ตอนที่ 421

USB:บทที่ 421 ตัดสินใจ

"ถ้ามีอะไรที่ฉันทำได้ ฉันจะช่วยนาย" ฮวงเฟิงคิดอยู่สักพักเพราะเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าควรจะยอมรับให้เทียนจุ้นมาอยู่ฝ่ายเขาดีหรือเปล่า แต่เขาก็ทราบเช่นกันว่าหากเขาช่วยเทียนจุ้นได้มันก็จะเป็นประโยชน์ต่อตัวเทียนจุ้นในเรื่องที่สามารถบอกเขาเกี่ยวกับเรื่องของพี่เฟยได้ล่วงหน้า มันทั้งเป็นประโยชน์ต่อตัวเทียนจุ้นและไม่ทำให้ตัวเขาต้องเป็นอันตรายอีกด้วย

เทียนจุ้นรู้อยู่แล้วว่าฮวงเฟิงต้องลังเลแน่ ความจริงแม้ว่าตัวเขาเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตอนที่เขาให้คำมั่นสัญญาว่าจะจงรักภักดีต่อฮวงเฟย เขาจะตอบรับกลับมาเพราะไม่ว่าจะสนิทกับฮวงเฟิงเพียงใดก็มักจะวิเคราะห์​ข้อได้เปรียบเสียเปรียบทุกเรื่องเสมอ

ก่อนหน้านี้ ตอนที่เทียนจุ้นคิดถึงเรื่องนี้ เขาคิดว่าถ้าฮวงเฟิงยังไม่เห็นด้วยที่จะยอมรับเขา เขาเองก็จะลืมเรื่องนี้ไปเสีย เพราะในอนาคตเขายังคงต้องพึ่งพาตนเองหรืออาจจะมองหาคนอื่นมาเป็นที่พึ่งพาแทนและคงไม่ได้ติดต่อกับฮวงเฟิงสักระยะ สุดท้ายแล้วถ้าฮวงเฟิงยังไม่ยอมรับเขานั่นก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาไม่ต้องการที่จะสร้างปัญหาเพิ่มให้ตัวเอง

อย่างไรก็ตามนั่นก็เป็นเพราะสิ่งที่เทียนจุ้นได้ทำไปแล้วจึงตัดสินใจที่จะทำเช่นนี้ ไม่ว่าฮวงเฟิงจะคิดเช่นไร แต่ตราบเท่าที่เขาจะสามารถช่วยน้องสาวของเขาได้ เขาก็สามารถมอบชีวิตนี้ให้กับฮวงเฟิงได้เช่นกัน

ดังนั้น เขาจึงเลือกที่จะไม่พูดคำพูดเหล่านี้กับฮวงเฟิงในตอนนี้แต่เขาก็ได้แอบตัดสินใจไปแล้วในใจด้วย

หลังจากที่ออกมาจากบ้านของเทียนจุ้น ฮวงเฟิงก็นึกถึงเรื่องนี้มาตลอด ในระยะนี้เทียนจุ้นก็ไม่ได้ดูเลวร้ายมากนัก เขาไม่ได้สัมผัสได้ถึงผีพนันในตัวเทียนจุ้นสักเท่าไหร่ อาจจะดีกว่าผู้ติดตามของเขาบางคนด้วยซ้ำ

จริงๆ แล้วถ้าเขามีเทียนจุ้นเข้ามาช่วยด้วยมันจะทำให้เขาสะดวกในการทำธุรกิจในเมืองชิงมากขึ้น แต่ตอนนี้เขาก็ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน

เดิมทีฮวงเฟิงวางแผนที่จะกลับไปคุยเรื่องนี้กับไป๋เสี่ยวโหรวแต่ก่อนที่เขาจะกลับไป เขาได้รับโทรศัพท์จากเจียเมิ่งหานว่าเธอนั้นต้องการที่จะพบฮวงเฟิงเพื่อเซ็นข้อตกลง

จริง ๆ เธอต้องการพบฮวงเฟิงตั้งแต่หลังจบคลาสแล้ว แต่ในเวลานนั้นฮวงเฟิงมีบางอย่างที่ต้องไปทำและต้องไปที่บ้านของเทียนจุ้น ดังนั้นจึงไม่มีเวลาให้เธอ ความหมายของฮวงเฟิงก็คือมันยังไม่สายเกินไปที่จะเซ็นสัญญาในเมื่อยังเหลือเวลาอยู่ แต่เจียเมิ่งหานกลับต้องการเซ็นสัญญาโดยเร็วที่สุด

