ตอนที่ 153

USB:บทที่ 153 สงครามใกล้จบ

เมื่อลุงอู๋ได้ยินคำพูดเหล่านั้น อารมณ์ผิดหวังของหนิววาจื่อก็เริ่มจะมีขึ้นมาเล็กน้อย แต่ถึงแม้ว่าการยิงครั้งนี้จะพลาดเป้าไป แต่มันก็ยังคงทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นและกลัวในใจที่จะยิงออกไป

ในตอนนี้นั้นเขาไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นหรือกลัวอีกต่อไปแล้ว เขาคิดเพียงแค่ว่าจะทำอย่างไรถึงจะเล็งให้เข้าเป้าได้

หลังจากที่ดึงไกปืนแล้ว หนิววาจื่อก็เล็งไปที่เป้าอีกครั้ง และครั้งนี้เขาใช้เวลาน้อยกว่าครั้งที่แล้วและหลังจากที่เล็งเสร็จเขาก็ยิง

“ปัง!”

หลังจากที่เหนี่ยวไกปืนออกไปแล้ว ในครั้งนี้ หนิววาจื่อก็ต้องรู้สึกพอใจอย่างประหลาดเพราะว่าข้าศึกคนที่เขาได้เล็งปืนใส่นั้นได้ร่วงลงกับพื้นหลังจากที่เขายิงออกไป และไม่เคลื่อนไหวอีกเลย

“ลุงอู๋ ได้แล้ว ฉันทำได้แล้ว!” ท่ามกลางเสียงปืนที่ดังกึกก้องในสนามรบผสมกับเสียงที่ตื่นเต้นของหนิววาจื่อ

“ใช่แล้ว หนิววาจื่อนี่ช่างน่ามหัศจรรย์จริงๆ เขาจะต้องเป็นนักแม่นปืนในอนาคตแน่ๆ!” ลุงอู๋เองก็ได้เห็นสภาพของข้าศึกแล้วในตอนนี้ ไม่ว่าข้าศึกคนนั้นจะถูกฆ่าโดยหนิววาจื่อหรือคนอื่น นั่นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ

สิ่งสำคัญก็คือการให้กำลังใจหนิววาจื่อ เพื่อที่ว่าเขาจะได้ไม่กลัวอีกต่อไปและเพื่อที่จะให้เขามีความมั่นใจมากขึ้น

“อืม ฉันจะต้องเป็นนักแม่นปืนในอนาคตแน่ๆและจะฆ่าเจ้าพวกวายร้ายให้สิ้นซากเลย” หนิววาจื่อปลดเซฟตี้ของปืนลงและพยักหน้าอย่างแรง ดวงตาของเขาเต็มไปความโหยหาราวกับว่าเขากำลังเฝ้าดูตัวเองที่จะกลายเป็นนักแม่นปืนเพื่อฆ่าศัตรูทั้งหมดทีละคนๆ ในสนามรบ

อย่างไรก็ตาม ศัตรู้ทั้งหลายก็พากันล้มตาย หลังจากที่หนิววาจื่อลั่นไกปืนออกไปและฆ่าศัตรูได้ในครั้งแรก เขาก็รู้สึกมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมและองอาจมากขึ้น

ทันใดนั้นสหายคนที่นอนอยู่ไม่ไกลจากเขามากนัก ก็ล้มลงทันทีทำให้เขาถึงกับตกตะลึง

จากนั้นเขาก็พบว่าสหายคนนี้ที่เขาเคยพูดถึงเขาก่อนหน้านี้ได้เสียชีวิตลงต่อหน้าต่อตา

แม้ว่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นคนตายและเขาก็เคยเห็นพ่อแม่ของเขาตายด้วยตาของเขาเองมาแล้ว

แต่ในสนามรบเช่นนี้สหายคนนี้ที่ยังมีชีวิตอยู่และสบายดี และกำลังฆ่าศัตรูด้วยมือของเขาเองแต่กลับเสียชีวิตในทันที เขาจึงตกตะลึง

“เพียะ!”

ในทางกลับกันลุงอู๋ตีเขาอย่างไร้ความปรานี เขามองไปที่ลุงอู๋อย่างเหม่อลอยและได้ยินเขาพูดว่า: “อย่าเหม่อแบบนั้นสิ อยู่ในสนามรบแบบนี้นายต้องไม่เสียสมาธิ นายต้องได้เจอเรื่องแบบนี้ไปจนกว่าการต่อสู้จะสิ้นสุด นายก็ค่อยเรียนรู้มันไป ฆ่าศัตรูที่นายเห็นให้หมด”

“อ้อ” หนิววาจื่อตอบโดยอัตโนมัติ จากนั้นเมื่อเขายิงออกไปอีกครั้ง เขาก็ไม่ได้มีสภาพเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไปแล้ว

ในใจและในดวงตาเขาเขาเขาเห็นเพียงแค่ใบหน้าของชายคนนั้น ท่าทางที่เขาพูดกับเขาในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ และท่าทางที่น่าอนาถของเขาก่อนที่เขาจะตาย มันช่างเหมือนกันนักกับตอนที่เขาได้เห็นพ่อกับแม่ของเขาต้องตายไปต่อหน้าต่อตา

“หนิววาจื่อ สหายคนนี้เพิ่งจะตายไปต่อหน้าต่อตานาย รวมถึงพ่อแม่ของนายด้วย ถึงแม้ว่านายจะยังเด็กแต่นายก็เป็นลูกผู้ชายนะ อย่าทำตัวเป็นผู้หญิงหน่อยเลย สิ่งที่นายจะต้องทำก็คือใช้ปืนในมือของนายล้างแค้นพวกมันซะ นั่นก็คือสิ่งที่ลูกผู้ชายต้องทำ! ไม่ช้าก็เร็ว นายก็จะถูกฆ่าตายด้วยศัตรูพวกนั้น เพราะฉะนั้นนายต้องฆ่าพวกมันเสียก่อน ล้างแค้นให้ครอบครัว และสหายของนายก่อนที่พวกมันจะฆ่านายเถอะ!” เสียงของลุงอู๋ดังขึ้นอีกครั้ง

ใช่แล้ว ฉันต้องล้างแค้น!

เมื่อได้ยินลุงอู๋พูดเช่นนั้น ดวงตาของหนิววาจื่อก็เบิกกว้าง เขาจะต้องอยู่เพื่อล้างแค้นใช่ไหม? ล้างแค้นให้พ่อกับแม่ ให้สหายของเขา! ฆ่าไอ้พวกสารเลว!

หลังจากที่คิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว หนิววาจื่อก็ฟื้นตัวอีกครั้ง

แม้ว่าเขาจะยังคงนึกถึงภาพของพ่อแม่และสหายของเขาอยู่ในตอนนี้

แต่คราวนี้ไม่ใช่ภาพของพวกเขาที่อยู่ในสภาพที่น่าสังเวช แต่พวกเขากำลังเฝ้าดูเขาฆ่าศัตรูคนแล้วคนเล่าและปกป้องให้พวกเขาปลอดภัย หนิววาจื่อรู้สึกว่าเขาพบเป้าหมายที่เขาต้องฝ่าฟันไปให้ได้แล้ว

การรุกของศัตรูทวีความรุนแรงมากขึ้น ความสูญเสียของฝั่งนี้ก็มีมาก แต่ความมุ่งมั่นของพวกเขานั้นเต็มเปี่ยมมากและพวกเขาไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว

ในที่สุดศัตรูก็ถูกบังคับให้ล่าถอยและเมื่อศัตรูหายไปจากระยะการมองเห็น กัปตันก็จัดให้คนไปเคลียร์สนามรบเพราะพวกเขาไม่มีกระสุนมากนักและยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาจะต้องตรึงกำลังไว้สักระยะหนึ่ง นั่นจึงเหตุให้พวกเขาได้พักเอาแรงสักหน่อย

ในเวลาเดียวกันนั้น หนิววาจื่อได้วิ่งออกมาจากร่องลึก ในการต่อสู้ครั้งก่อนเขาได้ยิงศัตรูเพียงไม่กี่คน แต่เขาไม่รู้ว่าพวกนั้นเสียชีวิตหรือว่าแค่ล่าถอยกลับไปเพราะบาดเจ็บ

อย่างไรก็ตามนี่เป็นการต่อสู้ครั้งแรกของเขาและเขาจึงอยากจะเก็บไว้เป็นที่ระลึก หลังจากที่เขาได้กำจัดศัตรูออกจากประเทศของเขาไปแล้ว เขาจะวางสิ่งนี้ไว้บนหลุมศพของพ่อแม่เพื่อปลอบประโลมวิญญาณของพวกท่านบนสวรรค์

“คุณต้องส่งคืนมานะ จะเก็บเอาไว้เป็นสมบัติส่วนตัวไม่ได้” ลุงอู๋พิงป้อมปราการพร้อมกับยิ้มขณะที่มองดูปืนในมือของเขา

“ไม่มีทาง!” หลังจากที่หนิววาจื่อได้ยินลุงอู๋พูดเช่นนั้น เขาก็เอาสิ่งนั้นซ่อนไว้ด้านหลังของเขาในทันที

“ข้าศึกพวกนั้นฉันเป็นคนฆ่า แล้วมันผิดตรงไหนถ้าฉันจะเอาปืนของพวกนั้นมา?”

อย่างไรก็ตามลุงอู๋ก็พูดว่า “ฉันเข้าใจว่าคุณอยากจะทิ้งความทรงจำเอาไว้เบื้องหลัง แต่กองทัพก็มีกฎเกณฑ์ที่ว่าข้าวของจากสงครามจะต้องถูกส่งมอบให้กองทัพ และจากนั้นผู้นำชั้นสูงจะจัดแจงเอง”

จากนั้นเขาจึงมองไปรอบๆ และกล่าวว่า “ดูสิ พวกเรามีกระสุนปืนไม่เพียงพอ และพวกเรายังต้องตรึงกำลังไว้อีกสักระยะหนึ่ง มันไม่มีประโยชน์เลยนะที่จะเอาไปเก็บไว้ แล้วพอพวกเราเก็บมันมาแล้วเอาไปแจกจ่าย ทีนี้พวกเราก็จะสามารถต่อสู้กับศัตรูได้เพิ่มอีกหน่อยเลยนะ”

เมื่อได้ยินคำของลุงอู๋ หนิววาจื่อก็ลังเล เขาไม่ใช่คนที่ยโสโอหังและทราบสถานการณ์ที่นี่ดี แต่เขาเพียงแค่รู้สึกกระอักกรอ่วนที่จะยกให้

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ เขาก็ตัดสินใจที่จะส่งมอบอาวุธเหล่านั้นคืนให้

อย่างไรก็ตามเขาได้แอบเก็บปืนไว้กระบอกหนึ่ง เป็นปืนที่เขาเพิ่งจะหยิบออกมาจากสนามรบ มันคงจะเป็นของพลทหารคนหนึ่ง

จากนั้นเขาก็ขุดหลุมเล็กๆ ในป้อมปราการในตอนที่ลุงอู่และคนอื่นๆ ไม่ได้สนใจเขาและซ่อนปืนกระบอกนั้นเอาไว้ข้างใน

อย่างไรก็ตาม เขารู้ดีว่ากระสุนนั้นมีน้อย เขาจึงเหลือกระสุนไว้ในปืนแค่เพียงนัดเดียวและส่งที่เหลือคืนไป

ลุงอู๋ไม่เห็นว่าหนิววาจื่อกำลังซ่อนปืนเอาไว้ อีกทั้งเขายังเห็นว่าหนิววาจื่อได้ส่งมอบปืนและเครื่องกระสุนทั้งหมดมาแล้ว และยังได้ชื่มชมเขาอีกด้วย

สิ่งนี้ทำให้หนิววาจื่อรู้สึกละอายเล็กน้อยและเขาก็คิดในใจว่า รอไว้ให้สงครามสิ้นสุดเสียก่อน แล้วเขาจะกลับมาเอามันไป