USB:บทที่ 298 หักหลัง
“ โอหยางซิงเหวิน มีอะไรจะพูดไหม!”
ในบรรดาพวกเขาทั้งหมด โอวหยางซิงเหวินเป็นคนที่ปาร์คเกอร์อยากจะกำจัดมากที่สุดหลังจากที่ผลเวอร์มิลเลี่ยนถูกพรากไปจากมือเขาก่อนหน้านี้ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเห็นเหตุการณ์ที่โอวหยางซิงเหวินนำคนมาซุ่มโจมตีและสังหารพวกพ้องฝ่ายปาร์เกอร์ด้วยตัวเองอีกด้วย
เพียงแต่ว่าในเวลานั้น อีกฝ่ายซุ่มโจมตีกะทันหันเกินไปและเห็นได้ชัดว่าได้เปรียบในเรื่องจำนวนคนอีกด้วย ดังนั้นฝ่ายกองมหารจึงแพ้ แต่ตอนี้จำนวนของคนทั้งสองฝ่ายถือว่าไม่ต่างกันมากนัก ปาร์คเกอร์จึงไม่คิดว่าเขาจะต้องแพ้อีกครั้งแน่ อีกอย่างเขาต้องการคิดบัญชีแค้นให้กับสหายของฝ่ายเขาที่ตายจากไปด้วย
“ ท่านผู้นำตระกูลโอวหยาง ท่านหมายความว่าอย่างไร?” เมื่อเห็นว่าผู้รับใช้ของเขาต่างทำงานกันอย่างเต็มที่ แม้ว่าเขาจะไม่ยินดีที่จะเป็นคนเปิดการต่อสู้ในครั้งนี้แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเผชิญหน้ากับมัน ดังนั้น ตอนนี้ปาร์คเกอร์จึงถามโอวหยางเทียนเรื่องที่คนรับใช้ฝ่ายเขาพูด
โอวหยางเทียนจ้องไปที่ซุ่นจื้อด้วยแววตาที่เย็นชา หากไม่ใช่เพราะคนอื่น ๆ และยังมีเรื่องที่ต้องสะสางเขาคงจะฆ่าซุ่นจื้อให้ตายตรงนี้ไปแล้ว แต่เขาก็ไม่สามารถทำได้เพราะหากเขาทำเช่นนั้น สถานการณ์ก็จะยิ่งแย่ลง
แม้ว่าเขาจะไม่สามารถฆ่าซุ่นจื้อได้ในตอนนี้ แต่เขาก็คาดโทษไว้ในใจแล้ว ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามเขาอยากจะให้เรื่องนี้จบโดยเร็วที่สุด
เขาต้องการรอให้เรื่องของวันนี้สิ้นสุดลงไม่ว่าจะยังไงก็ตามเขาต้องดูแลสิ่งนี้ที่กินเขาออกไปก่อน แต่สิ่งแรกที่เขาต้องทำก็คือตำหนิคนของฝ่ายตนเสียก่อน
นอกจากนี้ โอวหยางเทียนไม่เข้าใจว่าทำไมซุ่นจื้อถึงพูดเช่นนั้นออกมาเนื่องจากซุ่นจื้อเป็นคนรับใช้ของครอบครัวเขา เช่นนั้นก็ควรจะคิดเผื่อคนฝ่ายตนไว้บ้าง แต่สิ่งที่เขาพูดไปเมื่อครู่นั้นเขากลับไม่ได้คำนึงถึงเจ้านายของตนเลยแต่ไม่ว่าโอวหยางซิงเหวินจะเป็นคนเอาผลเวอร์มิลเลี่ยนไปหรือไม่ก็ตาม อีกฝ่ายก็เข้าใจไปแล้วว่าฝ่ายเขาเป็นคนที่ขโมยไปและถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็เท่ากับว่าตระกูลของพวกเขาเป็นผู้หลอกลวง
