USB:บทที่ 503 คนทรยศ
"ท่านผู้นำตระกูล คุณแรนดอลล์ที่คุณกำลังพูดถึงนั้นมันเป็นเรื่องเก่าไปแล้ว!" บูด๊าซพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มสุภาพ "เมื่อไม่นานมานี้ตระกูลของเราได้ทำการวิจัยครั้งใหญ่ในด้านการป้องกันสิ่งแวดล้อม ผมในฐานะผู้นำของตระกูล ขอบอกกับทุกท่านเลยว่า เมื่อใช่ยานยนต์ของเราแล้ว การก่อเกิดมลพิษนั้นเกือบเป็นศูนย์!"
เมื่อพวกเขาเห็นรอยยิ้มอย่างพึงพอใจของบูด๊าซแล้วนั้น นอกจากจะไม่มีใครเคยเห็นรถยนต์ที่พูดถึงนั้นเลย แต่หัวใจของพวกเขาก็กระตุกขึ้น ต่อให้ผู้นำของตระกูลเพย์ตันก็ไม่ควรโอ้อวดเช่นนี้ เนื่องจากมันไม่จำเป็น กฏของรัฐบาลกลางได้ถูกประกาศใช้อย่างเป็นทางการ เกี่ยวกับนวัตกรรมรถยนต์ใหม่ของพวกเขานั้น ไม่ว่ามันจะตอบสนองจุดประสงค์ของรัฐบาลกลางหรือไม่ อย่างไรก็ตามแล้วมันก็ต้องได้รับการพิสูจน์
ด้วยเหตุนี้จึงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เชื่อในคำพูดบูด๊าซ หลังจากนั้นความรู้สึกของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง อารมณ์ของแรนดอลล์และบูด๊าซนั้นแย่ลงอย่างมาก ความเกลียดชังระหว่างพวกเขานั้นมีมากขึ้นจนเกินกว่าที่พวกเขาจะหักห้ามตัวเองไว้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น กฎใหม่ที่ออกโดยสมาพันธรัฐนั้น แน่นอนว่าจะต้องส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมยานยนต์ของพวกเขาอย่างมากแน่ และด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ทำให้ดูดูดเหมือนว่าอีกฝ่ายกำลังจะได้ประโยชน์จากเรื่องดังกล่าว ในฐานะสมาชิกของสมาพันธรัฐ รวมถึงผู้ว่าราชการของเมือง และแขกคนอื่น ๆ ที่มาร่วมงานบางคนรู้สึกดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านผู้ว่า หน้าที่ของเขาคือเป็นผู้นำพลักดันเรื่องการป้องกันสิ่งแวดล้อมเข้าสู่สมาพันธรัฐ เขาเองก็รู้ว่ารัฐบาลกลางให้ความสำคัญในเรื่องของการป้องกันสิ่งแวดล้อมจากอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นอย่างมาก
ถ้าหากใครสามารถจัดการกับเรื่องนี้ได้ดี ก็เท่ากับเป็นการปูทางไปสู่ความก้าวหน้าในอนาคตที่ดีได้ เขาลืมแม้กระทั่งฐานะของตัวเอง ในเวลานี้เข้าเพียงแต่อยากรู้เกี่ยวกับยานยนต์ใหม่ของตระกูลเพย์ตัน บูด๊าซหันกวาดสายตาไปรอบ ๆ แล้วสายตาของเขาจับต้องไปที่เจ้าของรถยนต์คันนั้นอย่างสนใจ
เมื่อเห็นบูด๊าซตกอยู่ในวงล้อมของสามาชิกสมาพัธรัฐบางคน สีหน้าของแรนดอลล์และลูกชายเริ่มบูดบึ้งขึ้น แต่พวกเจาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากนั้นแล้วพวกเขายังเป็นเจ้าของสถานที่ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจแตะก้นแขกให้ออกไปจากงานเลี้ยงได้ ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นศัตรูกับพวกเขาก็ตาม มันช่างเป็นเรื่องที่กระอักกระอวนใจยิ่งนัก สองคนพ่อลูกพากันเดินเข้าไป และฮวงเฟิงซึ่งอยู่ไม่ไกลจากพวกเขาก็เดินตามพวกเขาไปด้วยหลังจากนิ่งคิดอยู่ครูหนึ่ง
"พ่อครับ พ่อคิดว่าตาเฒ่าขี้อวดคนนั้นพูดจริงหรือเปล่า?" เมื่อถึงมุมลับตาคน แรนดอลล์และลูกชายของเขาก็หยุดเดินและเริ่มซุบซิบปรึกษากัน เห็นได้ชัดโดยส่วนตัวแล้วแพนเดสไม่เชื่อคำพูดของบูด๊าซเลยสักนิด หลายคนที่อยู่บนเวทีมองเห็นพวกเขาทั้งคู่หากแต่ไม่ใครเข้ามารบกวนพวกเขา เห็นได้ชัดว่าคู่พ่อลูกคำลังหารือบางสิ่งกันอยู่ แล้วพวกเขาจะเข้าไปรบกวนคนทั้งคู่ในเวลานี้ได้อย่างไรกัน?
"ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องจริง" แรนดอลล์พูดขึ้นด้วยท่าทางที่ดูจริงจัง
"ถ้างั้นหมายความว่า พวกมันสามารถพัฒนาเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อมได้แล้วจริง ๆ หรือครับ?" แพนเดสพูดขึ้นด้วยท่าทางน่ารังเกียจ ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ได้ให้ความสนใจในเรื่องของการรักษาสิ่งแวดล้อม แต่เมื่อตระกูลเพย์ตันได้รับความเชื่อถือในด้านของการรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งนั้นก็ทำให้สามารถจำหน่ายรถยนต์บางส่วนได้ ถึงแม้ว่าตระกูลชอว์ตันจะเข้าใจถึงความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อมแต่พวกเขาก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันมากนัก สองคนพ่อลูกยังเข้าใจดีว่า ถ้าหากตระกูลเพย์ตันสามารถลดมลพิษที่จะเกิดขึ้นจากรถยนต์จนเกือบจะเป็นศูนย์ได้จริงละก็ ต่อให้ไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล เป็นไปได้ว่ารถยนต์ของพวกเขาก็สามารถจำหน่ายได้มากกว่าของพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากพวกเขาไม่ได้รับการสนับสนุนจากทางรัฐบาลก็อาจส่งผลให้ธุรกิจค้ารถยนต์ของพวกเขาต้องพบกับวิกฤตอย่างใหญ่หลวง
ที่ผ่านมาตระกูลชอว์ตันได้รับผลกำไรจากอุตสาหกรรมรถยนต์มากมาย ตอนนี้หากมีใครบางคนต้องการปาดหน้าเค้กของพวกเขาไป คงเป็นเรื่องแปลกที่พวกเขาต้องยังคงอารมณ์ดีอยู่
"เขาน่าจะพัฒนาได้สำเร็จแล้ว และเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ดูจากท่าทางปลื้มอกปลื้มใจของเขาในเวลานี้" แรนดอลล์กล่าว ทันใดนั้นเองเสียงโทรศัพท์ของแพนเดสก็ดังขึ้น เขาก้มลงมองแล้วความสุขก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
"ทำไม? เกิดอะไรขึ้นหรือ?" แรนดอลล์ถามลูกชาย
"พ่อครับ คนของเราในตระกูลเพย์ตันติดต่อมา" แพนเดสตอบ
"มีข่าวอะไร?" แรนดอลล์ถามขึ้นอีก เขาเป็นคนส่งคนเข้าไปในตระกูลเพย์ตันด้วยตัวเอง หลังจากที่เขาแนะนำให้รู้จักกับลูกชายตัวเองแล้วปล่อยให้เป็นคนติดต่อกับสายดังกล่าว การซุ่มโจมตีกันระหว่างสองครอบครัวนั้นเป็นเรื่องปกติทั่วไป
"คนของเรารายงานว่า วันนี้เขาเจอคนทรยศนั่นแล้ว!" แพนเดสตอบ
"ใคร?"
