื่อเห็นท่าทีของฮวงเฟิงในตอนนี้ หวังทงทงจึงขมวดคิ้วแม้ว่าตอนนี้เธอจะไม่ได้ชอบฮวงเฟิงแล้วและยังรู้สึกว่าเขาไม่คู่ควรกับเธอ แต่ตอนนี้เธอกลับไม่สามารถยอมรับความจริงได้ว่าฮวงเฟิงไม่ได้สนใจเธอต่อไปอีกแล้วเนื่องจากตอนที่เขาอยู่มหาวิทยาลัยเขาชอบและหลงเธอเอามาก ๆ และสุดท้ายก็เป็นเธอเองที่เป็นคนทิ้งฮวงเฟิง ดังนั้นเธอจึงยังคิดว่าตอนนี้ฮวงเฟิงยังคงห่วงใยและชอบเธออยู่แน่นอน

แต่อย่างไรฮวงเฟิงในตอนนี้ก็ยังคงสามารถทำให้หวังทงทงรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมากได้ราวกับว่าเธอเพิ่งถูกทำให้อับอายที่เธอคบคนอย่างฮวงเฟิงที่มาจากบ้านที่มีฐานะยากจนเพราะในตอนนี้เขาไม่ได้แสดงอาการสนใจเธออีกต่อไป

"ฮวงเฟิง พวกเราไม่ได้ติดต่อกันเสียตั้งนาน ตอนนี้นายอยู่ที่ไหนล่ะ?" หวังทงทงกล่าวกับฮวงเฟิงพลางมองไปที่เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ซึ่งก็ยังเป็นเสื้อผ้าราคาไม่กี่ร้อยเหรียญเช่นเดียวกับตอนที่อยู่มหาวิทยาลัย แม้ว่าจะจบมหาวิทยาลัยมานานแล้วแต่สภาพของเขาก็ยังคงไม่ได้มีก้าวหน้าใด ๆ เลย และเธอก็คิดอีกว่าเธอตัดสินใจเลือกถูกและรู้สึกโชคดีที่เธอเลือกจากไปก่อน มิเช่นนั้นเธอคงต้องทนทุกข์ทรมานและอยู่กับเขาอย่างขมขื่นเป็นแน่

ตอนที่เธอคบอยู่กับฮวงเฟิง ในตอนนั้นเธอรู้สึกปรับใจในความจริงใจของเขามากแต่เธอก็รู้ตัวทันทีเช่นกันว่าเธอเองนั้นไม่ได้รักเขาจริง ๆ เธอแค่รู้สึกชอบเวลามีคนอื่นเห็นคุณค่าในตัวเธอสูง แต่ฮวงเฟิงนั้นไม่สามารถเอาใจและดูแลเธอได้ตามที่เธอต้องการ ดังนั้น เมื่อมีพวกเศรษฐีมาตามตื้อเธอเข้า เธอจึงตัดสินใจทิ้งฮวงเฟิงและลาขาดจากเขาโดยไม่แม้แต่จะคิดถึงเขาอีกเลย

และฮวงเฟิงในตอนนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นไปตามที่เธอคาดเดาไว้ นั้นก็คือเขาดูไม่เปลี่ยนไปเลยซึ่งเธอเดาว่าเขาคงมีรายได้ไม่สูงมากนัก

"พนักงานรักษาความปลอดภัยในบริษัทแห่งหนึ่ง" ฮวงเฟิงกล่าวออกมาอย่างไม่ปิดบังและไม่พยายามโกหกตัวตนกับสถานะของเขาอีกด้วยว่าตอนนี้เขาเป็นเพียงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและที่เขามาที่นี่ก็มาในฐานะของตัวแทนโรงงานซึ่งไม่ได้มีหน้าที่อะไรที่สำคัญนัก

“เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหรอ?” วังทงทงตะลึงในครั้งแรกที่ได้ยินแต่จากนั้นเธอก็แสดงสีหน้าออกมาอย่างเหยียดหยามโดยไม่ปิดบังเช่นกันเพราะเธอก็คิดไว้อยู่แล้วว่าคนอย่างฮวงเฟิงคงจะไม่มีทางไปไกลได้กว่านี้แน่แต่เธอไม่ได้คิดว่าเขาจะตกต่ำถึงเพียงนี้

"ใช่" ฮวงเฟิงพยักหน้าตอบด้วยท่าทีที่ไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อยราวกับว่าสีหน้าที่ดูหมิ่นเหยียบหยาบของหวังทงทงไม่ได้ทำให้เขารู้แย่อะไรเลย

“ ถ้าอย่างนั้นทุกสิ่งที่คุณเรียนมาในมหาวิทยาลัยก็ไม่มีประโยชน์หรือ?” หวังทงทงดูเหมือนจะกังวลมากขณะที่เธอถามคำถาม ในความเป็นจริงเมื่อพวกเขาจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยหวังทงทงได้ส่งคืนทุกสิ่งที่เธอได้เรียนรู้ให้กับอาจารย์ของเธอแล้วและเธอก็ยังไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย สิ่งที่เธอคิดมาตลอดคือแต่งตัวอย่างไรจะแข่งขันอย่างไรและจะมีอารมณ์อยากเรียนรู้ที่ไหน

"มันไม่มีทางอื่นแล้วเพราะฉันต้องเลี้ยงดูครอบครั้ว" ฮวงเฟิงกล่าวซึ่งนี่เป็นความตั้งใจของฮวงเขาในตอนนั้นเขาจึงได้เลือกเข้าสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย อีกทั้งตอนนั้นเขาแทบไม่มีเงินจ่ายค่าเช่า ดังนั้นมันจึงเป็นทางเลือกสุดท้ายที่เขาต้องทำ

“ แล้วนายมาทำอะไรที่นี่ล่ะ?” หวังทงทงกล่าวขณะมองไปที่ฮวงเฟิงที่ดูท่าทางกำลังยุ่ง

"มารับสมัครงานน่ะ ที่โรงงานต้องการรับสมัครคน อีกอย่างไม่ค่อยมีคนว่างฉันจึงมาแทน" ฮวงเฟิงกล่าว

"แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่ล่ะ" ฮวงเฟิงกล่าวต่อ

"ก็เหมือนนาย ฉันกำลังหาคนมาสมัครงานอยู่เหมือนกัน แต่ฉันไม่ต้องนั่งประจำที่นี่เพราะฉันเป็นหัวหน้าแผนกทรัพยากรบุคคลของบริษัท" หวังทงทงกล่าวอย่างพอใจภูมิใจ

ที่มีพนักงานประมาณ 20 คนและเธอก็คิดว่าฮวงเฟิงคงเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงงานแห่งนี้ เช่นนั้น อนาคตของฮวงเฟิงจะเป็นอย่างไรต่อไปหรือเขาจะหยุดเพียงแค่พนักงานรักษาความปลอดภัยในโรงงานเล็ก ๆ แค่นั้นหรือ

อยู่ ๆ ได้มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินตรงมายังหวังทงทงและพูดว่า"ผู้จัดการหวังคะ มีบางอย่างที่ฉันต้องการให้คุณทำค่ะ"

"เข้าใจล่ะ" หวังทงทงพยักหน้าอย่างทะนงตนจากนั้นก็หันไปพูดกับฮวงเฟิงว่า: "ฉันมีเรื่องต้องไปจัดการ งั้นขอตัวก่อนนะ"

"คุณดูยุ่งเนอะ" ฮวงเฟิงพูดโดยที่ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก

หวังทงทงหันกลับมาลาเขาแล้วเดินจากไปแต่ในขณะที่เธอกำลังจะเดินจากไปสายของเธอได้ไปหยุดอยู่ที่กัวเมิ่งหานที่อยู่ข้าง ๆ ฮวงเฟิงชั่วครู่ จากนั้นความสงสัยและความรู้สึกหึงหวงได้แสดงออกมาผ่านสีหน้าของเธอ

"ผู้หญิงคนนี้คงเป็นเพื่อนร่วมงานของนายใช่ไหมฮวงเฟิง เธอเป็นคนที่สวยมากจริง ๆ เธอคงเป็นรุ่นน้องนายสินะ?"

หวังทงทงแอบคิดร้ายอยู่ในใจเพราะเธอคิดว่ากัวเมิ่งหานคงไม่ใช่แฟนของฮวงเฟิงอย่างแน่นอนและคนอย่าฮวงเฟิงไม่มีทางที่จะมีแฟนสวยขนาดนี้ได้

แต่ในใจเธอเองก็คิดเจ็บใจและรู้สึกอิจฉาอยู่ไม่น้อยเพราะในสถานะตอนนี้ของเธอก็ไม่ต่างอะไรจากเมียน้อยและอย่างน้อยเธอคนนั้นก็มีตัวตนในสังคมไม่เหมือนกับเธอ ที่เธอคิดเช่นนั้นเป็นเพราะตำแหน่งที่เธอได้มาปัจจุบันนั้นเป็นผลมาจากการที่เธอเอาร่างกายของเธอเข้าแลก เช่นนั้นเธอจึงทนมองคนที่สวยกว่าเธอไม่ได้

“ พี่เฟิง ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครเหรอคะ?” ก่อนหน้านี้ฮวงเฟิงยังไม่ได้แนะนำให้พวกเธอรู้จักกันแม้ว่าในตอนนั้นกัวเมิ่งหานจะยืนฟังพวกเขาสนทนากันอยู่ก็ตามและไม่กล้าที่จะขัดจังหวะพวกเขา

"อ่อ คนนี้เป็นเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยน่ะ" ฮวงเฟิงกล่าวอย่างเป็นกันเอง

"เก็บเรซูเม่พวกนี้ไว้ พวกเราอาจต้องใช้มันในอนาคต"ฮวงเฟิงกล่าวต่อ

ตอนนี้ในสายตาของฮวงเฟิงสิ่งที่สำคัญในตอนนี้ก็คือเรซูเม่ ส่วนหวังทงทงนั้นก็ไม่ได้สำคัญเท่าเรซูเม่และไม่แม้แต่จะอยู่ในสายตาของเขาเลย

"ได้เลยค่ะ" กัวเมิ่งหานเก็บเรซูเม่ตามที่ฮวงเฟิงสั่ง

อย่างไรก็ตามเงินเดือนของพนักงานขายอย่างโรงงานเล็ก ๆ แบบนี้จะต้องมีค่าคอมมิชชั่นเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะหากพวกเขาต้องพึ่งเงินเดือนอันน้อยนิดของพวกเขาเพียงอย่างเดียว พวกเขาคงไม่สามารถขายผลิตภัณฑ์ดี ๆ ของโรงงานได้เลยและแน่นอนว่าถ้าขายสินค้าไม่ได้ ค่าคอมมิชชั่นก็จะไม่ได้ด้วยเช่นกัน ดังเหล่าบัณฑิตที่ฉลาด ๆ จึงไม่ค่อยสนใจสมัครโรงงานเล็ก ๆ เช่นนี้

ซึ่งมันก็เหมือนกับฮวงเฟิงที่กำลังหางานทำในตอนนั้น ในตอนแรกพวกเขาก็ไม่คิดเปิดใจให้กับโรงงานพวกนี้แต่เมื่อหมดทางเลือก พวกเขาจึงไม่คิดถึงเรื่องอื่น ๆ มากเท่าใดแล้วเนื่องจาก ณ ตอนนั้นขอให้งานเป็นอันดับแรกก่อน

สำหรับคนกลุ่มนี้ ฮวงเฟิงสัมภาษณ์พวกเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จากนั้นก็จะดูว่าผู้สมัครมีคุณสมบัติตรงกับตำแหน่งพนักงงานขายหรือไม่ซึ่งโดยทั่วไปแล้วสิ่งจำเป็นของพนักงานขายนั้นจะต้องพูดคล่องมีคารมคมคาย หัวไวและมีบุคลิกที่เข้ากับผู้อื่นได้ง่าย อีกทั้งฮวงเฟิงมั่นใจในบริษัทรุ่ยเจี๋ยของเขาเป็นอย่างมากแต่สำหรับคนกลุ่มนี้เขายังสามารถผ่อนปรนข้อกำหนดให้อย่างเหมาะสมได้บ้าง