“ เป็นไปได้ไหมที่ไอระยำนั่นอีกฝ่ายติดสินบนมัน” โอวหยางเทียนคิดในใจ อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าอีกฝ่ายก็สงสัยไม่ต่างกัน
แน่นอนว่าไม่ว่าด้วยเหตุผลใดที่ทำให้ซุ่นจื้อขายตระกูลของเขาออกไปโอวหยางเทียนค่อยกลับไปชำระความภายหลังเพราะตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่จะคิดเรื่องนี้
“ กัปตันปาร์คเกอร์พวกเราไม่ได้เอาผลเวอร์มิลเลี่ยนไปจริง ๆ ส่วนเรื่องที่คนใช้บัดซบนั้นพูด ข้าเองก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน” โอวหยางเทียนกล่าวกับปาร์คเกอร์
ในขณะเดียวกันโอวหยางเทียนก็คิดสงสัยอยู่ในใจเช่นกันว่าลูกชายตนจะขโมยผลเวอร์มิลเลี่ยนไปจริง ๆ แถมยังกล้าหลอกเขาอีกหรือ? แต่ไม่ว่าเรื่องจะเป็นเช่นไรและไม่ว่าจะต้องเจออะไรก็ตามเขาก็ต้องปกป้องลูกชายของตัวเอง
“ ไม่รู้หรอ เขาเป็นคนของตระกูลเจ้าและถึงแม้เขาจะยอมรับ เจ้าก็ยังจะปฏิเสธอีกใช่ไหม? "ปาร์คเกอร์กล่าว
"กัปตัน ไม่ต้องพูดอะไรกับพวกมันแล้ว ตอนนี้ก็เห็นชัด ๆ แล้ว่าพวกมันขโมยผลเวอร์มิลเลี่ยนไป แถมตอนนี้ผลเวอร์มิลเลี่ยนก็หายไปอีก ถ้าพวกมันไม่ได้เอาไปแล้วจะเป็นใครกันล่ะ? ผลเวอร์มิลเลี่ยนมันลอยหายไปเองอย่างงั้นหรือ? ” คิดได้แค่นั้นก็ถือว่าเป็นไปไม่ได้แล้ว ผลเวอร์มิลเลี่ยนจะลอยหายไปเองได้อย่างไร
“ ใช่แล้วกัปตัน ทำไมเจ้ายังยอมเสียเวลาให้กับพวกมันอยู่อีก พวกมันหลอกพวกรา! ถ้าเราให้สั่งสอนมันตอนนี้ ในอนาคตพวกเราอาจถูกพวกหมูพวกหมาที่ไหนไม่รู้รังแกเอาได้!”
"ใช่ ถ้าพวกมันไม่ยอมคืนพวกเรามาแต่โดยดี พวกเราก็จะสู้จนกว่าพวกมันจะคืนให้"
ผู้คนจากกองทหารรับจ้างโลหิตสีชาดต้องส่งเสียงโห่ร้อง พวกเขาต่างโกรธไม่แพ้กันเนื่องจากมันทำให้ชีวิตพวกเขาไม่สงบสุข สหายของพวกเขาก็ถูกสังหารอักทั้งของของพวกเขายังถูกปล้นไปอีกและที่ยิ่งไปว่านั้นอีกฝ่ายยังมีหน้ามาพูดจาหลอกลวงไร้สาระและไม่ยอมรับในสิ่งที่ทำ เช่นนั้น คนจากกองทหารจึงโกรธมาก
"ไอ่ห่า แกเรียกใครว่าพวกหมูพวกหมานะ!?"