"ศาสตราจารย์ เนียล!" แพนเดสกัดฟันกรอด!
"ตระกูลเพย์ตันจริง ๆ ใช่ไหม?" แรนดอลล์ขมวดคิ้วเข้าหากันขณะที่เอ่ยถามขึ้นอีกนั่นเป็นเพียงแค่ข้อสันนิฐาน ก่อนที่จะได้รับการยืนยัน
"ไม่ผิดแน่" ตั้งแต่ศาสตราจารย์เนียลปรากฎตัวขึ้นที่ตระกูลเพย์ตัน เขาก็คิดอยู่แล้วว่าต้องเป็นของอีกฝ่ายส่งมา แรนดอลล์พยักหน้า ไม่แปลกใจกับข่าวดังกล่าว ซึ่งเขาเองก็คิดอยู่แล้ว ว่าเนียลต้องเป็นคนของอีกฝ่าย และตอนนี้ก็ได้รับการยืนยันแล้ว
"ดูจากท่าทางของแกแล้ว ข้อมูลจากฝ่ายนู้นคงมีเพียงเท่านี้สินะ?" แรนดอลล์ถามขึ้นอีก
"ครับ" แพนเดสพยักหน้า แล้วกวาดสายตามองดูรอบ ๆ ฮวงเฟิงแสร้งทำเป็นดื่มราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น โดยที่ไม่ได้หันไปมองยังทิศทางของสองพ่อลูก อย่างไรก็ตามหูของเขากำลังรับฝังบทสนาของอีกฝ่าย
"สายของเราพบผลการวิจัยล่าสุดของสกุลเพย์ตันครับ!" แพนเดสกระซิบ ถึงแม้ว่าจะเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ และพวกเขาอยู่ในมุมลับตาคน อีกทั้งภายในรัศมีห้าเมตรก็ไม่มีใครอื่นอยู่ตรงนั้น แต่เขาก็ยังกลัวจะมีคนอื่นผ่านมาได้ยินเข้า
ได้ยินคำพูดของแพนเดส ทำให้ท่าทีของแรนดอลล์เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นเล็กน้อย "แกเอามันมาได้ไหม?"
"มันไม่ง่ายเลยครับ" แพนเดสเองก็ไม่มั่นใจเช่นกัน ถึงแม้ว่าคนของเขาจะเห็นข้อมูลนั่น ตราบใดที่คนของตระกูลเพลย์ตันไม่โง่นัก พวกเขาจะต้องปกป้องข้อมูลแน่นหนามากขึ้น การขโมยข้อมูลมาจากพวกเขานั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
"บอกคนของเรา ไม่ว่าจะยังไง จะต้องเอาข้อมูลนั้นมาให้ได้ แน่นอนว่าเราจะจ่ายให้อย่างงาม ไม่ต้องเป็นสายให้เราอีก" แรนดอลล์เองก็รู้ว่ามันเป็นงานยาก อย่างไรก็ตามข้อมูลนั้นมีความสำคัญต่อทั้งสองตระกูลเป็นอย่างมาก ถ้าหากตระกูลเพย์ตันมีข้อมูลอยู่ในมือ รถยนต์ของพวกเขาก็จะพัฒนาล้ำหน้ายิ่งขึ้นอีก และนั้นก็จะทำให้ตระกูลชอว์ตันต้องเสียผลประโยชน์มหาศาล ตราบใดที่พวกเขาสามารถเอาข้อมูลนั้นมาได้ ไม่เพียงแต่จะทำให้ตระกูลของพวกเขายิ่งใหญ่ขึ้น แต่พวกเขายังสามารถเหยียบตระกูลเพย์ตันไว้ใต้ฝ่าเท้าได้ด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว มีหรือที่แรนดอลล์จะหักห้ามใจได้
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved