USB:บทที่ 573 หยูโม่ก็ด้วยหรอ

"รวมถึงการที่ฉันมาจัดตั้งบริษัทที่มณฑลเจียงนี้ด้วย นอกจากครอบครัวฉันจะไม่ยื่นมือเข้าช่วยแล้วพวกเขายังคอยขัดขวางฉันด้วย เงินที่ใช้ในการลงทุนก็มาจากน้ำพักน้ำแรงของฉันเองทั้งนั้น ถ้าหากไม่เป็นเพราะบริษัทของฉันไม่ต้องการเงินลุงทุนมากนัก ครอบครัวของฉันก็จะขัดขวางทำให้ฉันไม่สามารถเปิดบริษัทได้"

ความอัดอั้นตันใจของหญิงสาวยังคงถูกระบายออกมาเรื่อย ๆ และฮวงเฟิงก็ยังคงตั้งอกตั้งใจฟังเธออยู่อย่างนั้น นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกสงสารและเห็นใจหญิงสาวสวย ผู้ซึ่งเป็นที่อิจฉาของผู้คนมากมาย

"แล้วจะให้ช่วยคุณอย่างไร? ให้ผมช่วยพูดกับครอบครัวคุณให้อย่างนั้นเหรอ? แน่นอนว่าพวกเขาคงจะฟังหรอกนะ" ฮวงเฟิงพูดขึ้นบ้างในที่สุด

"ที่จริงแล้วยังพอมีวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้ฉันหลุดพ้นการถูกบังคับจากครอบครัว แม้ว่ามันจะไม่ใช่วิธีที่ดีนัก อย่างน้อยก็ยังพอมีหวัง และนั่นก็คือเหตุผลที่ฉันก่อตั้งบริษัทขึ้นมา" ถังมู่เสวี่ยพูดขึ้นพร้อมกับมองไปที่ฮวงเฟิงอีกครั้ง หลังจากพรั่งพรูสิ่งเหล่านั้นที่อยู่ในก้นบึ้งของหัวใจออกมาแล้ว อารมณ์ของเธอก็ค่อยเย็นลงมาบ้าง อีกทั้งไม่ได้รู้สึกเกลียดชังเขาเหมือนอย่างเมื่อครู่ที่ผ่านมา

"วิธีไหน? มันเกี่ยวอะไรกับการก่อตั้งบริษัทด้วย?" ฮวงเฟิงถามขึ้นอย่างงุนงง

"เอ่อ ที่จริงแล้ว พี่สาวซูหยูโม่เป็นคนแนะนำฉันเรื่องนี้" ถังมู่เสวี่ยกล่าว

"ว่าไงนะ? มันเกี่ยวอะไรกับเธอด้วย?" เมื่อได้ยินดังนั้นฮวงเฟิงเริ่มสับสนมากยิ่งขึ้น

"ในเมื่อคุณคบหาอยู่กับพี่สาวหยูโม่ และพยายามมองหาลู่ทางที่จะมีช่วงเวลาดี ๆ กับเธอ คุณก็น่าจะรู้ถึงฐานะของเธอบ้าง" เวลานี้ถังมู่เสวี่ยเริ่มเป็นฝ่ายงุนงงขึ้นมาแทน ฮวงเฟิงและซูหยูโม่คบหากันมานาน เขาก็น่าจะรู้ฐานะของอีกฝ่ายดี

"ผมไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ" ฮวงเฟิงส่วนหน้าแล้วพูดต่อว่า "ผมรู้แค่เพียงว่าพื้นฐานของครอบครัวเธอน่าจะเป็นครอบครัวที่มีฐานะดี ที่สำคัญผมชอบเธอ การที่ผมตามจีบเธอไม่เกี่ยวอะไรกับฐานะของครอบครัวเธอเลย"

"เอาละ ดูเหมือนว่าคุณจะไม่รู้จริง ๆ" ถังมู่เสวี่ยพอจะมองออกว่าสิ่งที่ฮวงเฟิงพูดนั้นเป็นความจริง

"สถานการณ์ของเธอเป็นอย่างไร? เหมือนเช่นเดียวกับคุณอย่างนั้นเหรอ?" ฮวงเฟิงเอ่ยถามขึ้นด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง

"ใช่" ถังมูเสวี่ยยอมรับ "พี่สาวหยูโม่ รวมถึงเมิ่งเจียวด้วย สภาพของพวกเราทั้งสามคนไม่ได้แตกต่างกันนัก ส่วนฐานะทางครอบครัวของฉันกับเมิ่งเจียวนั้นก็ไม่ได้ต่างกัน แต่ทางด้านครอบครัวของพี่สาวหยูโม่ ค่อย ๆ อ่อนแอลงทุกวัน แต่เรื่องนี่ไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปจะสามารถนึกภาพออก"

ในที่สุดความคิดของเขาก็ได้รับการยืนยันแล้ว และหัวใจของเขาก็รู้สึกหนักอึ้งมากยิ่งขึ้น ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะภาระที่เขาต้องแบกรับเอาไว้บนไหล่ ในเมื่อเวลานี้เขาถือได้ว่าเป็นแฟนของซูหยูโม่ ดังนั้นเรื่องของเธอก็คือเรื่องของเขาเช่นเดียวกัน แน่นอนว่าเขาต้องยื่นมือเข้าช่วยเหลือเธอ ส่วนอีกทางด้านหนึ่งก็คือเรื่องที่เขาเพิ่งได้รับฟังจากถังมู่เสวี่ย เขาเข้าใจดีว่าทำไมเธอจึงเล่าให้เขาฟัง นั่นเป็นเพราะว่าที่ผ่านมาชีวิตของเธอได้ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี และอาจเป็นได้ว่าตั้งแต่เล็กจนโต เธอไม่เคยได้ทำในสิ่งที่เธออยากทำเลยจริง ๆ สักครั้ง

"ถ้างั้น คุณพอจะบอกผมได้หรือยังว่าผมพอจะช่วยอะไรคุณได้? หรือผมพอจะช่วยเปลี่ยนชะตาชีวิตของคุณได้อย่างไร?" ฮวงเฟิงพูดขึ้น ขณะที่มองดูถังมู่เสวี่ย ถ้าหากพูดไปถ้าหากนี้เป็นเพียงแค่เรื่องของถังมู่เสวี่ยเพียงคนเดียว ฮวงเฟิงก็ยินดีที่จะทำดีที่สุดเพื่อช่วยเหลือ อย่างน้อยก็ชดเชยให้กับความผิดผลาดที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ สิ่งที่เขาพอจะทำได้คือทำให้ดีที่สุด  แต่เวลานี้เมื่อมีซูหยูโม่เข้ามาเอี่ยวด้วย ความคิดของฮวงเฟิงก็เปลี่ยนไปในทันที ไม่ว่าจะยากเย็นสักแค่ไหนในการที่จะเปลี่ยนโชคชะตาของพวกเธอ เขาก็จะทำ เพื่อให้เรื่องนี้จบสิ้นลง ต่อให้ต้องใช้ทุกวิถีทางเขาก็ยินดีที่จะทำมัน

"ฉันละอิจฉาพี่สาวหยูโม่จริง ๆ เลย" ถังมู่เสวี่ยวยังคงไม่ยอมบอกวีการแก้ปัญหาของเธอในทันที แต่เธอกลับยกกาแฟขึ้นจิบแล้วพูดต่อไปอีกด้วยความรู้สึกอิจฉานิด ๆ "การที่เธอได้พบคนอย่างคุณ คนที่เธอชอบแล้วเขาก็ชอบเธอตอบ อีกทั้งยังพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อเธอ" ถังมู่เสวี่ยสามารถเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของฮวงเฟิงได้อย่างชัดเจน หลังจากที่เขาได้ยินว่าซูหยูโม่เองก็ตกอยู่ในสถานการณ์ไม่ต่างไปจากเธอ เห็นได้ชัดว่าฮวงเฟิงให้ความสนใจในเรื่องนี้มากขึ้น

"ก่อนหน้านี่ตอนที่เมิ่งเจียวกับฉันสังเกตเห็นว่าพี่สาวหยูโม่ได้ให้ความสนในตัวคุณ ฉันไม่ได้พยายามที่ห้ามเธอเหมือนอย่างที่เมิ่งเจียวทำ ที่จริงฉันก็ไม่ได้โลกสวยอะไรหรอก ฉันเองก็เคยคิดว่าคุณไม่เหมาะสมกับพี่สาวหยูโม่ แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าพี่สาวหยูโม่ได้พบกับคนที่ใช้แล้ว" ถังมู่เสวี่ยกล่าว

"ต่อไปคุณก็จะพบกับรักแท้เช่นกัน" ฮวงเฟิงกล่าว

"ไม่ใช่คุณเหรอไง ที่ขโมยจูบแรกของฉันไป? คุณไม่รู้สึกละอายใจกับคำพูดคุณบ้างหรือไงกัน?" ถังมู่เสวี่ยพูดขึ้นพร้อมกับสายที่มองฮวงเฟิงอย่างเย้ยหยัน

ใบหน้าของฮวงเฟิงกลับแดงระเรื่อขึ้นมาอีกครั้ง เขาไอแห้งออกมาสองครั้งอย่างนึกละอายแก่ใจ แต่เขาก็ยังพูดอ้อมแอ้มออกมาว่า "นั่นก็เป็นจูบแรกของผมเหมือนกัน และจูบแรกของผมก็ถึงคุณขโมยไปเช่นเดียวกัน"

ได้ยินดังนั้นถังมู่เสวี่ยจ้องเขาเขม็งแต่ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้นอีก "จูบแรก" ในความคิดของเธอ ถึงแม้นั้นจะเป็นจูบแรกของเขาจริง แต่จูบแรกของเขาจะเทียบกับจูบแรกของเธอได้อย่างไรกัน?

"เอาละ กลับมาพูดถึงหนทางที่ผมพอจะจะช่วยคุณได้ดีกว่า?" ฮวงเฟิงสรุปขึ้น

"เหตผลที่ครอบครัวของเราต้องการจับพวกเราคลุมถุงชน ก็เพียงเพื่อผลประโยชน์ ตราบใดที่พวกเราสามารถหาผลประโยชน์ให้กับพวกเขาได้ พวกเราก็อาจจะพอมีหวังที่จะเปลี่ยนความคิดของพวกเขาได้" ครั้งนี้ถังมู่เสวี่ยไม่ได้พูดนอกเรื่อง เธอตรงเข้าประเด็นทันที

"คิดว่าเป็นไปได้เหรอ?" ฮวงเฟิงถามขึ้นอย่างไม่ค่อยแน่ใจ

"แน่นอน มันทั้งเป็นไปได้และก็เป็นไปได้เช่นเดียวกัน หลังจากที่พวกเราสร้างผลประโยชน์มากมายให้กับพวกเขาแล้ว แต่ถ้าตาแกหัวดื้อพวกนั้นยังยืนยันความคิดของตัวเองอยู่เหมือนเดิม มันก็ช่วยไม่ได้" ถังมู่เสวี่ยกล่าว

ฮวงเฟิงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาก เหตุผลการผูกสัมพันธ์กันระหว่างตระกูลไม่เพียงแต่เพียงเพื่อผลกำไรเท่านั้น หากแต่อาจเป็นเพราะต้องการเส้นสายอื่น ๆ อีกด้วย

"อย่างไรก็แล้วแต่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่คือโอกาสเดียวและโอกาสสุดท้ายของพวกเรา ดังนั้นพวกเราจึงไม่อยากพลาดโอกาสนี้ไป และนี้ก็คือเหตุผลที่พี่สาวหยูโม่และเมิ่งเจียวได้ก่อตั้งบริษัทเฮฟเว่นไพร์กรุ๊ปขึ้น และที่ฉันมาเปิดบริษัทของฉันเองก็เพราะคำแนะนำจากพวกเขานี่แหละ" ถังมู่เสวี่ยอธิบาย

"ฮึ่ม ถ้าหากว่ามันคือโอกาสเดียว ผมไม่มีทางยอมแพ้แน่" ฮวงเฟิงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย "ถ้าเป็นแบบนั้นผมต้องร่ำรวยมากแค่ไหนถึงเป็นที่พอใจของพวกเขา? จากคำบอกเล่าของเซี่ยเมิ่งเจียว กิจการของเฮฟเว่นไพร์กรุ๊ฟค่อนข้างเป็นไปได้ดีเลย ยังไม่เป็นที่พอใจอีกหรือไง?"

"ยัง" ถังมู่เสวี่ยส่ายหน้า "ยังต้องการอีกมาก"

"จะอยากได้อะไรมากขนาดนั้นกันนะ?" ฮวงเฟิงพูดขึ้นอย่างคาดไม่ถึง

อย่างที่รู้กันว่าบริษัทเฮฟเว่นไพร์กรุ๊ปในตอนนี้ถือว่าเป็นองค์ที่ใหญ่มากในมณฑลชิง อีกทั้งยังมีชื่อเสียงระดับประเทศ และทั้งหมดนี้คือความสำเร็จของซูหยูโม่และเซี่ยเมิ่งเจียว สองสาวที่ยังคงคิดว่าครอบครัวของพวกเธอยังไม่พอใจกับความใจกับความสำเร็จระดับนี้โดยใช้เวลาเพียงแค่สองปีเท่านั้น