USB:บทที่ 241 มาอยู่ด้วยกัน
“นี่ ไหนๆพวกเราทั้งคู่ก็ยังไม่มีงานทำ เธอไม่ต้องเช่าห้องแล้วมาอยู่กับฉันก่อนดีไหม? พวกเราจะได้ประหยัดเงินยังไงล่ะ” กัวเหลียงหันมาสบตาพร้อมพูดกับโจวหรูหราน
"หืม ถามแบบนี้นายอยากโดนตีใช่ไหม?" โจวหรูหรานถามกลับ ถึงจะพูดไปแบบนั้น แต่เธอก็ยังพิจารณาข้อเสนอของกัวเหลียง
เธอจริงจังกับกัวเหลียงมาก ในขณะเดียวกัน เธอก็สามารถพูดได้เต็มเต็มปากได้ว่ากัวเหลียงเองก็จริงใจต่อเธอเช่นกัน
ในตอนนี้ พวกเขาสองคนไม่มีงานให้ทำแล้ว ดังนั้น เพื่ออนาคตที่สดใสของพวกเขา พวกเขาก็ควรทำตัวประหยัดอดออมสักนิด
แม้ว่าจะอยู่ด้วยกัน แต่แน่นอนว่าเธอจะแยกห้องนอนกับอีกฝ่าย นอกจากนี้ เธอยังมั่นใจมากว่าหากเธอไม่ยินยอม กัวเหลียงก็จะไม่บังคับเธอเป็นอันขาด
“ถ้าจะให้ฉันมาอยู่ด้วยจริงๆมันก็ได้แหละ...แต่ว่า..นายไม่ได้คิดอะไรพิเรนทร์ๆใช่ไหม...?” หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง โจวหรูหรานก็เอ่ยถามอีกครั้ง
"ใช่!" กัวเหลียงตอบกลับด้วยท่าทางสบายๆในทันที ตอนแรกเขาไม่คิดว่าโจวหรูหรานจะเห็นด้วย มันทำให้เขารู้สึกดีใจมาก
"เธอไม่ต้องกลัวไปนะ ถ้าเธอไม่เห็นด้วย ฉันก็ไม่จะทำอะไรแบบนั้นหรอก สัญญาเลย!"
โจวหรูหรานฟาดชายหนุ่มไปอีกหนึ่งที แล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
"ฮึ่ย! พอได้แล้ว มากินข้าวเถอะ นายคงเหนื่อยกับการหางานมาตลอดสองวันนี้"
“แต่ว่าฉันไม่ได้ไปหางานนะ” กัวเหลียงส่ายหัว
"จริงๆแล้วฉันออกไปหาโรงงานกับหมอนั่นน่ะ"
กัวเหลียงที่ต้องการความช่วยเหลือแฟนสาวเป็นทุนเดิม จึงไม่ปิดบังอีกฝ่าย
"หา!? โรงงาน? โรงงานอะไรกัน นายอยากทำงานที่โรงงานเหรอ?" โจวหนูหรานเอ่ยถามด้วยความตกใจ เธอรู้ดีว่างานนั้นหายากมาก แต่ดูจากความสามารถของกัวเหลียงกับฮวงเฟิงแล้ว สองคนนี้ไม่น่าจะอยากทำงานที่โรงงานนี่นา…
กัวเหลียงส่ายหัว “หมอนั่นอยากทำธุรกิจก็เลยมาชวนฉันน่ะ ฉันตอบตกลงและเอาเงินเก็บทั้งหมดไปใช้ เธอ..จะไม่ว่าฉันที่ไม่ได้บอกเธอก่อนใช่ไหม?”
โจวหรูหรานรู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งโทษชายหนุ่มจึงถามกลับไปว่า
"เหอะ แล้วนายจะประกอบธุรกิจแบบไหนล่ะ? การเริ่มต้นธุรกิจนั้นยากกว่าการหางานอีกไม่ใช่เหรอ? แถมก่อนหน้านี้ นายบอกฉันว่าฮวงเฟิงไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น ไม่ใช่รึไง?"
"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหมอนั่นไปหาเงินมาจากไหนตั้งสองล้าน มันอาจจะไม่ได้เยอะมาก แต่แค่นี้ก็มากพอแล้ว พวกเรากำลังเตรียมผลิตอุปกรณ์บำบัดน้ำเสีย อ้อ ฉันจะบอกว่า พรุ่งนี้ ฉันอยากให้เธอมาช่วยงานด้วยน่ะ ดูเหมือนว่าหมอนั่นจะยังไม่อยากลาออกจากงานเร็วๆนี้ และฉันเองก็ยุ่งเกินไปแล้ว" กัวเหลียงกล่าว
"หือ อุปกรณ์บำบัดน้ำเสียเหรอ?" โจวหรูหรานรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เธอไม่เคยเห็นเจ้าสิ่งนี้มาก่อน "ฉันไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่และฉันก็เชื่อว่านายเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ใช่ไหม? ทำไมพวกนายต้องการสร้างมันขึ้นมาล่ะ?"
เป็นธรรมดาที่โจวหรูหรานเป็นกังวล แม้ว่าเธอจะไม่ได้มีอะไรกับกัวเหลียง แต่พวกเราทั้งสองก็เป็นผู้ชายและผู้หญิง เธอจึงต้องคิดถึงเรื่องในอนาคต
หญิงสาวไม่ได้คัดค้านเรื่องที่กัวเหลียงต้องการสร้างธุรกิจ แต่อย่างน้อยก็ควรจะเป็นธุรกิจที่อีกฝ่ายคุ้นเคย ไม่ใช่เครื่องบำบัดน้ำเสียที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนแบบนี้ ให้ตายสิ!
“อืม..ฉันไม่เข้าใจเหมือนกัน ในช่วงสองวันที่ผ่านมา ฉันก็ได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับมันน่ะ เหตุผลที่ฉันต้องทำแบบนั้นก็เพราะว่าหมอนั่นได้วัสดุสำหรับการผลิตอุปกรณ์บำบัดน้ำเสียมา ตามที่หมอนั่นพูดไว้คือ ถ้าเราสามารถผลิตมันขึ้นมาได้จริงๆ มันก็จะมีคุณภาพดีกว่าที่มีอยู่ในตลาด เพราะอย่างนี้ ฉันเลยไม่กลัวว่าจะขายไม่ออก" กัวเหลียงกล่าว
“นี่เขามั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอ?” โจวหรูหรานแทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง แต่ถึงอย่างไร ฮวงเฟิงก็ไม่ใช่พวกที่จะผลักไสสิ่งดีๆออกไปไกลตัว
"เท่าที่ฉันรู้จัก หมอนั่นไม่ใช่คนที่จะพูดจาใหญ่โต ถึงของจริงจะดูไม่ดีเท่าที่เขาบอกนิดหน่อย แต่มันก็ไม่ได้แย่จนเกินไป เพราะฉะนั้นมันต้องดีกว่าผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในตลาดแน่นอน" กัวเหลียงกล่าว
ต่างจากโจวหรูหราน โจวหรูหรานเพิ่งรู้จักฮวงเฟิงได้ไม่นาน แต่ชายหนุ่มรู้จักฮวงเฟิงมาประมาณสามปีแล้ว
"ฉันก็หวังว่าจะอย่างนั้นนะ" แฟนของเธอทุ่มเงินเก็บทั้งหมดให้กับโครงการ และเขาก็ลงมือทำด้วยตัวเอง ดังนั้น เธอจึงไม่อยากให้โครงการนี้ต้องสูญเปล่า
“พรุ่งนี้ เธอเองก็ไปโรงงานกับฉันสิ ที่นั่นมีอะไรให้ทำเยอะแยะเลย หมอนั่นทำงานสองที่พร้อมกันไม่ได้ ส่วนฉันก็มีงานรัดตัว” กัวเหลียงกล่าว
"ได้เลย!" โจวหรูหรานใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบ
เนื่องจากตอนนี้เธอยังไม่มีงาน เธอเลยไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอะไรต่อ ด้วยเหตุนี้ การไปโรงงานของพวกเขาจึงถือว่าเป็นความคิดที่ดี
สถานที่ที่ฮวงเฟิงพักอยู่นั้นอยู่ห่างจากกัวเหลียงมาก ในขณะที่กัวเหลียงกับโจวหรูหรานกำลังเพลิดเพลินอยู่ในโลกของกันและกัน เขาก็เพิ่งเข้ามาในสถานที่เล็กๆแห่งหนึ่ง
“ฮึก..ฮือ...” ในขณะที่ฮวงเฟิงกำลังเดินลงไปที่ชั้นล่างสุดของที่พัก ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงสะอื้นไห้เบาๆ
"ดึกป่านนี้แล้วยังมีคนมานั่งร้องไห้อยู่ข้างนอกอีกเหรอ?" ฮวงเฟิงคิดในใจ ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะเดินไปตามที่มาของเสียงร้อง
ที่มุมตึกเล็ก ๆ ที่ห่างออกไม่ไกล ฮวงเฟิงเห็นร่างหนึ่งหมอบอยู่บนพื้น โดยศีรษะก้มลงไปอยู่ระหว่างขาทั้งสองข้าง ไหล่ของเขาสั่นอยู่ตลอดเวลาอีกทั้งยังร้องอวดครวญเสียงดังจนทำให้คนที่ผ่านมาทางนี้ได้ยินเสียงร้องอันน่าเวทนา
ฮวงเฟิงตัดสินใจเดินไปดูว่าคนๆนั้นคือใคร เนื่องจากเขาค่อนข้างรู้สึกคุ้นเคยกับร่างนี้มาก จึงก้าวเท้าเดินตรงไปหาคนๆนั้นทันที
ในตอนที่ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ขึ้น เสียงร้องไห้ก็ยิ่งชัดเจนขึ้น แสงจากโคมไฟดวงน้อยๆตามทางทำให้ฮวงเฟิงสามารถยืนยันได้ว่าคนๆนั้นคือใคร
“กัวเมิ่งหานเหรอ?” ฮวงเฟิงพยายามตะโกน
หลังจากได้ยินเสียงของฮวงเฟิง ทันใดนั้นร่างนั้นก็หยุดร้องแล้วค่อยๆเงยหน้าขึ้น เธอมองไปที่ฮวงเฟิงเงียบๆ
จนกระทั่งหญิงสาวตระหนักว่าคนที่พูดกับเธอคือ ฮวงเฟิง เธอจึงก้มศีรษะลงด้วยความตื่นตระหนก จากนั้นก็รีบเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าทันทีจนไม่เหลือร่องรอยแห่งความโศกเศร้าบนใบหน้าอีก
ท่าทีที่กัวเมิ่งหานแสดงให้ฮวงเฟิงเห็นนั้นเงียบและนิ่งมาก ถึงขั้นเป็นคนเก็บตัวจนดูเหมือนว่าเธอจะไม่ชอบเขา และไม่ต้องการมีปฏิสัมพันธ์กับคนที่เธอไม่รู้จัก
แม้ว่าวิธีนี้จะทำให้เธอสามารถปกป้องตัวเองได้ในระดับหนึ่ง แต่มันก็ทำให้เธอไม่ค่อยมีเพื่อนมากเท่าไหร่
“เป็นอะไรรึเปล่า?” ฮวงเฟิงนั่งลงข้างๆ กัวเมิ่งหาน ชายหนุ่มอยากจะยื่นทิชชู่ให้หญิงสาวซับน้ำตา แต่ทันใดนั้นเขาก็ต้องรู้สึกเก้อเขินขึ้นมาทันทีที่พบว่าตัวเขาไม่ได้พกมันมาด้วย
อย่างไรก็ตาม กัวเมิ่งหานไม่ได้ส่งเสียงออกมาและเพียงแค่เช็ดน้ำตาอยู่เงียบ ๆ
"ถ้าเธอมีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจอยู่ เธอบอกฉันได้นะ บางทีฉันอาจช่วยเธอได้ก็ได้ แต่ถึงฉันช่วยอะไรเธอไม่ได้ อย่างน้อยก็ได้ระบายมันออกมา เธอจะได้รู้สึกดีขึ้น" ฮวงเฟิงพูดต่อ
จากนั้นฮวงเฟิงก็นั่งเงียบๆเป็นเพื่อนหญิงสาว จู่ๆฮวงเฟิงก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมา เนื่องจากเขาดูเหมือนคนพูดมาก และอีกฝ่ายก็ไม่ได้ต้องการให้เขารบกวน
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้กัวเมิ่งหานไม่ได้มีอารมณ์เท่าไหร่นัก หญิงสาวอาจไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอก็เป็นได้
ทันใดนั้น ฮวงเฟิงก็นึกถึงวันที่กัวเหลียงลาออกเมื่อสองวันก่อน กัวเหลียงเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟังตอนที่ทั้งสองไปดื่มด้วยกัน จากนั้นเขาก็เอ่ยถามอีกฝ่ายต่อว่า "หรือว่าจะเป็นเรื่องงาน?"
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved