ตอนที่ 293

USB:บทที่ 293 ลงโทษ

เพล๊ง!

เสียงแก้วแตกดังขึ้นจนทำเหล่าคนรับใช้ที่อยู่ด้านนอกของห้องต่างหดคอกลับโดยไม่รู้ตัวด้วยความตกใจ พวกเขาต่างไม่รู้ว่า ท่านผู้นำของพวกเขาพาแก้วแตกไปกี่ใบแล้ว

"ไอ้ลูกอกตัญญู คุกเข่าลง!" โอวหยางเทียนตะคอกใส่ลูกชาย เสียงตะคอกนั้นดังจนทำให้โอวหยางซิงเหวินรู้สึกเจ็บไปถึงแก้วหู

นานมากแล้วที่เขาไม่ได้เห็นท่านพ่อโกรธถึงขนาดนี้และมันก็ทำให้เขาถึงกับเข่าอ่อนจนต้องคุกเข่าลงกับพื้นตามสัญชาตญาณ หลังจากที่มีปฏิกิริยาแบบนั้นไป แม้ในใจเขาอยากจะลุกขึ้นเพียงใดแต่ภายใต้สายตาที่โกรธเกรี้ยวของคนผู้เป็นพ่อที่กำลังจับจ้องมาที่เขานั้น มันทำให้เขาไม่กล้าแม้แต่จะลุกขึ้นอีกเลย

“ไอ้ลูกอกตัญญู ยังจะหน้าด้านอยู่อีกหรือ?” โอวหยางเทียนดูโกรธมากเมื่อเห็นว่าลูกชายของตนตอนนี้ดูเหมือนจะยังไม่รู้ความผิดของตัวเองและนั้นก็ยิ่งทำให้คนเป็นพ่อโมโหยิ่งขึ้นทันที เขาเตะโอวหยางซิงเหวินด้วยความโกรธจนร่างของลูกชายเขาล้มกลิ้งไปกับพื้นสองถึงสามรอบก่อนที่จะหยุดลง

"ท่านพ่อมีสิทธิ์อะไรมาเตะข้า?!" โอวหยางซิงเหวินตะโกนออกไปด้วยความไม่พอใจ

"ทำไม? ข้าจะบอกแกให้รู้ว่าทำไม ดูสิ่งที่แกทำลงไปสิ!" เสียงที่ตะโกนกลับมาจากโอวหยางซิงเหวินไม่เพียงแต่จะไม่สามารถระงับโทสะของคนผู้เป็นพ่อลงได้ แต่กลับทำให้พ่อเขาโกรธยิ่งกว่าเดิม ผู้เป็นพ่อก้าวเข้ามาหาลูกชายสองก้าวจากนั้นก็เตะเข้าไปที่ลูกชายที่เพิ่งจะลุกขึ้นมานั่งได้จนต้องล้มลงไปกับพื้นอีกครั้ง ท่าทางที่ดูไม่ได้ของโอวหยางซิงเหวินในเวลานี้ยิ่งทำใหเขารู้สึกสังเวชใจในตัวลูกชายเข้าไปอีก

ตอนนี้ท่านผู้นำกำลังโกรธ นายน้อยคงต้องโมโหหลังจากที่โดนทุบตีแน่ ตอนนี้เนื่องด้วยเจ้านายทั้งสองต่างอยู่ในอารมณ์โกรธด้วยกันทั้งคู่ เหล่าบรรดาคนรับใช้ต่างกลัวว่าเจ้านายของพวกเขาจะมาระบายอารมณ์ใส่ เช่นนั้น พวกเขาจึงรีบหาอะไรทำสักอย่าง

โอวหยางเทียนมีเหตุผลที่จะโกรธ ไม่นานมานี้เขามีธุระและต้องออกไปร่วมงานข้างนอกเพียงแค่ไม่กี่วัน เมื่อกลับว่าก็พบว่าเจ้าลูกชายตัวดีกลับสร้างความเดือดร้อนให้กับทั้งตัวเขาและครอบครัวเป็นอย่างมาก

กองทหารรับจ้างโลหิตสีชาดเป็นหนึ่งในกลุ่มทหารรับจ้างคลาส Bซึ่งมีเพียงไม่กี่กลุ่มของทั้งหมดในจักรวรรดิจันทร์สีเลือดซึ่งพวกเขาเหล่านั้นเดิมทีต่างมีพลังที่แข็งแกร่งอยู่แล้วและถึงแม้ว่าครอบครัวของโอวหยางจะเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองเฮ่าเทียน แต่พวกเขาก็ยังคงอยู่แค่ในเฉพาะเมืองเฮ่าเทียนเท่านั้น

และความแข็งแกร่งของตระกูลโอวหยางนั้นถือว่ายังขาดคุณสมบัติไปเล็กน้อยเมื่อเทียบกับความแข็งแกร่งของกองทหารรับจ้างโลหิตสีชาด สุดท้ายแล้วแม้ว่าตระกูลของเขาจะเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองเฮ่าเทียนเนื่องด้วยเหตุผลที่มีอิทธิต่อการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจส่วนหนึ่งและมีเครือข่ายอำนาจในเมืองส่วนหนึ่ง

โดยปกติแล้วถ้าผู้นำกองทหารรับจ้างโลหิตสีชาดผ่านเมืองสวรรค์ล้ำลึก เขาย่อมไม่สร้างปัญหาให้ตัวเองต้องเดือดร้อนแน่นอน

หากให้พูดตามความเป็นจริง โอวหยางเทียนเคยเจอกองทหารรับจ้างโลหิตสีชาดพวกนี้ในป่าแห่งหมอกและนอกจากนี้เขาเองก็ต้องการของล้ำค่าบางสิ่งจากกองทหารนั้นด้วย แต่ไม่ว่าเขาจะต้องการมันมากเพียงใด เขาก็ไม่เคยสามารถนำของสิ่งนั้นมาครอบครองได้ซึ่งนั้นเป็นสิ่งที่โอวหยางเทียนไม่ได้คาดว่าเหตุการณ์จะจบเช่นนี้ หากอีกฝ่ายเป็นกลุ่มทหารไร้นามคลาส D หรือคลาส E โอวหยางซิงเหวินคงจะทำได้ดีกว่านี้

อย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายเป็นถึงกลุ่มทหารรับจ้างคลาส B ของกองทหารรับจ้างโลหิตสีชาด จึงทำให้โอวหยางเทียนไม่กล้าแม้แต่จะแตะต้องกองทหารพวกนั้น

เดิมทีตั้งแต่ที่โอวหยางเทียนออกไปทำธุระและกลับมา เขาเองก็ยังไม่รู้เรื่องนี้ แต่เนื่องจากลูกน้องของเขาได้นำเรื่องนี้มารายงานกับเขาทันทีที่กลับมาว่าคนในครอบครัวของเขาโดนบุคคลหนึ่งตามฆ่าไปทีละคนๆ โดยที่อีกฝ่ายก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะปิดบังตัวตนอีกด้วย อีกทั้งยังเปิดเผยอีกว่า พวกเขามาที่นี่เพื่อมาแก้แค้นตระกูลโอวหยาง

ในเบื้องต้น เขาคิดจะส่งคนไปแจ้งและอธิบายถึงเหตุการณ์ที่เข้าใจผิดระหว่างกันนี้ แต่ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะวุ่นวายไปไกลว่าที่คิดเนื่องจากเขาได้รับรายงานจากผู้คุมว่า ฝ่ายเขาได้ยกพวกไปตีกองทหารรับจ้างโลหิตสีชาดกับนายน้อยมาเมื่อไม่กี่คืนที่ผ่านมา อีกทั้งได้สังหารผู้คุมของอีกฝ่ายไปประมาณสองสามคน

หลังจากที่โอวหยางเทียนได้ยินเรื่องนี้ เขาก็โกรธทันทีและเรียกให้โอวหยางซิงเหวินซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างทำสมาธิ เขาไม่คิดว่าเจ้าเด็กคนนี้จะดื้อดึงไม่ยอมรับและไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่า เขาจะทำให้ครอบครัวต้องเดือดร้อนไปอีกถึงไหนกัน

"นี่แกรู้รึเปล่าว่าทำพลาดอะไรไป?" โอวหยางเทียนพูดกระแทกเสียง

"ข้ารู้ ข้ารู้แล้วขอรับ" โอวหยางเทียนรีบกล่าว

เดิมทีเขาคิดว่าพ่อคงจะทำเหมือนปกติทุกครั้งเพราะไม่ว่าเขาทำผิดพลาดอะไรมา อย่างมากก็แค่ทุบตีเขาเล็กน้อยไม่ก็ลงโทษแต่ไม่ถึงขั้นทำให้บาดเจ็บ แต่วันนี้ดูเหมือนว่าเขาจะเดาผิดไปเพราะตอนนี้เขากำลังถูกพ่อตัวเองอัดจนดูเหมือนอยากจะให้เขาตายจริงๆ

“ ข้ารู้ ข้ารู้ว่าแกไม่เสียใจที่ทำแบบนั้นลงไปหรอก!” ความโกรธในใจของโอวหยางเทียนยังไม่บรรเทาลงแม้แต่น้อย หลังจากที่เตะลูกชายไปสองสามครั้งเขาจึงค่อยนั่งลงและมองไปที่ลูกชายตัวดีที่ตอนนี้เหมือนปลาที่นอนตายอยู่บนพื้น ยิ่งเขามองเขาก็ยิ่งโมโหยิ่งขึ้นไปอีก

เศษแก้วชาที่ถูกปาลงพื้นจนไม่เหลือชิ้นดีกระเด็นไปโดนใบหน้าของโอวหยางซิงเหวินจนเกิดเป็นรอยแผลเล็ก ๆ อย่างไรก็ตามตอนนี้โอวหยางซิงเหวินยังไม่กล้าพูดอะไรออกไปเพราะเขากลัวจะทำให้พ่อของตนกลับมาอารมณ์เสียและอัดเขาอีกรอบ

“ใครสั่งใครสอนให้แกหน้าด้านได้ขนาดนี้ ห๊า! กล้าฆ่าแม้กระทั้งคนของกองทหารรับจ้างโลหิตสีชาด เหอะ และที่ยิ่งไปกว่านั้นแกไม่ได้ฆ่าพวกมันทุกคน แต่ยังวิ่งหนีกลับไปได้คนเดียวอีก แกนี่มันเศษสวะจริง ๆ !” "โอวหยางเทียนพูดสาปส่งอย่างโกรธเกรี้ยว

ความจริง หากโอวหยางซิงเหวินสามารถฆ่าทุกคนในกองทหารรับจ้างโลหิตสีชาดได้และหาวิธีไม่ให้ข่าวนี้แพร่ออกไป เรื่องก็คงจะไม่ลงเอยเช่นนี้ แต่ประเด็นที่สำคัญก็คือ เจ้าเด็กเหลือขอคนนี้ได้ทำบางอย่างกับกองทหารพวกนั้นและเป็นอะไรที่ชั่วร้ายอีกด้วย

“ ข้าก็ไม่ได้หวังจะให้เป็นแบบนี้สักหน่อย” โอวหยางซิงเหวินกล่าวด้วยเสียงต่ำ

“ แกยังจะกล้าพูดแบบนี้อีกหรือ!” โอวหยางเทียนมีทีท่าจะกลับมาโกรธอีกครั้ง โอวหยางซิงเหวินจึงหดคอกลับและไม่กล้าพูดอะไรอีก

“ข้าส่งคนไปไกล่เกลี่ยแล้ว อีกฝ่ายต้องเรียกร้องอะไรมาแน่นอน แต่หวังว่าอีกฝ่ายจะไม่เรียกร้องจนเกินไปนะ” โอวหยางเทียนกล่าว ตอนนี้เขายังไม่รู้ตัวตนของอีกฝ่ายที่ถูกโอวหยางซิงเหวินฆ่าไปว่าคือใครกันแน่ ในตอนแรกเขาคิดว่าคนถูกฆ่าไปนั้นน่าจะเป็นเพียงลูกปลาสองสามตัวที่ไม่น่ามีความสำคัญอะไร แต่ในเมื่อข่าวได้แพร่กระจายออกไปแล้วและอีกฝ่ายก็โกรธที่คนของฝ่ายตนถูกฆ่า อีกทั้งยังถูกขโมยของบางสิ่งไปอีกด้วย ดังนั้น พวกเขาจึงกลับมาแก้แค้น

แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นความผิดของตระกูลโอวหยาง เช่นนั้นอีกฝ่ายจะต้องกลบัมาทวงคืนความเป็นธรรมจากเขาอย่างแน่นอนและตอนนี้โอวหยางเทียนได้เพียงแต่หวังว่าอีกฝ่ายจะไม่เรียกร้องมากเกินไป มิเช่นนั้นมันก็จะเหมือนเป็นการเสียเกียรติและศักดิ์ศรี แม้ว่าท้ายที่สุดแล้วเขาจะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้ก็ตาม

"โอ้ใช่ ของที่แกขโมยมาอยู่ไหนล่ะ? เอามาให้ข้าดูสิ" โอวหยางเทียนรู้ว่าตอนนี้ยังหาผู้ร้ายที่อยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์วุ่นวายนี้ไม่ได้