ตอนที่ 304

USB:บทที่ 304 กระแสพลัง

ในช่วงบ่าย ฮวงเฟิงและกัวเมิ่งหานได้คัดเลือกผู้สมัครเพิ่มอีกสองสามคนซึ่งโดยส่วนใหญ่จะถูกจัดให้อยู่ในตำแหน่งพนักงานขายในขณะที่คนอื่น ๆ จะถูกจัดให้รับช่วงทำงานต่อในโรงงาน ในส่วนการรับสมัครงานอื่น ๆ นั้นจะง่ายกว่าเล็กน้อย แต่ไม่ว่าจะมีผู้สมัครเข้ามาที่โรงงานเป็นจำนวนมากเท่าไหร่ แต่สำหรับฮวงเฟิงและกัวเมิ่งหานนั้นคิดว่าไม่ได้จำเป็นที่จะต้องรับมามากตามจำนวนที่สมัครเข้ามา

ในช่วงบ่าย ฮวงเฟิงเห็นหวังทงทงเดินผ่านไปมาสองสามรอบไม่ใช้เพราะว่าเขาอยากจะเจอเธอแต่เขาเห็นเธอเดินไปมารอบ ๆ บูธทุกครั้งที่ฮวงเฟิงกำลังทำธุระเธอก็จะเข้ามาสอนฮวงเฟิงว่าควรทำอะไรอย่างไรและในขณะเดียวกันก็สอนวิธีมองคนและการคัดเลือกพนักงาน

ส่วนของฮวงเฟิงก็ทำได้เพียงยิ้มตอบเธอเท่านั้น แต่ในทางกลับกันกัวเมิ่งหานเธอไม่สามารถอดทนดูสถานการณ์แบบนี้ได้แม้ว่าเธอจะยังไม่ทราบสถานะที่ชัดเจนของทั้งฮวงเฟิงและหวังทงทงได้ สุดท้ายเธอก็เลือกที่จะไม่พูดอะไร

"เป็นยังไงบ้าง? มันไปได้สวยใช่ไหม?" ในช่วงบ่ายของวันนั้นฮวงเฟิงและกัวเมิงหานกลับมาที่โรงงานอีกครั้ง

"ก็ไม่แย่นะ ฉันจัดการหาคนมาได้แล้ว ตอนนี้คนก็ดูน่าจะเพียงพอแล้ว แต่อย่างไงโรงงานของเราคงขยับขยายได้อีกแน่นอนในอนาคต ดังนั้นพวกเราจึงยังหยุดรับสมัครคนไม่ได้

ไม่เลวนะฉันจัดการจัดหาคนมาได้แล้วตอนนี้ก็น่าจะเพียงพอแล้วอย่างไรก็ตามโรงงานของเราจะขยายออกไปอย่างแน่นอนดังนั้นเราไม่สามารถหยุดสรรหาบุคลากรนี้ได้" ฮวงเฟิงกล่าว

"แน่นอน!" หลังจากที่ได้เห็นอุปกรณ์ที่ฮวงเฟิงจะขาย กัวเหลียงกดูจะมีสปิริตเพิ่มขั้นและไม่ค่อยมองอนาคตของโรงงานในแง่ร้ายเท่าไหร่แล้วแม้ว่าฮวงเฟิงไม่คิดที่จะขยายโรงงานก็ตาม แต่กัวเหลียงก็ยังเสนอแนะเขาไป

เมื่อฮวงเฟิงเดินไปดูรอบ ๆ เวิร์กช็อป กัวเมิงหานได้พูดถึงเรื่องผู้หญิงคนที่ไปเดินในงานจัดหางานของวันนี้ สุดท้ายยังไงฮวงเฟิงและกัวเหลียงก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยและผู้หญิงในวันนี้ที่เจอก็เป็นเพื่อนของเขาด้วยเช่นกัน

"เธอบอกว่าวันนี้ไปเจอหวังทงทงมายังงั้นหรือ?" กัวเหลียงกล่าวด้วยความประหลาดใจ

"ใช่ค่ะ ฉันได้ยินพี่เฟิงเรียกเธออย่างนั้น" กัวเมิ่งหานกล่าว

“ เธอเคยเป็นแฟนกับฮวงเฟิงสมัยมหาลัยน่ะ แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้คุยกันมานานแล้วน่ะหลังจากที่เลิกกัน” กัวเหลียงกล่าว

“ หา แฟน?!” กัวเมิ่งหานร้องลั่น เพราะเธอไม่คิดว่าหญิงสาวที่ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดในตอนนั้นจะเคยเป็นแฟนของฮวงเฟิงสมัยมหาวิทยาลัย

"ใช่ แต่สุดท้ายผู้หญิงคนนั้นก็ดันไปเลือกพวกคนรวยจนคิดจะเลิกกับฮวงเฟิงที่กำลังหลงเธอ" กัวเหลียงกล่าวด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม ในฐานะเพื่อนสนิทและเพื่อนของฮวงเฟิง เขาจึงรู้เรื่องดีระหว่างหวังทงทงกับฮวงเฟิง ดังนั้น เขาจึงรู้ว่าหวังทงทงเป็นคนเช่นไร

"ก็เป็นอย่างนั้นแหละ เป็นเรื่องที่ไม่แปลกอยู่แล้วที่ผู้หญิงคนนั้นจะทำให้คนอื่นรู้สึกอึดอัดได้"กัวเหลียงกล่าว เนื่องจากเขามีความคิดที่อคติเป็นทุนเดิม ยามเมื่อกัวเหลียงรู้ได้ถึงความคิดของหวังทงทง เขาจึงรู้สึกไม่ดีกับเธอ อีกทั้งเมื่อเขารู้เรื่องที่เธอแสดงกิริยาท่าทางไปในวันนี้มันก็ยิ่งทำให้เขาไม่ชอบเธอมากยิ่งขึ้น

"นี่นายกำลังพูดถึงเรื่องอะไร?" ในเวลานี้ฮวงเฟิงได้เดินกลับมาแล้วและเมื่อเห็นทั้งคู่คุยกัน เขาจึงถาม

“ วันนี้นายเจอหวังทงทงมาใช่ไหม?” กัวเหลียงถาม

กัวเมิงหานรู้สึกลำบากใจเล็กน้อยเพราะกลัวว่าฮวงเฟิงจะคิดว่าเธอพูดมากเกินไป แต่ท่าทางของฮวงเฟิงกลับดูไม่ใส่ใจอะไรพร้อมกล่าวอีกว่า : "ใช่ ดูเหมือนว่าจะทำได้ดีทีเดียว"

"นายจะไม่กลับไปใช่ไหม" กัวเหลียงถามเขาด้วยความเป็นห่วงเรื่องก่อนหน้านี้

แม้ว่ากัวเมิงหานจะก้มหัวลงแต่เธอก็ยังคงเงี่ยหูฟังจนเห็นได้ชัดว่าเขาทั้งสงสัยและกังวลเป็นอย่างมากเกี่ยวกับคำตอบที่กำลังจะออกมาจากปากฮวงเฟิง

"จะเป็นไปได้ไง ในเมื่อเราสองคนเลิกกันแล้ว แล้วฉันก็มูฟออนได้แล้วด้วย" ฮวงเฟิงกล่าวต่ออีกว่า: "การได้พบเธอตอนนี้ก็เหมือนกับการเจอเพื่อนร่วมชั้นธรรมดาคนหนึ่ง"

“ ไม่แค้นเลยเหรอ” กัวเหลียงกล่าว เพราะสุดท้ายแล้วหลังจากเลิกกันฮวงเหิงก็ยังคงชอบหวังทงทงมาก ส่วนหวังทงทงที่เพิ่งเลิกกับเขาได้ไม่นานก็คบกับพวกเศรษฐีต่อทันทีและมันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่ฮวงเฟิงจะต้องคิดแค้นอยู่ในใจ

“ ตอนนั้นฉันเองก็รู้สึกอึดอัดนิดหน่อย แต่ก็ผ่านมานานแล้ว” ฮวงเฟิงกล่าว

"เป็นเรื่องดีที่นายคิดได้แบบนั้น ผู้หญิงแบบนั้นไม่มีค่าอะไรให้นายต้องรอ" กัวเหลียงกล่าว หลังจากพูดแบบนั้นเขาก็มองไปที่กัวเมิ่งหานและพูดว่า: อันที่จริงนายเองก็ควรมองไปรอบ ๆ บ้าง บางทีนายอาจเจอสิ่งที่ดีกว่าก็ได้”

เมื่อรู้สึกได้ว่ากัวเหลียงกำลังจ้องมองมาที่เธอ ใบหน้าของกัวเมิ่งหานก็แดงระเรื่อ ในทางกลับกันฮวงเฟิงกลับไม่ได้มีความรู้สึกอะไร

ในขณะที่เขากำลังจะเลิกงาน ฮวงเฟิงได้รับโทรศัพท์จากชิวหนิงซวง เธอโทรมาบอกกับเขาว่าเบื่อไม่อยากอยู่ที่บ้านจึงได้ชวนเขาออกไปกินข้าวด้วยกัน

ฮวงเฟิงคิดว่าหลังจากนี้คงไม่มีธุระอะไรที่ต้องทำต่อแล้ว เขาจึงได้ตอบตกลงเธอไป

ณ ร้านอาหารบรรยากาศดีแห่งหนึ่ง ฮวงเฟิงเห็นชิวหนิงซวงกำลังโบกมือเรียกเขา

"เธอโอเคขึ้นแล้วใช่ไหม?"

“ ตอนนี้ฉันรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว ถ้าฉันรู้ว่าตัวเองยังมีกระสุนอยู่ในร่างกาย ฉันก็ยังคงรู้สึกไม่ต่างจากคนปกตินักหรอก” ชิวหนิงซวงกล่าวขณะยิ้ม เธอชัดเจนมากเกี่ยวกับสภาพร่างกายของเธอว่าหายกลับมาเป็นปกติแล้ว

"ดีแล้ว แต่ควรเอากระสุนออกดีกว่าเนอะ" ฮวงเฟิงกล่าว มันไม่ใช่เรื่องดีที่จะมีกระสุนอยู่ในร่างกายของเธอและแน่นอนเขาจะเอามันออกให้เธออย่างเร็วที่สุดด้วย

“โอ้ใช่ ที่ฉันโทรหาคุณวันนี้ก็เพราะมีเรื่องอยากจะถามคุณคือฉันไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเท่าไหร่ ฉันเลยคิดว่าถ้ามาถามนายคงจะได้คำตอบ" ชิวหนิงกล่าวกับฮวงเฟิง

"เรื่องอะไรเหรอ?" ฮวงเฟิงมองไปที่ใบหน้าที่จริงจังของชิวหนิงซวงพร้อมความสงสัยในใจ

“ นับตั้งแต่ที่นายป้อนยาฉันครั้งสุดท้าย ฉันรู้สึกราวกับว่ามีพลังงานบางอย่างไหลเวียนอยู่ในร่างกายของฉัน แต่มันก็ดูเหมือนจะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายของฉันและมันยังช่วยให้ร่างกายของฉันฟื้นตัวได้เร็วขึ้นเล็กน้อยด้วย เมื่อก่อนฉันก็ไม่ได้สนใจมันมากนักหรอก แต่หลังจากผ่านไปหลายวันแล้วพลังงานพวกนั้นมันเหมือนยังคงอยู่ในร่างกายของฉัน " ชิวหนิงซวงถามด้วยความสงสัย

ฮวงเฟิงได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจซึ่งนั่นอาจเป็นเพราะผลเวอร์มิลเลี่ยนก็ได้ หากเขาเดาถูก การไหลเวียนของพลังงานั้นน่าจะเป็นผลมาจากการกินผลเวอร์มิลเลี่ยนเข้าไปจนก่อเป็นพลังงานภายในหรือกลายเป็นพลังเวทย์ เป็นเพราะชิวหนิงซวงไม่ได้ฝึกการวรยุทธมาก่อน เธอจึงไม่สามารถนำกระแสพลังงานได้ เธอจึงทำได้เพียงปล่อยให้มันไหลเวียนไปตามร่างกายของเธออย่างอิสระ

ฮวงเฟิงเคยคิดว่าผลเวอร์มิลเลี่ยนจะสามารถช่วยให้ผู้บริโภคเพิ่มความเร็วในการฝึกยุทธและฟื้นบำรุงร่างกายของเขาได้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าผลของ เวอร์มิลเลี่ยนจะดีกว่าที่เขาคิด แม้ว่าจะเป็นชิวหนิงซวงที่ไม่เคยเรียนรู้เทคนิคการฝึกใด ๆ มาก่อนก็ยังรับรู้ถึงพลังงานและยังมีพลังงานเหลืออยู่ในร่างกายอีกหลังจากที่ร่างกายของเธอได้รับการซ่อมแซมแล้วก็ตาม

แต่ฮวงเฟิงไม่รู้ว่าจะอธิบายเรื่องนี้กับชิวหนิงซวงได้อย่างไรเพราะสุดท้ายแล้วสำหรับคนธรรมดาทั่วไปเรื่องแบบนี้มันดูเหมือนจะเกินความเข้าใจสำหรับพวกเขา

"นายรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างไหม?" เล่าให้ฉันฟังเถอะ ถึงฉันจะรู้ว่ากระแสลมนี้จะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายฉันแต่รู้ตัวดีว่าตอนนี้รู้สึกยังไง อีกอย่างมันยังรู้สึกอึดอัดอยู่ข้างในนิดหน่อยด้วย" เมื่อมองไปที่ท่าทีของฮวงเฟิง ชิวหนิงซวงก็เดาได้ว่าพลังงานในร่างกายของเธอนั้นคืออะไร แต่อย่างไรก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เต็มใจที่จะพูดด้วยเหตุผลบางอย่าง