"นี่แกกล้าพูดเช*ย ๆ แบบนี้ได้ไง"
ผู้คุมฝ่ายโอวหยางเทียนที่ยืนอยู่ก็ทนไม่ได้เช่นกัน ตระกูลโอวหยางเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองเฮ่าเทียน เมื่อถูกว่ากล่าวต่อหน้าจึงย่อมไม่สามารถยอมรับได้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันยังกล้ามาดูถูกทหารฝ่ายโอวหยางที่เคยทำให้อีกฝ่ายเคยลิ้มรสคมดาบมาแล้วอีกด้วย
แม้ว่าโอวหยางเทียนและปาร์คเกอร์อยากจะหยุดคนของฝ่ายตนแต่พวกเขาก็ไม่อาจทำได้เพราะไม่รู้ว่าใครโวยวายถึงเรื่องนี้เป็นคนแรกจนเกิดความโกลาหลเช่นนี้ ตอนนี้ทุกคนต่างพากันโวยวาย โอวหยางเทียนที่ต้องการจะยุติเรื่องราวทั้งหมดนี้ด้วยการเจราจาอย่างสันติแต่ดูเหมือนว่าเขาจะทำเช่นนั้นต่อไปไม่ได้และไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว นอกจากต้องเผชิญกับมัน เพราะหากใช้วิธีการเดิมก็จะทำให้สถาณการณ์เกิดความโกลาหลยิ่งกว่าเดิม
เสียงกรีดร้องที่น่าสังเวช เสียงโต๊ะและเก้าอี้ที่ถูกทำลายและเสียงของอาวุธที่ปะทะกันทำให้คนที่เหลือในโรงเตี๊ยมหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ในขณะนั้นโอวหยางซิงเหวินและซุ่นจื้อ พวกเขาทั้งสองได้พบที่ซ่อนในช่วงเวลาที่ทั้งสองฝ่ายกำลังปะทะกันโดยซุ่นจื้อได้ใช้ประโยชน์จากความวุ่นวายนี้วิ่งหนีออกจากโรงเตี๊ยม เขารู้ว่าคำพูดของเขาก่อนหน้านี้จะนำเข้าไปสู่สิ่งใด ดังนั้นก่อนที่คู่พ่อลูกจะกลับมาเล่นงานเขา เขาจึงต้องรีบหนีไปให้โดยเร็วที่สุดไม่เช่นนั้น เขาอาจไม่สามารถรักษาชีวิตน้อย ๆ ของเขาเอาไว้ได้
ส่วนโอวหยางซิงเหวินก็ตามหาซุ่นจื้อเพื่อจะถามว่าทำไมเขาถึงทำเช่นนี้ เขาโง่หรือเมื่อเช้าหัวโขกพื้นหรืออย่างไร? อย่างไรก็ตามตอนนี้โอวหยางซิงเหวินที่ตามหาอยู่นานกลับไม่พบร่างของซุ่นจื้อเลย เป็นไปได้ว่าสหายของเขาคนนี้จะหนีไปเสียแล้ว โอวหยางซิงเหวินเองก็อยากหนีตามไปด้วยเช่นกันแต่ทั้งพ่อและผู้คุมของเขาต่างยังอยู่ที่นี่
ส่วนทางด้านของซุ่นจื้อ อีกฝ่ายกลับคิดว่าตัวเองค่อนข้างฉลาดทีเดียวเพราะหลังจากที่ได้รู้ความคิดของโอวหยางซิงเหวินที่มีต่อหวังเอ้อก่อนหน้านี้จึงกลัวว่าโอวหยางซิงเหวินจะทำกับเขาแบบเดียวกัน เขาจึงคิดออกห่างจากตระกูลโอวหยางและยังมีเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเตี๊ยมที่ทำให้สุดท้ายเขาต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ ดังนั้น การที่ได้อยู่เคียงข้างโอวหยางซิงเหวินมันจึงทำให้เขารู้สึกไม่ปลอดภัยเลยแม้แต่น้อย
ย้อนกลับไปเมื่อเหตุการที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสองวันก่อน เขาได้พบกับอันจื้อชิง อันจื้อชิงเห็นว่าเขาดูวิตกกังวลเป็นอย่างมากจึงได้ถามไถ่ถึงเรื่องราวที่ทำให้วิตก ในเวลานั้นซุ่นจื้อได้เล่าในสิ่งที่เขาคิดแต่เมื่อเขาพูดจบเขาก็นึกรู้เสียใจในภายหลังเพราะทั้งอันจื้อชิงและโอวหยางซิงเหวินต่างเป็นเพื่อนของเขา อันจื้อชิงไม่เพียงแต่จะไม่บ่นเขา แต่กลับยื่นเงื่อนไขบางอย่างเพื่อแลกกับการที่จะช่วยตนแทน
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved