USB:บทที่ 732 ข่าว
"อย่างน้อยพวกเราควรไปดูสักหน่อย!" ผู้ชายอีกคนหนึ่งพูดขึ้น "เรื่องนี่ไม่ใช่สิ่งที่เราสามารถหาดูได้ง่าย ๆ และเมื่อเวลานั้นมาถึง ไม่แน่ว่าบางที่พวกเราอาจจะได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมาด้วยก็ได้"
"นั่นสิ ถูกต้องที่สุด แม้ว่าท้ายที่สุดแล้วพวกเราจะไม่ได้รับสมบัติล้ำค่ามากนัก แต่พวกเราก็ยังคงได้ของดีจากป่าหมอกมาบ้างถ้าหากพวกเราติดตามพวกเขาเข้าไปในป่า" ทุกคนล้วนกระหายที่จะเข้าไปในป่าหมอก มิเช่นนั้นแล้วพวกเขาก็คงจะไม่ปรากฏตัวขึ้นที่นี่
เมื่อฮวงเฟิงนิ่งฟังการสนทนาของกลุ่มคนพวกนั้น ดูเหมือนว่าในป่าหมอกนั่นจะมีขอดีบางอย่าง เพียงแต่เขาไม่รู้รายละเอียดมากนักเนื่องจากคนพวกนั่นไม่ได้พูดถึงมัน อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ก็ไม่ได้ทำให้ฮวงเฟิงรู้สึกตื่นเต้นแต่อย่างใด อย่างที่คนพวกนั้นพูดไว้ว่ามันยังไม่ถึงเวลา อีกอย่างในช่วงนี้ก็ผู้คนก็จะพากันเข้ามาในเมืองเฮาเทียนมากขึ้น เพราะฉะนั้นแล้วเขามักจะหาข้อมูลเพิ่มเติมได้อีก ส่วนเรื่องระหว่างตระกูลโอวหยางกับกองกำลังทหารรับจ้างกลุ่มโลหิตสีชาดก็นั้น ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ฮวงเฟิงเกือบจะต้องมีส่วนพัวพันธ์กับพวกเขาด้วยก็ตาม แต่ทว่าเรื่องนั่นก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตัวเขาเองเลย ซึ่งฮวงเฟิงนั่นไม่รู้เลยว่าผลไม้สีชาดที่เขาได้รับมาก่อนหน้านี้ก็คือสาเหตุของสงครามระหว่างพวกเขาทั้งสองฝ่าย มิหนำซ้ำชิวหนิงซวงได้กินผลไม้นั่นไปแล้ว ถ้าจะพูดให้ชัด ๆ ก็คือว่าความจริงแล้วเป้าหมายของกองกำลังทหารรับจ้างกลุ่มโลหิตสีชาดควรจะเป็นฮวงเฟิงก็คงไม่ผิด
ขณะที่ฮวงเฟิงกำลังเพลิดเพลินกับอาหารและสอบถามข้อมูลเติมอยู่นั้น ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลโอวหยางกำลังรู้สึกทั้งดีใจและหดหู่ในคราเดียวกัน มีเรื่องบางอย่างที่ทำให้ผู้อาวุโสท่านนี้ต้องรู้สึกไม่สบายใจนั่ก็คือ ไม่ใช่ทุกคนในตระกูลโอวหยางที่จะเป็นคนโง่ แม้ว่าเขาจะได้ประกาศแก่ทุกคนว่าโอวหยางเทียนและบุตรขายถูกลอบสังหารโดยนักฆ่าจากกองกำลังทหารรับจ้างกลุ่มโลหิตสีชาด หากแต่ไม่ใช่ทุกคนที่เชื่อเรื่องราวที่เขากุขึ้นนี้ และเมื่อมีคนไม่เชื่อดังนั้นพวกเขาจึงต้องการคำอธิบายถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับโอวหยางเทียน รวมถึงยังมีบางคนที่ไม่ชอบโอวหยางเทียนเช่นกัน