ดังนั้นฮวงเฟิงจึงไม่ได้กลับบ้านอีกเลยแต่ได้พบกับเจียงเมิ่งฮานข้างนอกแทน ทั้งสองพบกันที่ถนนเส้นเดียวกัน เมื่อถึงฤดูร้อน แผงอาหารริมถนนก็เริ่มเปิดขายซึ่งการได้กินอาหารสตรีทฟู๊ดนฤดูถือว่าเป็นสิ่งที่เพลิดเพลินทีเดียว

"นี่คือข้อตกลง ฉันจะทำตามความต้องการของคุณ ลองอ่านดูสิคะ ถ้ามีอะไรที่คุณไม่โอเค ฉันจะได้แก้ไขให้ทันที" เมื่อพวกเขาทั้งสองเจอกัน เจียงเมิ่งหานก็หยิบข้อตกลงที่เธอเตรียมไว้นานแล้วออกมาจากกระเป๋าเธอและยื่นให้กับฮวงเฟิง

เมื่อให้เทียบอารมณ์ของเธอในตอนนี้กับเมื่อคืนนี้ถือว่าดีกว่ากันมาก เมื่อวานตอนที่เธอบอกกับฮวงเฟิงว่าเธอเองไม่มีเงิน เธอจึงรู้สึกกังวลว่าจะรวบรวมเงินจากที่ไหนมารักษาอาการป่วยของแม่เธอได้

แต่อย่างไรวันนี้ถือว่าแตกต่างออกไปเพราะฮวงเฟิงได้โอนเงินจำนวนห้าแสนบาทให้กับเธอหลังจากที่เธอเลิกเรียนเนื่องจากเขาไม่มีเวลาจึงได้เลือกทำเช่นนี้ เมื่อเธอทราบเช่นนั้น เธอจึงรีบไปโรงพยาบาลเพื่อจ่ายค่ารักษาให้กับแม่และเพื่อที่จะให้ทางโรงพยาบาลเตรียมการรักษาให้กับแม่ของเธอในทันที

"นี่คือบิลที่ฉันจ่ายไปเมื่อตอนบ่ายตอนที่อยู่โรงพยาบาล ลองดูสิ" ฮวงเฟิงยังไม่ทันได้ดูข้อตกลง เธอก็หยิบใบเสร็จออกมาจากกระเป๋าแล้วโชว์ให้เขาดูแล้ว เธอต้องการพิสูจน์ให้ฮวงเฟิงดูว่าเงินที่เขาให้เธอมาเธอเอาไปใช้รักษาแม่ของเธอจริง ๆ

" นี่บัตรประชาชนของฉัน ฉันเองก็จะขอเดิมพันกับคุณ" เจียงเมิ่งหานหยิบบัตรประชาชนของตนออกมาแล้วยื่นไปตรงหน้าฮวงเฟิง

"คุณเตรียมตัวมาดีทีเดียว" ฮวงเฟิงกล่าวพลางหัวเราะ เขาไม่ได้สนใจเรื่องเงินมากอยู่แล้วแม้ว่าตัวเขาเองจะไม่ค่อยมีเงินก็ตาม แต่เงินที่เขาได้มานั้นก็เป็นที่เขาคิดว่ามิควรได้ หากเขาเลือกที่จะใช้เงินจำนวนนี้เองเขาก็คงจะรู้สึกอึดอัดใจ แต่การที่ได้ช่วยใครสักคนนั่นถือว่าไม่เป็นปัญหา แม้ว่าเจียงเมิ่งหานจะโกหกเขาก็ตามแต่เขากลับคิดว่าไม่มีอะไรจะต้องเสียแล้ว

เจียงเมิ่งหานหัวเราะอย่างเขินอาย: "ฉันแค่กลัวว่าจะเตรียมของไม่พอน่ะ"

เธอได้เตรียมสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเพื่อที่จะบอกฮวงเฟิงว่าเธอไม่ได้โกหกเขา เงินจำนวนนั้นถูกนำไปใช้ในการรักษาแม่ของเธอและจะถูกชำระคืนในอนาคตอย่างแน่นอน

อาจกล่าวได้ว่าข้อตกลงนี้ เจียงเมิ่งหานเป็นคนตัดสินใจที่จะยื่นข้อตกลงนี้ให้กับฮวงเฟิงเอง ไม่ว่าฮวงเฟิงจะบอกให้เธอทำอะไร เธอก็จะยินดีทำอย่างแน่นอนและไม่ว่าจะเป็นงานแบบไหนเธอก็ยังยินดี แม้ว่าฮวงเฟิงจะให้เธอเป็นคนล้างห้องน้ำทุกวันอยู่แล้วแต่เธอก็ไม่เคยคัดค้านแต่อย่างใดเลย

แต่นี่ก็เป็นเพียงข้อตกลงที่ไม่แน่นอนเนื่องจากฮวงเฟิงยังมีบางส่วนที่รู้สึกคัดค้านอยู่ในใจบ้าง

เมื่อฮวงเฟิงดูรายการการชำระเงินเขาก็พบว่าเงินได้ถูกใช้ไปกับการรักษาจริง ๆ แต่นั้นไม่ใช่ปัญหา เพราะสิ่งที่แย่ไปกว่านั้นก็คือเงินจำนวน 500,000 หยวนได้ถูกใช้ไปแล้วในส่วนของการจ่ายค่าธรรมเนียมแรกเข้าซึ่งนั่นก็สามารถจินตนาการต่อได้ว่าหลังจากที่แม่ของเธอได้รับการผ่าตัด เธอคงจะไม่มีแม้แต่เงินสำหรับการพักฟื้นหลังผ่าตัดของแม่เธอด้วยซ้ำ

ฮวงเฟิงรู้ว่าสิ่งนี้ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่น้อยกว่าการรักษาเลย หากได้รับเพียงการรักษาแต่ไม่ได้รับการพักฟื้นก็ไม่อาจฟื้นตัวได้อย่างสบูรณ์และอาจจะต้องใช้เวลาในการหายมากกว่าเดิมด้วยซึ่งอาจเป็นผลทำให้ไม่สามารถทำให้อาการที่เป็นอยู่หายขาดได้

เมื่อคิดได้เช่นนั้น ฮวงเฟิงจึงกล่าวกับเจียงเมิ่งหานว่า: "เอางี้ไหม ฉันจะโอนเงินให้เธออีก 100,000 หยวนพรุ่งนี้ หลังจากที่แม่ของเธอผ่าตัดเสร็จแล้วก็หาซื้อของดีๆ ให้กับท่านเพื่อบำรุงร่างกายด้วย"

“ คุณฮวง คุณจะทำแบบนั้นทำไม? ทั้ง ๆ ที่คุณได้ให้เงินห้าแสนหยวนกับฉันมาแล้วนะ!” เจียงเมิ่งหานกล่าวทันควัน แน่นอนว่าเธอหวังว่าจะได้เงินมากขึ้นและการที่ได้เงินมาก็เป็นประโยชน์ต่อตัวแม่ของเธอตัวแต่เธอเองก็ได้เงินตั้งห้าแสนหยวนมาจากฮวงเฟิงแล้ว เธอจึงรู้สึกระอายใจเกินกว่าที่จะรับเงินของฮวงเฟิงอีกครั้ง

"ไม่เป็นไร ถึงฉันให้เงินเธอไปแล้วห้าแสนแต่เธอก็ยังต้องจ่ายเงินอีกหนึ่งแสนหยวนไม่ใช่เหรอ? ยิ่งไปกว่านั้น เงินที่เธอยืมไปทั้งหมด เธอต้องจ่ายคืนฉันในอนาคตอยู่แล้ว" ฮวงเฟิงกล่าวพลางหัวเราะ เขากล่าวว่าเงินพวกนั้นไม่ใช่เงินของเขาเขาจึงไม่ได้สนใจมันอีกต่อไปแล้ว

“ ขอบคุณนะคะ คุณฮวง” น้ำตาได้ไหลออกมาจากดวงตาของเจียงเมิ่งหาน ในใจของเธอในตอนนี้ทั้งชื่นชมและยกย่องฮวงเฟิงว่าดียิ่งกว่าพรจจากสวรรค์ไหน ๆ โดยเฉพาะเมื่อเธอต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่สิ้นหวัง ฮวงเฟิงกลายเป็นที่มีค่ายิ่งสำหรับเธอไปแล้วเพราะเขาเป็นคนเดียวที่เข้ามาช่วยเหลือเธอ ดังนั้นจะให้เธอหนีไปไหนที่ไหนได้อีก

"ส่วนเรื่องบัตรประชาชน คุณควรเอากลับคืนไป ผมเชื่อใจคุณ อีกอย่างถ้าคุณไม่มีบัตรประชาชนติดตัวมันจะเป็นการไม่สะดวกกับตัวคุณเปล่า ๆ" ฮวงเฟิงกล่าวขณะที่เขาส่งบัตรประชาชนของเธอให้กับเจียงเมิ่งหาน

สิ่งที่ฮวงเฟิงกล่าวไปถือว่าเป็นความจริงเพราะการไม่มีบัตรประชาชนในบางครั้งก็สามารถทำอะไรได้ไม่สะดวกจริง ๆ