USB:บทที่ 139 เมินเฉย
เมื่อได้ยินถ้อยคำที่หยางกวางพูดเช่นนั้น ฮวงเฟิงก็ขมวดคิ้ว เขาเองก็มีความประทับใจกับหยางกวางคนนี้เช่นกันและเขาก็อายุมากกว่าฮวงเฟิงสองสามปี
ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ภายในแผนกรักษาความปลอดภัยนั้น ฮวงเฟิงอายุน้อยที่สุด
ถึงแม้ว่าฮวงเฟิงจะมีความประทับใจต่อหยางกวางอยู่ แต่ทั้งสองคนก็ไม่ค่อยได้มีปฏิสัมพันธิ์ต่อกันสักเท่าไร
เพราะว่าฮวงเฟิงนั้นเพิ่งจะเข้ามาได้ไม่นานนักและโดดเด่นในหน้าที่การงานมากกว่าเขา
เมื่อเขาตอบมาฮวงเฟิงมาเช่นนั้น เขาไม่ได้แสดงความเคารพต่อฮวงเฟิงเลยแม้แต่น้อย
เขานั่งลงตรงนั้นหลังจากที่พูดจบไม่แยแสฮวงเฟิงอีกต่อไปและหันกลับไปคุยกับคนข้างๆ
ฮวงเฟิงระงับความโกรธไว้ในใจ เขารู้ว่าเขาเพิ่งจะขึ้นรับตำแหน่งและหลายๆ คนก็ยังมีข้อกังขา
พวกเขาจึงพยายามที่จะลองดีกับเขา แต่เป็นเพราะคำสั่งของซูหยูโม่ เขาจึงไม่ได้สนใจ
ดังนั้น ฮวงเฟิงจึงพูดกบคนที่อยู่ข้างๆ หยางกวางว่า “ถ้าหยางกวางไม่ค่อยสบาย งั้นก็ไม่ต้องไป กวานเผิง คุณไปแทนนะ”
ในตอนนี้ เมื่อเห็นว่าฮวงเฟิงกำลังพูดกับเขา และสั่งให้เขาไปที่โรงงานด้านล่าง เขาจึงมีสีหน้ายุ่งยากใจขึ้นมาทันที
“ผู้จัดการฮวง ลูกของฉันเพิ่งจะเข้าโรงเรียนได้ไม่นานและแม่ของฉันก็ไปธุระต่างจังหวัด ถ้าฉันไปที่โรงงานฉันก็คงจะกลับไปรับลูกไม่ทันแน่ๆ แต่ถ้าผู้จัดการฮวงเฟิงยืนยันจะให้ฉันไป ฉันก็จะไปให้แต่ฉันน่ะมาทำงานสายทุกวัน ผู้จัดการฮวงอย่าหักค่าจ้างฉันนะ”
ลูกน้องคนนี้พูดด้วยความั่นใจราวกับว่าการทำเขามาทำงานสายนั้นไม่ใช่ความผิดของเขา แต่เป็นความผิดของฮวงเฟิง
ซึ่งฮวงเฟิงไม่สามารถตำหนิและหักเงินเดือนของเขาได้
สีหน้าของฮวงเฟิงเริ่มมีสีหน้าไม่ดี
พี่หวังที่อยู่ข้างๆ จึงลุกขึ้นยืนและพูดว่า “ผู้จัดการเฟิง งั้นฉันไปเองเป็นอย่างไร?”
ปกติแล้วเขาจะเรียกฮวงเฟิง ว่าเสี่ยวฮวงหรือเรียกชื่อตรงๆ แต่ในตอนนี้ฮวงเฟิงกลายเป็นผู้จัดการแล้ว จึงเห็นได้ชัดว่าเขาไม่อาจจะที่จะเรียกแบบเดิมได้อีกต่อไป
“คุณไม่จำเป็นต้องไปหรอก” ฮวงเฟิงโบกมือและขอให้พี่หวังนั่งลง
หลังจากนั้นเขาก็เดินไปตรงหน้าของคนที่ชื่่อเหลาปิง แต่เหลาปิงนั้นแสร้งทำเป็นไม่เห็นเขาและเล่นโทรศัพท์ต่อไป ไม่แม้แต่จะเหลือบตามามองฮวงเฟิง
เหลาปิงนั้นเป็นคนเก่าคนแก่ของแผนกรักษาความปลอดภัย เมื่อตอนที่บริษัทนี้ก่อตั้งขึ้น เขาก็เริ่มเข้ามาทำงานพร้อมๆ กันกับผู้จัดการหลิว
ก่อนหน้านี้ผู้จัดการหลิวได้ฉกเอาตำแหน่งผู้จัดการไปครองซึ่งก็ทำให้เขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก
และในตอนนี้ ผู้จัดการหลิวได้ถูกไล่ออกไปแล้ว เขาเองก็คิดว่าเขาคงจะมีโอกาสขึ้นมารับตำแหน่งนี้
แต่เขาก็ฝันกลางวันอยู่ได้ไม่นานเมื่อเบื้องบนมีคำสั่งแต่งตั้งผู้จัดการคนใหม่
และผู้จัดการคนใหม่นั้นก็ไม่ใช่เขา ซึ่งทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้จัดการคนใหม่เป็นคนที่เด็กกว่าเขา และเพิ่งจะเข้ามาทำงาน
เขามีลูกน้องอยู่สองสามคนที่เชื่อฟังเขา และหยางกวางและกวานเผิงก็เป็นหนึ่งในนั้น
คนกลุ่มนี้จะรับผิดชอบงานที่เกี่ยวข้องของบริษัทเป็นปกติอยู่แล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะอยู่ข้างของบริษัท
ฮวงเฟิงอาจจะสั่งให้พวกเขาลงไปที่โรงงานด้านล่างได้ แต่มันก็คงจะได้แค่ชั่วคราว แค่สองสามวัน
อย่างไรก็ตามในตอนที่ฮวงเฟิงได้รับการแต่งตั้งนั้น เหลาปิงก็ได้นัดแนะกันกับคนในกลุ่มของตัวเองแล้ว เกี่ยวกับคำสั่งของฮวงเฟิงเขาไม่ต้องการที่จะปฏิบัติตามและต้องการทำให้เขาอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ดีเพื่อให้งานของเขาไม่ก้าวหน้า
ด้วยวิธีนี้ผู้คนในระดับสูงก็จะได้รู้ว่าว่าหากเขาไม่มีความสามารถเขาจะถูกปลดออกจากตำแหน่งในฐานะผู้จัดการ
ดังนั้นเมื่อฮวงเฟิงจัดให้หยางกวางและกวานเผิงทำเช่นนั้น ทั้งสองคนจึงหาข้ออ้างที่จะปฏิเสธเขาทันที
“หัวหน้า ในเมื่อคุณก็มีเรื่องที่จะต้องไปอยู่แล้ว ทำไมคุณถึงไม่ลงไปเองซะล่ะ? คุณก็ไปอยู่ที่โรงงานสักสองสามวัน มันคงไม่นานเกินไปหรอก” ฮวงเฟิงกล่าว
“ผู้จัดการฮวงพูดกับฉันงั้นหรือ?” ในตอนนี้ เหลาปิงได้เงยหน้าขึ้นและแสร้งทำประหลาดใจมองดูฮวงเฟิง
“ขอโทษที ฉันได้ยินไม่ค่อยจะชัด ฉันอยากจะรบกวนให้ผู้จัดการฮวงพูดใหม่อีกที”
ในตอนนี้ลูกน้องคนอื่นๆ ภายในแผนกกำลังจ้องมองมาที่เขา เห็นได้ชัดว่าทุกคนรู้ว่าเหลาปิงพยายามที่จะลองดีกับฮวงเฟิง และยังต่อต้านเขาอีกด้วย
พวกเขาอยากจะรู้ว่าฮวงเฟิงจะทำอย่างไร แต่พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะจัดการกับเรื่องนี้ได้ ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ที่ ภายใต้คำสั่งของผู้จัดการหลิว แต่ก็มีหลายครั้งที่เหลาปิงไม่เชื่อฟังคำสั่งของเขา และยิ่งไปกว่านั้นสำหรับฮวงเฟิงที่เพิ่งจะเข้ามาใหม่ ตัวเขาเองยังมีรากฐานที่ไม่มั่นคงแล้วเขาจะไปต่อกรกับเหลาปิงที่เป็นอาวุโสกว่าได้อย่างไร
พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าซูหยูโม่จะมีความไว้วางใจในฮวงเฟิง ตั้งแต่ตอนที่ฮวงเฟิงเข้ารับตำแหน่ง ซูหยูโม่ก็คิดไว้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องเจอกับปัญหาเหล่านี้ ดังนั้นเธอจึงได้มอบตำแหน่งหัวหน้าให้แก่เขาโดยตรง
“หัวหน้าเหลา ฉันพูดว่า ถ้าลูกน้องของคุณงานยุ่งและโรงงานด้านล่างก็ต้องการการสนับสนุนเช่นกัน ถ้าเป็นเช่นนั้นฉันก็คงจะต้องให้หัวหน้าเหลาไปที่นั่นด้วยตัวเองแล้วล่ะ” ฮวงเฟิงกล่าวอย่างไร้ความรู้สึก
“ทำไมต้องเป็นฉันละ? ทำไมคนอื่นในทีมของฉันถึงไม่ไป? ให้คนอื่นไปไม่ได้งั้นเหรอ?” เขาไม่เคยคิดว่าเหลาปิงจะถามคำถามเช่นนี้กับฮวงเฟิง และตัวเขาเองก็ค่อนข้างจะเคารพเหลาปิง
ภายในสำนักงานนี้ จริงๆ แล้วมีมากกว่าหนึ่งกลุ่ม
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ก่อนที่ฮวงเฟิงจะทันพูดอะไรออกมา หลิวหง หัวหน้าของกลุ่มที่สองก็กระโดดขึ้นลง
“เหลาปิง นี่แกหมายความว่ายังไง ในเมื่อผู้จัดการฮวงสั่งให้ทีมของแกไป แล้วทำไมแกถึงไม่ไป นี่แกอยากจะผลักงานมาให้พวกฉันงั้นเหรอ?”
“ใช่แล้วล่ะ เหลาปิง คุณนี่มันช่างไม่จริงใจเสียเลย” ใครบางคนกล่าวเสริม
“นี่พวกแกเล่นสกปรกอะไรกัน? งานหนักๆ เป็นของทีมพวกฉันตลอดเลย ครั้งที่แล้วพวกแกก็เพิ่งจะได้ประโยชน์ไป และพวกแกสองคนก็เร็วกว่าคนอื่นๆ ด้วยนะ” เหลาปิงไม่ยอมรับ
“ก็พวกฉันเหมาะสม” หลิวหงกล่าว “อย่าเปลี่ยนเรื่องสิ ผู้จัดการสั่งให้พวกแกไป ถ้าแกปฏิเสธคำสั่ง พวกแกคงจะไม่เห็นผู้จัดการอยู่ในสายตาเลยสินะ!”
หลิวหงและเหลาปิงนั้นพวกเขาต่างก็เป็นพนักงานระดับสูงของบริษัททั้งคู่ ซึ่งโดยปกติแล้วพวกเขาสองคนจะไม่ค่อยลงรอยกันนัก แต่ในตอนนี้พวกเขาได้ปะทะกับฮวงเฟิงตรงๆ
“ถ้าแกมีความสามารถ แกก็ไปสิ ฉันยกให้” เหลาปิงกล่าว
“ผู้จัดการสั่งให้แกไปก่อนนะ” หลิวหงกล่าว
“ไม่ต้องกังวลไปหรอก พวกคุณทุกคนต่างก็มีโอกาสเหมือนกัน ถ้าคนจากกลุ่มแรกไปได้สักพักแล้ว เราจะให้กลุ่มที่สองไปเปลี่ยน” ฮวงเฟิงกล่าวขึ้นมาทันที
“ไม่นะ ผู้จัดการ ทำแบบนี้ไม่ได้นะ!”
ผู้ที่ต่อต้านในครั้งนี้คือหลิวหง ในขณะที่เหลาปิงหัวเราะเยาะอยู่ข้างๆ
ฮวงเฟิงคนนี้ไม่รู้ว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร ถ้าเขาโดนปลดเขาก็จะมีโอกาส แต่จริงๆ แล้วเขาก็ไม่พอใจทั้งสองคนดังนั้นเขาอาจไม่ต้องการนั่งในตำแหน่งผู้จัดการอีกต่อไป
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved