ตอนที่ 659

USB:บทที่ 659 ถึงเวลา

“เช่นนั้นแล้วท่านจำต้องแยกจากแม่นางหนิงหรือ? ข้ายังรอดื่มฉลองในพิธีมงคลสมรสของท่านอยู่นะ” ซูเผยกล่าว เนื่องจากฮวงเฟิงเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าเขาจากไปเพียงลำพัง นี่เป็นสาเหตุที่ซูเผยถามเช่นนี้ เพราะความสัมพันธ์รหว่างฮวงเฟิงและหนิงอู๋ซวงเป็นที่ทราบกันดีในหมู่แม่ทัพระดับสูงของกองทัพ

เมื่อได้ยินคำพูดจากปากซูเป่ย ฮวงเฟิงก็อึ้งไปเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะตัดสินใจแล้วว่าจะบอกกับหนิงอู๋ซวงยังไง ทว่าตอนนี้ ฮวงเฟิงยังรู้สึกประหม่าอยู่บ้างและไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา ทั้งสองอยู่ด้วยกันทุกวันและหากบอกว่าพวกเขาไม่ได้รู้สึกดีต่อกันก็คงโกหกแล้ว ตอนนี้เขากำลังจะจากไป และยิ่งไปกว่านั้น เป็นไปได้มากว่าเขาต้องจากไปโดยลำพัง เขาเองก็ทนไม่ได้ที่ต้องแยกจากหนิงอู๋ซวงเหมือนกัน

“ข้าจะดูแลนาง หลังจากที่ข้าจากไป ข้าหวังว่าผู้นำซูจะช่วยข้าดูแลนาง” ฮวงเฟิงกล่าว

"ได้แน่นอน" ซูเผยกล่าว นี่คือสิ่งที่เขาเคยสัญญากับฮวงเฟิงก่อนหน้านี้ และไม่ต้องพูดถึงที่ฮวงเฟิงเคยช่วยเหลือเขามากมายและตอนนี้อีกฝ่ายกำลังจะจากไป เขายังเป็นห่วงคนผู้หนึ่ง หากเขาปฏิเสธอีกฝ่ายก็นับว่าเขาเห็นแก่ตัวเกินไปแล้ว

“แต่ถึงอย่างไร ข้าก็หวังว่าท่านจะอธิบายให้นางรู้ แม่นางหนิงเป็นเด็กที่ดี ข้าไม่อยากเห็นนางเสียใจ” ซูเผยตอบ “หากท่านไม่ว่ารังเกียจ ข้าจะรับนางเป็นน้องสาวคนเล็ก ถ้าเป็นเช่นนี้ วันหน้าก็จะไม่มีผู้ใดกล้ารังแกนาง

“ขอบเจ้าท่านผู้นำซู” ฮวงเฟิงกล่าวอย่างจริงใจ

ฮวงเฟิงออกจากที่พักของผู้นำซูและกลับไปที่บ้านด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย บ้านที่มีหนิงอู๋ซวงทำให้เขารู้สึกอบอุ่นมากจริงๆ

ในปีนี้ แม้ว่าหนิงอู๋ซวงจะทำงานอย่างหนักเพื่อร้านขายผ้า แต่ส่วนใหญ่นางเป็นคนดูแลบ้านและปล่อยให้เสี่ยวซุยเป็นคนดูแลร้านค้า ราวกับว่าหัวใจของนางถูกเติมเต็มด้วยความห่วงใยจากฮวงเฟิง และครอบครัวของนางก็อบอุ่นขึ้นเช่นกัน

ผู้หญิงประเภทนี้แทบไม่มีให้เห็นในชีวิตจริง ไม่ใช่ว่าพวกนางไม่รักแฟน แต่ผู้หญิงยุคใหม่ทุกคนต่างมีอิสระและชีวิตเป็นของตัวเองต่างจากผู้หญิงในยุคนี้ที่มีผู้ชายที่เป็นเจ้าของท้องนภาและครอบครองทุกสิ่งทุกอย่าง และช่างต่างกับผู้หญิงยุคใหม่อย่างสิ้นเชิง

ในตอนแรก ฮวงเฟิงกลัวว่าเสี่ยวซุยอาจมีความคิดที่จะหลอกใช้นาง แต่หลังจากนั้น ฮวงเฟิงก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้อีก นางบอกว่าหนิงอู๋ซวงไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้เลยสักนิดแล้วทำไมเขาต้องบังคับนางล่ะ? ตราบใดที่ชื่อของผู้รับผิดชอบยังเป็นของนาง นั่นเป็นสิ่งเดียวที่เขาจำเป็นต้องทำ

“กลับมาแล้วหรือ ทำไมวันนี้ถึงกลับช้านักล่ะ” ทันทีที่ฮวงเฟิงกลับมาถึง หนิงอู๋ซวงก็ต้อนรับเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม สำหรับนางแล้วการได้เห็นหน้าฮวงเฟิง ได้อยู่ข้างกายฮวงเฟิงเป็นสิ่งที่นางทำแล้วมีความสุขที่สุด

ทักษะการทำอาหารของนางแต่เดิมนั้นแย่มาก แต่เพื่อที่จะทำอาหารให้ฮวงเฟิงด้วยตัวเอง นางจึงทำอาหารให้เขาตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา อีกทั้งตอนที่นางเปิดกิจการ ทักษะการทำอาหารของนางไม่ได้เพิ่มขึ้นและมันก็ค่อนข้างดีในระดับหนึ่ง

"อืม" ฮวงเฟิงตอบ จากนั้นด้วยการดูแลจากหนิงอู๋ซวง เขาก็นั่งลงข้างโต๊ะ

“เกิดอะไรขึ้น ไม่สบายตรงไหนหรือ? ท่านดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่" หนิงอู๋ซวงและฮวงเฟิงอยู่ด้วยกันมาหนึ่งปีแล้ว และทุกครั้งฮวงเฟิงไม่ได้ไปก่อสงคราม ทั้งสองก็จะอยู่ด้วยกันเสมอ แม้ว่าจะไม่เคยก้าวไปถึงขั้นตอนสุดท้าย แต่ทั้งสองคนก็คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี

“คงเป็นเรื่องที่ข้ากำลังจะบอกเจ้า” ฮวงเฟิงตอบขณะจ้องมองหนิงอู๋ซวง

"อะไรล่ะ?" เมื่อเห็นฮวงเฟิงเช่นนี้ หนิงอู๋ซวงลางสังหรณ์ใจไม่ดีและรู้สึกประหม่าเล็กน้อย

“เจ้ายังจำเรื่องที่ข้าบอกเจ้าก่อนหน้านี้ได้ไหมว่าข้าต้องไปจากที่นี่” ฮวงเฟิงสังเกตเห็นว่าหนิงอู๋ซวงกำลังกลัวก็เริ่มจับมือทั้งสองข้างของหนิงอู๋ซวงแล้วพูด

"จำได้สิ" หัวใจของหนิงอู๋ซวงรู้สึกปวดร้าว แต่แล้วนางก็ถามเขากลับไปว่า "เจ้าจะไปแล้วหรือ?"

“อืม” ฮวงเฟิงพยักหน้าตอบ

“แล้วพาข้าไปด้วยได้ไหม” หนิงอู๋ซวงมองฮวงเฟิงด้วยแววตาที่น่าสงสารพลางกล่าว นางดูเหมือนลูกสุนัขที่ไม่มีใครรักและถูกทอดทิ้งไว้ข้างถนน ช่างน่าสงสารเหลือเกิน

"เรื่องนั้นข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน" ฮวงเฟิง กล่าวขณะที่เขาส่ายหัว เมื่อเห็น หนิงอู๋ซวเช่นนี้ ฮวงเฟิง ก็รู้สึกเศร้ามากในใจ

เมื่อได้ยินคำตอบจากฮวงเฟิง ใบหน้าของหนิงอู๋ซวงก็เศร้ามากกว่าเดิม ฮวงเฟิงจึงรีบพูดว่า "แต่ถึงข้าจะพาเจ้าด้วยไปไม่ได้ พวกเรายังมาเจอกันบ่อยๆ ได้นะ"

“ยังไงล่ะ?” หนิงอู๋ซวงถาม

“อันที่จริง มีบางอย่างที่ข้ายังไม่ได้บอกเจ้า” อันที่จริงเขาต้องการบอกหนิงอู๋ซวงเรื่องกล่องจักรวาลมานานแล้ว เพราะหากทั้งสองต้องการพบกันอีกครั้ง หนิงอู๋ซวงก็ควรได้รู้ความอัศจรรย์ของกล่องจักรวาล

ยิ่งไปกว่านั้น คือไม่ใช่แค่หนิงอู๋ซวงคนเดียวเท่านั้น ในอนาคต ถ้าฮวงเฟิงต้องการหาตัวแทนในมิติต่างๆ เขาก็ต้องบอกความลับบางอย่างต่อพวกเขา

"อะไรล่ะ?"

“อู๋ซวง สิ่งที่ข้าจะพูด เจ้าอาจคิดว่ามันเป็นเรื่องเพ้อฝัน แต่เจ้าต้องเชื่อข้า สิ่งที่ข้าจะพูดต่อไปนี้คือความจริงทั้งหมด ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้าและไม่โกหกเจ้าเด็ดขาด” ฮวงเฟิง กล่าว

“อืม ข้าจะเชื่อเจ้า” หนิงอู๋ซวงตอบด้วยความมั่นใจ นับตั้งแต่ที่ฮวงเฟิงได้ช่วยชีวิตนาง ในความคิดของนาง ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่นางไว้ใจที่สุด

หลังจากนั้น ฮวงเฟิงบอกหนิงอู๋ซวงว่าเขาไม่ได้มาจากโลกนี้ และเขามาจากห้วงเวลาและมิติอื่น

“เป็นอย่างนี้นี่เอง ไม่แปลกใจเลยที่ท่านน่าทึ่งมาก!” สิ่งที่ทำให้ฮวงเฟิงรู้สึกขบขันมากขึ้นคือหนิงอู๋ซวงไม่ได้มองเขาว่าเป็นมนุษย์ต่างดาว แต่นางยังมองเขาด้วยสายตาชื่นชม

“เจ้าไม่คิดหรือว่าสิ่งที่ข้าพูดอาจเป็นเรื่องโกหก” ฮวงเฟิงอดถามนางไม่ได้

"ทำไมล่ะ?" หนิงอู๋ซวงถามกลับ “ข้าเชื่อทุกสิ่งที่เจ้าพูด ตอนที่ข้ายังเด็ก แม่ของข้าก็ชอบเล่าเรื่องต่างๆ ให้ข้าฟังตั้งเยอะ มีทั้งเรื่องของเทพเซียนและภูติผี พี่ฮวง การที่เจ้าจะมาจากโลกอื่น มันแปลกตรงไหนกัน?"

ตอนนี้มีเพียงฮวงเฟิงเท่านั้นที่จำได้ว่าเวลาและมิติแห่งนี้ไม่ใช่โลกที่เขาเคยอาศัย ถ้าเขาบอกเรื่องมิติของเข้าให้คนอื่นรู้ ไม่แน่คนพวกนั้นอาจกล่าวหาว่าเขาเป็นพวกลัทธิอะไรสักอย่างแล้วกุเรื่องขึ้นมาแน่

แต่ในโลกนี้ ก็มีหลายคนที่เชื่อว่าภูติผีและเทพเซียนมีอยู่จริง เพราะนี่เป็นโลกที่ผู้คนศรัทธาในสิ่งลี้ลับนั่นเอง!