เพียงแต่ว่าพวกเขาไม่ต้องการที่จะปล่อยเรื่องนี้ไป เนื่องจากเขาต้องการทำข้อพูดคุยกับผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลเพื่อร่วมกันหาประโยชน์จากเรื่องนี้ ในเมื่อโอวหยางเทียนก็ได้ตายไปแล้ว คนที่จะขึ้นเป็นผู้นำของตระกูลต่อขอจากเขาได้มีเพียงแค่คนเดียว แต่ทว่าผู้ที่ต้องการเป็นผู้นำของตระกูลนั้นไม่ได้มีเพียงแค่โอวหยางจงเท่านั้น อีกทั้งที่ผ่านมาโอวหยางจงไม่เคยแสดงความสามารถใด ๆ ให้เป็นที่ประจักษ์มาก่อน เช่นนี้แล้วการที่จู่ ๆ การที่คนผู้นี้จะก้าวขึ้นนั่งตำแหน่งผู้นำของตระกูลนั้น ย่อมเป็นธรรมดาที่หลายคนจะไม่ยอมรับ ดังนั้นคนพวกนี้จึงอาศัยประโยชน์จากการตายของโอวหยางเทียน ขับไล่โอวหยางจงให้พ้นทางเพื่อให้ตนเองมีสิทธิการเป็นผู้นำของตระกูลโอวหยางเพิ่มมากขึ้น
ส่วนอีกสาหตุหนึ่งนั้นเกี่ยวข้องกับวงแหวนมิติที่เขาถอดออกมาจากนิ้วของโอวหยางเทียน เขาก็ได้ลองเปิดดูหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ถ้าหากไม่เป็นเพราะว่าเขาเคยเห็นโอวหยางเทียนใช้มันด้วยตาตัวเองมาก่อน เขาคงคิดว่ามันต้องเป็นของปลอมแน่ ผู้อาวุโสสูงสุดคิดว่าบ่าวรับใช้พวกนั้นอาจจะแอบสับเปลี่ยนแหวน เพียงแต่เหตุผลประการแรกด้วยเวลาช่วงสั้นแค่นั้นมันไม่น่าจะเป็นไปได้ ส่วนประการที่สองเขาได้แอบสำรวจดูแหวนนั้นแล้วก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ ดังนั้นเขาจึงเชื่อว่าต้องแหวนวงนี้ต้องเป็นแหวนมิติของแท้อย่างแน่นอน เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าโอวหยางเทียนเปิดมันออกด้วยวิธีใดกันแน่ เมื่อคิดดังนี้แล้วผู้อาวุโสสูงสุดได้ก่นด่าโอวหยางเทียนผู้ล่วงลับไปแล้วอยู่หลายต่อครั้งด้วยกัน
หลายวันผ่านไปฮวงเฟิงก็ยังคงอยู่ในเมืองเฮาเทียนไม่ได้ไปที่อื่นใด เขาเดินท่องเที่ยวไปตามถนนต่าง ๆ เพื่อทำความคุ้นเคยกับมิติแห่งนี้ ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาเมืองเฮาเทียนแห่งนี้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น เนื่องจากผู้คนมากมายเริ่มหลั่งไหลกันเข้ามามากขึ้น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นนักกระบี่เหรือนักเวทย์ทั้งสิ้น เพียงแต่นักนักเวทย์นั้นมีจำนวนที่หาได้ยากกว่านักดาบ ในโลกแห่งคมกระบี่และเวทย์มนต์แห่งนี้มีผู้คนจำนวนมากที่ได้รับการฝึกฝนวิชาต่างๆ ตราบใดที่พวกเขามีศักยภาพมากพอพวกเขาจะฝึกฝนต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อที่จะก้าวขึ้นสู่การเป็นหนึ่งในนักกระบี่หรือนักเวทย์
อย่างไรก็ตามนักเวทย์นั้นก็ยังมีจำนวนที่น้อยกว่านักกระบี่ และด้วยเหตุนี้ทำให้นักเวทย์จึงเป็นที่นับถือของผู้คนในใลกนี้ หลังจากที่ฮวงเฟิงร่วงรู้ถึงเรื่องนี้เขาก็ได้แสดงความสามารถทางวิชาเวทย์ของเขาให้ผู้คนในโรงเตี้ยมได้เห็นอีกครั้ง และนั่นก็ทำให้แม้กระทั่งเจ้าของโรงเตี้ยมยังต้องรักษามารยาทและให้ความเกรงใจต่อฮวงเฟิงเป็นอย่างมาก โดยการมอบส่วนลดค่าอาหารให้กับเขา และนั่นก็แสดงให้เห็นว่านักเวทย์เป็นที่นับถือของคนบนโลกนี้มากเพียงใด
นอกจากนั้นแล้วตอนนี้ฮวงเฟิงยังสืบรู้ถึงความขัดแย้งที่เกิดขึ้นภายในตระกูลโอวหยางอีกด้วย ทั้งหมดนี้ไม่ใช้เพราะเขาสืบรู้ด้วยตัวเองหากแต่เป็นเพราะตระกูลโอวหยางนั้นเป็นตระกูลใหญ่ในเมืองเฮาเทียน ทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาก็จะเป็นที่จับตามองของคนในเมือง ดังนั้นฮวงเฟิงไม่จำเป็นต้องสอบถามเรื่องราวของพวกเขา เขาก็พอจะรับรู้ข้อมูลบางอย่างได้เอง เพียงแต่เขาคาดไม่ถึงว่าความบาดหมางที่เกิดขึ้นในตระกูลโอวหยางนั้นเกี่ยวข้องกับตัวเขาเอง เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วฮวงเฟิงจึงคคิดที่จะเก็บซ่อนแหวนมิติไว้ในกล่องจักรวาล เขาไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลยที่กล่องจักรวาลจะเทเลพอร์ตเขามายังมิติที่เขาได้รับมอบของมา เขายังนึกสงสัยอยู่เลยว่าแหวนมิติทั้งสองวงที่เขาได้มานั้นเดิมทีเป็นของที่อยู่ในเมืองแห่งนี้อีกด้วย และเนื่องจากในช่วงสองสามวันมานี้ฮวงเฟิงให้ความสนใจกับตระกูลโอวหยางมากขึ้น ทำให้เขาได้รู้ว่าช่วงสองสามวันมานี่เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นในตระกูลโอวหยาง หลังจากการตายของโอวหยางเทียนทำให้ผู้คนที่ไม่ชอบพอในตัวโอวหยางจงเกิดความทะเยอทะยานอยากมากขึ้น
ไม่เพียงแค่นั้นยังมีตระกูลอื่น ๆ คอยสร้างปัญหาขึ้นเพื่อล้มล้างตระกูลโอวหยาง ดังนั้นภายใต้สถานการณ์แบบนี้นี้ดูเหมือนตระกูลโอวหยางกำลังเจอศึกหนักทั้งภายในและภายนอก เรื่องยุ่งเหยิงที่เกิดขึ้นนี้ทำให้พวกเขาตกเป็นเป้าสายตาของประชาชนทั่วไปและกองกำลังทหารรับจ้างกลุ่มโลหิตสีชาด
นอกจากนั้นแล้วการที่พวกเขาสร้างความขัดแย้งที่รุนแรงภายในตระกูลนั้นจะทำให้ถูกแทรกแซงจากตระกูลอื่นได้ง่าย ยังมีบางคนที่เชื่อว่าโอวหยางจงมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของโอวหยางเทียน เพื่อการแยกตัวเป็นอิสระ หลายคนจึงพูดกันว่าการตายของโอวหยางเทียนนั้นต้องเกี่ยวข้องกับโอวหยางจงและผู้อาวุโสสูงสุดมากที่สุด และนี่คืออีกสิ่งหนึ่งที่ผู้อาวุโสสูงสุดและผู้อาวุโสคนอื่น ๆ คาดไม่ถึง พวกเขาประเมินอิทธิพลของตัวเองที่มีต่อครอบครัวพวกนี้สูงเกินไป รวมถึงประเมินอิทธิพลของโอวหยางเทียนต่ำเกินไปด้วยเช่นกัน
ถ้าหากโอวหยางเทียนยังคงอยู่เขาก็จะยังคงสามารถรวบรวมคนเหล่านี้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ และเมื่อเกิดความยุ่งเหยิงขึ้นภายในตระกูลโอวหยาง และการตายของซุนจื่อซึ่งเป็นบ่าวรับใช้กตระกูลใหญ่ในเมืองเฮาเทียนอีกตระกูลหนึ่งจึงไม่ได้รับการพูดถึงเนื่องจากฐานะอันต้อยต่ำของเขาที่เป็นเพียงแค่บ่าวรับใช้คนหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงสามารถลงมือสังหารซุนจื่อได้อย่างง่ายดาย ถ้าหากบ่าวรับใช้ผู้นียังคงอยู่ที่นี้ยังคงมีชีวิตอยู่ต่อไป คำพูดของเขาจะต้องส่งผลกระทบต่อชื่องเสียงของตระกูลเขา และแน่นอนอันจื่อชิงก็ไม่ประสงค์ให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved