ตอนที่ 711

USB: บทที่ 711 กินข้าว

ในตอนกลางคืน ฮวงเฟิงไม่ได้ทานข้าวที่บ้านพักของตัวเองแต่เป็นที่ที่พักของซูหยูโม่ ถังมู่เสวี่ยเองก็ดูเหมือนว่าจะทราบข่าวนี้ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ไปพบฮวงเฟิงหลังจากที่เกิดเรื่อง

อาหารค่ำในวันนี้ถูกจัดให้ฮวงเฟิงเป็นการส่วนตัว ถึงแม้ว่าซูหยูโม่และเซี่ยเมิ่งเจียวจะอ้างว่าเชิญเขามาทานอาหารค่ำเพื่อเป็นการขอบคุณแต่หลังจากที่ฮวงเฟิงมาถึงเขาเข้าไปในห้องครัว และตามคำบอกเล่าของเซี่ยเมิ่งเจียวมีผู้คนมากมายที่มีความสามารถ

โชคยังดีที่เซี่ยเมิ่งเจียวรักษาคำพูดของเธอที่ให้ในวันนี้ หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จเธอก็ลากเอาถังมู่เสวี่ยกลับเข้าไปในห้องอย่างไม่เต็มใจและปล่อยให้ห้องรับแขกนั้นมีเพียงแค่ฮวงเฟิงและซูหยูโม่

“มีข่าวมาจากกรมตำรวจว่ารองผู้บัญชาการอู๋ถูกย้ายออกจากตำแหน่งแล้ว และคนอื่นๆ ที่มาที่ร้านวันนี้ก็ล้วนได้รับโทษในระดับที่แตกต่างกัน คงไม่มีแน่ถ้าฉันไม่ไปขอบคุณผู้กำกับชิว ฮวงเฟิงคุณไปเป็นเพื่อนฉันกับเมิ่งเจียวเพื่อไปขอบคุณเขานะ” ซูหยูโม่กล่าวกับซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ

เห็นได้ชัดว่าซูหยูโม่คิดว่าสาเหตุของเรื่องราวดังกล่าวเป็นเพราะผู้กำกับชิว แม้ว่าผู้กำกับชิวจะไม่ได้ช่วยเหลือด้วยความเคารพต่อเธอและเซี่ยเมิ่งเจียวแต่เขาก็ช่วยเหลือบริษัทของพวกเธอ เพราะเธอและเซี่ยเมิ่งเจียวไม่รู้จักผู้กำกับชิว ซึ่งคงเป็นการไม่ดีแน่ที่จะไปเยี่ยมเยียนกัน ดังนั้นหากพวกเธอพาฮวงเฟิงไปด้วยได้ในคราวเดียวกันก็จะสามารถไปแสดงความขอบคุณต่อเขาได้

"ไม่มีปัญหา" ฮวงเฟิงกล่าวว่าผู้กำกับชิวได้ช่วยเขาในเรื่องนี้แม้ว่าจะไม่ใช่เสียทีเดียว แต่เขาก็มีส่วนสนับสนุนเป็นอย่างมากและหากไม่มีผู้กำกับชิวก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะได้รู้จักกับผู้บัญชาการหวัง

เมื่อเห็นว่าซูหยูโม่ยังคงต้องการพูดคุยเกี่ยวกับบริษัท ฮวงเฟิงจึงรีบพูดอย่างรวดเร็วว่า: "หายากนะที่เราสองคนจะได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง ดังนั้นอย่าพูดถึงเรื่องธุรกิจเลย"

เมื่อได้ยินคำพูดของฮวงเฟิง ซูหยูโม่ก็หน้าแดงเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องบริษัทอีกต่อไป ในความเป็นจริงเนื่องจากความช่วยเหลือขอฮวงเฟิงในวันนี้ บริษัทของพวกเขาจึงไม่ต้องเป็นกังวลอีกต่อไป

ในขณะที่ฮวงเฟิงและซูหยูโม่กำลังนั่งคุยกันอยู่ที่ด้านนอก ภายในห้องเซี่ยเมิ่งเจียวและถังมู่เสวี่ยก็เริ่มเบื่อ

“ยัยจิ้งจอกถัง นี่เธอคิดว่าพวกเขากำลังคุยอะไรกัน?” ในที่สุดเซี่ยเมิ่งเจียวก็ถามออกมาอย่างอดไม่ได้

“นี่เธอมาถามฉัน แล้วฉันจะไปรู้ไหมล่ะ?” ถึงแม้ว่าเธอจะรู้มาตั้งนานแล้วว่าฮวงเฟิงและซูหยูโม่นั่นเป็นคู่รักกันและเธอเองก็ได้ทำใจเอาไว้นานแล้วแต่เมื่อเห็นฮวงเฟิงและซูหยูโม่พูดคุยกันอย่างหวานชื่นอยู่ในห้องรับแขก เธอเองก็อดไม่ได้ที่จะแอบรู้สึกไม่สบายใจ

“นี่ ยัยจิ้งจอกถัง วันนี้เธอกินดินปืนเข้าไปหรือไงกัน? ทำไมเธอถึงได้พูดจาห้วนแบบนี้?” หรือว่าเธอทะเลาะกับแฟนมางั้นเหรอ?” เธอถึงได้โมโหขนาดนี้ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงไม่ทำกับข้าววันนี้” เซี่ยเมิ่งเจียวพูดขณะที่มองดูถังมู่เสวี่ย

“ฉันกินดินปืนแบบไหนมาล่ะ? แล้วฉันก็ไม่ได้มีแฟนด้วย” เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยเมิ่งเจียว ถังมู่เสวี่ยก็ยิ่งกระวนกระวายใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอตกหลุมรักใครสักคนแต่สุดท้ายคนๆ นั้นกลับกลายเป็นแฟนของเพื่อนสนิทของเธอเอง

“นี่เธอบอกว่าเธอไม่มีแฟนงั้นเหรอ? พี่หยูโม่กับฉันรู้ทันหรอกน่า?” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าว

“พี่หยูโม่รู้อะไร? นี่พวกเธอรู้อะไร?” จู่ๆ ถังมู่เสวี่ยก็ลุกขึ้นมานั่งบนเตียงของเซี่ยเมิ่งเจียวและกล่าวออกมา

“ทำไมเธอดูตกใจจังล่ะ?” เซี่ยเมิ่งเจียวมองดูถังมู่เสวี่ยและเล่าให้ฟังว่า “ก็เธอไม่เคยทำซุปให้ใครมาก่อนเลยและพักหลังมานี้เธอก็ดูแปลกๆ ไปด้วย เธอไม่ได้มีแฟนหรอกเหรอ?” เดาไม่เห็นจะยากเลย?”

“อ่อ อย่างนี้นี่เอง ฉันตกใจแทบตาย” ถังมู่เสวี่ยกล่าวพร้อมกับลอบถอนหายใจ เธอคิดว่าพวกเขารู้เรื่องระหว่างเธอกับฮวงเฟิงแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าไม่เป็นเช่นนั้น นอกจากความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับฮวงเฟิงแล้ว ก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรอื่นอีกนอกเหนือจากนี้

“มีอะไรให้ต้องตกใจล่ะ? พี่หยูโม่กับฉันก็ยังบอกเธอตลอดเลยนะว่าให้พาแฟนของเธอมาพบพวกเราบ้าง พวกเราจะได้ช่วยดูว่าเขาเป็นใครกันนะที่ทำให้ยัยจิ้งจอกถังจอมดื้อของพวกเราต้องกลัวได้” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าว

“นี่เธอพูดเหมือนกับว่าก่อนหน้านี้ฉันโชคดีไม่ดีงั้นแหละ” ยัยจิ้งจอกถังกล่าว

“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงนั่นแหละน่า” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าว “อ้อใช่ ฉันเองก็อยากจะรู้ว่าแฟนของเธอเป็นคนยังไง”

“ไสหัวไปเลย ฉันไม่ได้มีแฟนสักหน่อย!” ถังมู่เสวี่ยกล่าว

“ช่างเหอะ ถ้าเธอไม่อยากบอก ฉันว่าเราไปแอบฟังพวกนั้นคุยกันดีกว่า!” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าว

“ถ้าพี่หยูโม่รู้ว่าเธอไปแอบฟังพี่เค้าไม่ปล่อยเธอเอาไว้แน่” ถังมู่เสวี่ยกล่าว

“ก็อย่าให้โดนจับได้สิ”

อย่างไรก็ตามขณะที่เซี่ยเมิ่งเจียวพูดจบนั้นก็มีเสียงดัง “ปัง” ดังมาจากอีกด้านของห้อง ฮวงเฟิงและซูหยูโม่ได้หายเข้าไปในห้องของพวกเขาแล้วถึงแม้ว่าเซี่ยเมิ่งเจียวอยากจะไปเงี่ยหูฟังสักแค่ไหนก็คงจะไม่ได้ยิน

“เธอว่าพวกเขาเข้าไปมีอะไรกันหรือเปล่า?” เซี่ยเมิ่งเจียวถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“บ้าน่า? พี่หยูโม่ไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย” พี่หยูโม่ไม่ใช่คนแบบนั้นแต่ฮวงเฟิงล่ะ ครั้งก่อนในห้องครัวฮวงเฟิงยังกล้าที่จะเปิดเผยความในใจ แล้วครั้งนี้ได้ไปอยู่ในห้องของพี่หยูโม่แล้วจะเหลืออะไร

“แปลกตรงไหน ฉันจะบอกอะไรให้นะ รู้ไหมฉันเห็นทั้งสองคนนั้นจูบกันอยู่ที่ชั้นล่าง นานแค่ไหนแล้วที่เขามาตามจีบพี่หยูโม่? ถ้าฉันไม่ได้เห็นด้วยตาของฉันเองฉันก็คงไม่เชื่อหรอก” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าว

“จริงดิ พวกเขาจูบกันแล้วเหรอ?” ถังมู่เสวี่ยเองก็ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกนี้อย่างไร

“เรื่องจริง ฉันเห็นด้วยตาของฉันเองเลย” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าวพร้อมใบหน้าที่จริงจัง

“ไอ้คนลามก!” อยู่ๆ ถังมู่เสวี่ยก็สบถออกมา ขณะที่ขบคิดเรื่องราวระหว่างฮวงเฟิงและเธอซึ่งมันก็เป็นไปได้จริงๆ

“ใช่ ไอ้คนลามก ฮวงเฟิงเป็นไอ้คนลามกจริงๆ” เซี่ยเมิ่งเจียวกล่าวพร้อมสีหน้าที่เห็นด้วย

อย่างไรก็ตาม พวกเธอทั้งสองคนไม่รู้ว่าคนลามกที่พวกเธอพูดถึงไม่ได้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับซูหยูโม่เลย แม้ว่าทั้งสองคนจะอยู่ในห้องที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว แต่ซูหยูโม่ก็ยังค่อนข้างขี้อายเพราะเธอมีเพื่อนสนิทอยู่ที่นี่ด้วย ดังนั้นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นพวกเขาก็ไม่ตกลงที่จะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับฮวงเฟิง แต่สุดท้ายขณะที่ฮวงเฟิงกำลังจะกลับฮวงเฟิงก็ได้ขโมยจูบของเธอ

สองสามวันต่อมาสถานการณ์ค่อนข้างเงียบสงบ แม้ว่ายาลดน้ำหนักตัวใหม่ของเฮฟเว่นส์ไพรด์กรุ๊ปจะไม่มหัศจรรย์อย่างที่โฆษณากล่าวไว้ แต่ก็ยังดีกว่าผลิตภัณฑ์อื่นที่คล้ายคลึงกัน ดังนั้น ยอดขายจึงยังค่อนข้างดีซึ่งกระตุ้นการพัฒนาของเฮฟเว่นส์ไพรด์กรุ๊ปอีกครั้ง

และโดยปกติแล้วฮวงเฟิงนั้นนอกเหนือจากการออกเดทและรับประทานอาหารกับซูหยูโม่แล้ว เขาจะใช้เวลาที่เหลือในการฝึกตนหรือเยี่ยมชมโรงกลั่นของเขา ไวน์ของเขากำลังจะออกสู่ตลาดแล้วและช่วงนี้เขาก็ยุ่งกับการโฆษณา