ตอนที่ 657

USB:บทที่ 657 สงคราม (5)

“ต้องใจเย็นๆ! ข้ารู้อยู่แล้ว ไอ้สุนัขรับใช้ไม่ได้หวังดีมาตั้งแต่แรก พวกมันกล้าหักหลังข้า ไอ้สุนัขรับใช้ ข้าจะฆ่าพวกมันให้หมด!” กลางสนามรบเหว่ยกวงบันดาลโทสะเหตุเพราะถูกหวังต้าหนิวหักหลังโดยไม่ทันตั้งตัว

การโจมตีอย่างกะทันหันของหวังต้าหนิวทำให้เหว่ยกวงได้รับความเสียหายอย่างยิ่ง ตอนนี้แผนที่เขาคิดไว้พังไม่เป็นท่า กองทัพพยัคฆ์คำรามถูกโจมตีจากด้านหลังจนไม่สามารถต้านทานได้ นอกจากนี้ จู่ๆ เหว่ยกวงก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ ความสามารถในการต่อสู้ของทหารกบฏเหล่านี้ไม่ธรรมดาและแข็งแกร่งกว่ากองทัพของติงเหวินฉางในอดีต นี่คือสิ่งที่เขาคิดไม่ถึง

แท้จริงแล้ว เรื่องนี้มีสาเหตุมาจากการขาดประสบการณ์และไร้ความสามารถของเหว่ยกวง ในตอนที่หวังต้าหนิวนำทัพมาที่นี่ เขาไม่ได้เอะใจแม้แต่น้อย อีกทั้งยังคิดว่าอีกฝ่ายถูกบีบบังคับเพราะเขา ดังนั้นเขาจึงไม่ถามความอีกฝ่าย

เขาจัดกองทัพของหวังต้าหนิวอยู่ด้านข้างเพื่อคอยสนับสนุนเขาแทนที่จะเป็นด้านหน้ากองทัพ อาจเป็นเพราะเขากลัวว่าหวังต้าหนิวจะคิดว่าเขาจะส่งกองทัพพันธมิตรเหล่านี้ไปตายเปล่า เป็นสาเหตุที่เขาไม่ได้จัดพวกเขาไว้ด้านหน้า

ทว่าตอนนี้ ข้อตกลงนี้ทำให้เกิดผลที่เลวร้ายมาก ทั้งศัตรูที่อยู่ตรงหน้า หรือแม้แต่ด้านข้างก็ไม่ได้ช่วยเขาอีกทั้งยังทำให้เขาล้มลงอีกด้วย

อีกด้านหนึ่ง สถานการณ์ของติงเหวินฉางไม่ได้ดีไปกว่าเหว่ยกวงมากนัก ก่อนหน้านี้คู่ต่อสู้ทั้งสองเป็นพันธมิตรต่อกัน ฮวงเฟิงนำคนมาสร้างความวุ่นวายในกองทัพของติงเหวินฉางทำให้เกิดความเสียหายมากมายตามมา เนื่องจากทักษะการต่อสู้ของฮวงเฟิงนั้นสูงกว่าคนในกองทำ และโดยพื้นฐานแล้วไม่มีใครสามารถหยุดการโจมตีของเขาได้

ผลก็คือ เมื่อติงเหวินฉางนำคนไปสังหารทหารกลางสนามรบ ติงเหวินฉางไม่สามารถสั่งการได้อีก และกองกำลังพันธมิตรที่กำลังต่อสู้กับกองทัพพยัคฆ์คำรามด้านหน้ายังไม่รู้ว่ากองหลังของตัวเองเกิดความวุ่นวายไปแล้ว และยังคงสู้รบกับกองทัพพยัคฆ์คำรามสุดชีวิต

ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงหลังจากเริ่มการปะทะกัน เขาก็มาถึงกลางกองทัพและฆ่าติงเหวินฉางที่ยังหัวเสีย ติงเหวินฉางเป็นเพียงนักวิชาการและไร้ความสามารถ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายต่อฮวงเฟิงที่จะฆ่าเขามากกว่าคนที่มาก่อนเขา

กองทัพพันธมิตรไม่มีการจัดระเบียบที่ดีมาตั้งแต่แรก และตอนนี้ผู้นำของพวกเขาถูกฆ่าตาย มันจึงพังลงอย่างสมบูรณ์ หลังจากสังหารคนไปกลุ่มหนึ่ง ฮวงเฟิงก็เกรงว่าคนที่เหลือจะคุกเข่าและยอมจำนนต่อเขา

ฮวงเฟิงสั่งคนให้จับเชลยขณะที่เขานำคนไปโจมตีฐานของกองทัพพยัคฆ์คำราม การร่วมมือกับหวังต้าหนิวครั้งนี้ แม้แต่กองทัพเหล็กก็พ่ายแพ้ มีทหารถูกฆ่าตายนับไม่ถ้วน และมีคนมากมายหลบหลบหนีไป ส่วนเชลยมีจำนวนค่อนข้างน้อย

สงครามกินเวลาเกือบหนึ่งวันเต็ม ต่อมาพวกเขาจะไล่จับเชลยที่หลบหนีไปยังที่ต่างๆ แม้ว่ามันจะเป็นงานที่ใช้แรงไม่น้อย แต่ก็คุ้มค่าเมื่อเทียบกับผลประโยชน์ที่พวกเขาจะได้รับ

เมื่อพระจันทร์มาเยือน ฮวงเฟิงนำคนมุ่งหน้าไปที่มณฑลอู่ และในเวลาเดียวกัน ซุนเหลียงก็มุ่งหน้าไปยังมณฑลอู่เพื่อกอบกู้สถานการณ์ เขานำกองทัพเข้าไปในเมือง

“แม่ทัพฮวง ท่านช่าง ช่าง.. ข้าไม่รู้จะพูดยังไง ท่านช่างมีพรสวรรค์อย่างยิ่ง!” ซุนเหลียงพูดกับฮวงเฟิง

ภายในเวลาสั้นๆ นอกจากฮวงเฟิงจะยึดเมืองได้แล้ว เขายังสามารถกำจัดสองทัพใหญ่ที่ยึดพื้นที่ใกล้เคียงกองทัพของพวกเขาได้อีกด้วย หากไร้การคุกคามจากกองทัพทั้งสอง ในไม่ช้าพวกเขาจะได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว

ในเวลาเดียวกัน ชื่อเสียงของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก ในบรรดากองทัพทั้งหมดในโลก พวกเขามีชื่อเสียงเลื่องลือที่สด สิ่งนี้เป็นผลดีต่อการพัฒนาในอนาคตอย่างยิ่ง

และที่สำคัญที่สุด หลังจากต่อสู้มาหลายครั้ง ความแข็งแกร่งของพวกเขานอกจากจะไม่ลดลงแล้วยังเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ในตอนที่พวกเขาออกจากมณฑลหลี่ พวกเขามกันแค่เจ็ดหมื่นคนเท่านั้น ทว่าตอนนี้อาณาเขตได้ขยายออกไปมากกว่าหนึ่งเท่า จำนวนคนในทีมก็เพิ่มขึ้นเป็นหนึ่งแสนสองหมื่นคน อาจกล่าวได้ว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาเพิ่มขึ้นมากทีเดียว และสิ่งที่ควรรู้ก็คือพวกเขายังมีคนระดับสูงจากจักรวรรดิอีกมากมายเข้าร่วมกองทัพด้วย

ด้วยเหตุนี้ ซุนเหลียงจึงชื่นชมฮวงเฟิงจากก้นบึ้งของหัวใจ เขารู้แล้วว่าชายผู้นี้เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาเคยพบมา

ในตอนนี้ ไม่ได้เพียงซุนเหลียงเท่านั้น แม้แต่หวังต้าหนิวที่อยู่ข้างกายฮวงเฟิงและทหารระดับสูงคนอื่น ๆ ก็ประทับในตัวเขาและชื่นชมเขาไม่น้อยไปกว่าซุนเหลียง พวกเขาเคยประสบกับสิ่งนี้เป็นการส่วนตัว พวกเขาจึงรู้สึกประทับใจในตัวฮวงเฟิงมากกว่าซุนเหลียง

ดังนั้นคนเหล่านี้จึงไม่มีข้อกังขาต่อคำสั่งของฮวงเฟิง เสมือนว่าตำแหน่งของฮวงเฟิงในกองทัพสูงกว่าซูเผยไปแล้ว

สิ่งนี้ทำให้ฮวงเฟิงแอบกังวลเล็กน้อย ตามประวัติศาสตร์จีน มีทหารมากมายต้องเสียชีวิตเพราะความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของพวกเขา และแม้ว่าซูเผยจะเชื่อใจเขา แต่เขาไม่กล้ารับปากว่าเขาจะไม่คิดเล็กคิดน้อยเกี่ยวกับมัน ดังนั้น ฮวงเฟิงจึงคิดว่าเป็นการดีที่สุดที่จะหาโอกาสในการต่อรองกับซูเผย

กองทัพของฮวงเฟิง หลังจากพักผ่อนที่มณฑลอู่เป็นเวลาหนึ่งวัน เขาก็นำกองทัพและเชลยกลับไปที่มณฑลหลี่ แต่อย่างไรก็ตาม การกลับมาในครั้งนี้ไม่ต่างจากครั้งก่อน ซูเผยพาคนไปต้อนรับฮวงเฟิงและเหล่าทหารที่ประตูเมือง

แม้ว่าการที่ซูเผยมาต้อนรับถือเป็นเรื่องปกติ ทว่าฮวงเฟิงยังคงคิดว่าเรื่องนี้ไม่สามารถรอช้าได้ เขายังคิดถึงเรื่องที่จะออกไปจากที่นี่ และเมื่อถึงเวลา แม้แต่หนิงอู๋ซวงก็ไม่สามารถขัดขวางขาได้

หลังจากเข้าเมือง ฮวงเฟิงไม่ได้กลับไปหาหนิงอู๋ซวงและไม่ได้พูดคุยกับเธอ ก่อนออกไปเขาได้บอกเธอว่าซูเผยต้องการให้เขาไปพบ หลังจากนั้น ฮวงเฟิงและซูเผยก็ได้พูดคุยกันเพียงไม่กี่ชั่วโมง โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างทั้งสอง

ผ่านไปไม่ถึงสองวันนับตั้งแต่ฮวงเฟิงกลับมาถึงมณฑลหลี่ ซูเผยก็ได้ส่งจดหมายถึงแม่ทัพหลิวหลิวแห่งมณฑลหลิน

เขาต้องยอมจำนน กองทัพของซูเผยตอนนี้ใหญ่ที่สุดในที่แห่งนี้ และพวกเขาต้องปกป้องเมืองที่มีทหารไม่มาก กองทัพพยัคฆ์คำรามที่เขาพอจะพึ่งพาได้ก็ถูกทำลายไปแล้ว และเมื่อซูเผยและผู้อื่นโจมตี เขาก็ไม่สามารถต่อต้านอีกฝ่ายได้

ด้วยเหตุนี้ ในที่สุดเขาก็ได้ตัดสินใจอย่างชาญฉลาดด้วยการยอมจำนน รักษาชีวิต และปกป้องสมบัติของตัวเอง

เมื่อได้รับคำตอบเช่นนี้ ทั้งซูเผยและฮวงเฟิงพอใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นบ้านเมืองโดยรอบจึงปลอดภัยมาก