USB:บทที่ 653 สงครามอีกครั้ง
ฮวงเฟิงพยักหน้าแล้วนั่งลง จากนั้นก็เริ่มคิดว่าเขาควรทำอย่างไรต่อ
เนื่องจากเขารู้ว่ากองทัพพยัคฆ์คำรามและกองทัพของติงเหวินฉางเริ่มเปิดฉากต่อสู้แล้ว ฮวงเฟิงและคนอื่นๆ จึงต้องการสังเกตการณ์เพื่อดูว่าพวกเขาจะสามารถใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ได้หรือไม่ เนื่องจากกองกำลังในการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายอยู่ในระดับเดียวกัน และมันง่ายมากสำหรับทั้งสองฝ่ายที่จะปะทะกัน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขาที่จะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้
แต่ถึงอย่างไร ฮวงเฟิงและคนที่เพิ่งผ่านสงคราม แม้จะไม่บาดเจ็บระหว่างการต่อสู้ ทว่าพวกเขายังรู้สึกเหนื่อยล้า เนื่องจากการจับเชลยศึกสูบพลังของพวกเขาไปไม่น้อย ดังนั้น ตอนนี้พวกเขาจึงต้องพักเอาแรงเสียก่อน
แม้ฮวงเฟิงจะไม่ยินดีปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไป เพราะในตอนจบหากฝ่ายหนึ่งได้รับชัยชนะ แม้ฝ่ายนั้นจะสูญเสียกำลังไปครู่หนึ่ง แต่เมื่อพวกเขาสามารถฟื้นพลังได้สำเร็จ พวกเขาจะกลายเป็นศัตรูที่น่าเกรงขาม ศัตรูที่น่าเกรงขามไร้ซึ่งความหวาดกลัว เช่นนั้นพวกเขาจะทนเห็นอีกฝ่ายแข็งแกร่งได้อย่างนั้นหรือ?
เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ ดังนั้นเมื่อคู่ต่อสู้ฟื้นกำลังแล้ว พวกเขาจะบุกโจมตีอีกฝ่าย ในเวลานั้น อีกฝ่ายต้องแข็งแกร่งกว่าตอนนี้แน่นอน ด้วยเหตุนี้ ฮวงเฟิงจึงไม่ต้องการนั่งรอให้เวลานั้นมาถึง
นอกจากนี้ ความตั้งใจของซูเผยคือให้ฮวงเฟิงนำคนไปสังเกตุการณ์และโจมตีเมื่อมีโอกาส หากหาโอกาศไม่ได้ก็กลับเมือง
เมื่อคิดได้ดังนี้ ฮวงเฟิงก็ยืนขึ้นและพูดกับซุนเหลียงว่า “แม่ทัพซุน ท่านนำคนหมื่นคนปกป้องเมืองนี้ให้ดี ต้าหนิวกับข้าจะนำคนที่เหลือไปสังเกตการณ์ที่มณฑลอู่ ท่านจำไว้ว่าท่านต้องทำให้แน่ใจว่าเมืองนี้อยู่ในกำมือเราแล้ว”
ดังนั้นสิ่งของทุกอย่างต้องอยู่ในสภาพดี แม้ฮวงเฟิงและคนอื่นๆ จะได้รับบาดเจ็บที่มณฑลอู่ พวกเขายังคงสามารถถอยทัพและให้ซุนเหลียงมาสนับสนุนพวกเขาได้ หากใช้วิธีนี้ พวกเขาก็จะไม่แพ้
นอกจากนี้ มณฑลหลี่ยังเป็นฐานทัพของพวกเขาในตอนนี้ หากไม่จำเป็นจริงๆ ฮวงเฟิงจะไม่กลับไปที่นั่นเพื่อสู้กับไฟ เพราะเขายังมีกิจการให้ดูแล้ว หากเขาทำพังมันกับมือ ก็เท่ากับว่าเขาขาดทุนครั้งใหญ่น่ะสิ
“ไม่ต้องห่วง แม่ทัพฮวง ข้า ซุนเหลียง สาบานว่าจะรออยู่ที่นี่ และปกป้องเมืองนี้ให้ได้!” แม้ว่าซุนเหลียงต้องการติดตามฮวงเฟิงไป แต่เขารู้ว่าเขาเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดที่จะอยู่ที่นี่ เดิมที หวังต้าหนิวก็สามารถไปได้เช่นกัน แต่เขาเป็นเพียงวีรบุรุษ
“หากมีแม่ทัพซุนอยู่ ข้าเองก็หมดห่วง” ฮวงเฟิงกล่าว
ดังนั้น ฮวงเฟิงจึงสั่งให้ทหารที่อยู่ด้านล่างให้รีบพักเอาแรง และพรุ่งนี้เช้าพวกเขาจะออกเดินทางไปยัง มณฑลอู่ทันที
โชคดีที่แม้ว่าฮวงเฟิงและทหารที่เหลือจะเหน็ดเหนื่อย แต่พวกเขาก็ไม่ได้สูญเสียพลังไปมาก ด้วยเหตุนี้เพียงหนึ่งคืน กำลังของพวกเขาจึงฟื้นคืนเกือบทั้งหมด หลังจากนั้นฮวงเฟิงและหวังต้าหนิวก็นำคนออกเดินทาง
ทว่าในเวลานี้ พื้นที่รอบนอกของมณฑลอู่ถูกไฟไหม้ กองทัพพันธมิตรของติงเหวินฉางและกองทัพพยัคฆ์คำรามของเหว่ยกวงที่มีกองกำลังเท่ากัน จึงไม่สามารถระบุได้ว่าระหว่างทั้งสองฝ่าย ฝ่ายใดจะเป็นผู้ชนะในศึกนี้ แม้ว่าพวกเขาจะทำการรบมาสองวันแล้ว แต่ทั้งสองฝ่ายก็ยังไม่ได้ตัดสินผลแพ้ชนะ
สำหรับเหว่ยกวงที่อาศัยลูกน้องเป็นกำลังให้เขา พวกเขาถึงขีดจำกัดแล้ว น่าเสียดายที่ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของกองทัพพยัคฆ์คำรามนั้นแข็งแกร่งมาก ดังนั้นแม้ว่าเหว่ยกวงจะขาดความสามารถในการสั่งการ กองทัพพยัคฆ์คำรามก็มิไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ หากผ่านช่วงนี้ไปแล้ว เขาคงพูดได้มากกว่านี้
อีกทั้งความคิดของติงเหวินฉางก็ยังไม่หยั่งลึกพอ เขาเป็นเพียงนักวิชาการที่อวดดี แต่เขามีความคิดเป็นของตัวเอง แต่เขาดันมีข้อจำกัดทั้งยังไม่ใช่ผู้มีความสามารถ
เหว่ยกวงประจำการอยู่ที่นี่มาเป็นเวลานานแล้ว แต่เขาไม่เคยโจมตีกองทัพของติงเหวินฉางเลยสักครั้ง สิ่งนี้ทำให้ผู้มีอำนาจระดับสูงหลายคนในกองทัพพยัคฆ์คำรามรู้สึกไม่ยินดี แม้แต่ผู้บัญชาการแห่งกองทัพพยัคฆ์คำรามก็ยังไม่พอใจเขา
เป็นเพราะการกระทำที่โง่เขลา กองทัพพยัคฆ์คำรามของพวกเขาจึงมีคนเข้าร่วมกองทัพไม่มากนัก แต่ในทางกลับกันก็มีคนเข้าร่วมกองทัพของติงเหวินฉางทุกวัน หากตัดความแข็งแกร่งของคนเหล่านี้ ความได้เปรียบด้านปริมาณของกำลังคนไม่ใช่สิ่งที่จะมองข้ามไปง่ายๆ
ศัตรูของกองทัพพยัคฆ์คำรามไม่ได้มีเพียงติงเหวินฉางเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถรอได้อีกต่อไปและตัดสินใจเปิดฉากโจมตี
ตั้งแต่เปิดศึก ทั้งสองฝ่ายได้ห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด ไม่มีฝ่ายใหสามารถจัดการฝ่ายตรงข้ามได้ในเวลาอันสั้น
ในขณะเดียวกัน ฮวงเฟิงก็รีบมุ่งหน้าไปที่มณฑลอู่พร้อมกับคนของเขา
ในตอนที่ฮวงเฟิงและคนของเขาเกือบถึงมณฑลอู่ พวกเขาก็ทราบเรื่องที่ให้พวกเขาต่างตกใจสุดขีด พวกเขามีกำลังคนเพียงหนึ่งหมื่นคนเท่านั้น ทว่าฮวงเฟิงกลับมีกำลังคนมากกว่าแปดหมื่นคน
น่าเสียดายที่แม้ว่าพวกเขาต้องการช่วยกองทัพพยัคฆ์คำรามในเวลานี้ก็ไม่ทันการแล้ว เพราะพวกเขากำลังทำศึกกับกองทัพของติงเหวินฉาง ในตอนนี้ พวกเขาแบ่งเป็นคนเป็นกลุ่มย่อย คนของพวกเขาได้รับบาดเจ็บ และพวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาจะสามารถป้องกันการโจมตีของติงเหวินฉางได้หรือไม่
ดังนั้น กองทัพพยัคฆ์คำรามจึงทำได้เพียงร้องขอความช่วยเหลือจากกองทัพแห่งมณฑลอู่ และหลังจากที่รู้ว่าการขอความช่วยเหลือนั้นไร้ประโยชน์ พวกเขาก็ยิ่งกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาละทิ้งความพยายามที่ทำมาทั้งปี แม้แต่ความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขายังไม่รู้เลยว่าจะนำไปเทียบกับกองกำลังพันธมิตรได้หรือไม่ แล้วนับประสาอะไรกับเรื่องที่จำนวนคนของฝ่ายตรงข้ามมีมากกว่าพวกเขา
ดังนั้นหลังจากตกลงกัน ผู้รักษาการจึงส่งคนไปบอกฮวงเฟิงว่าพวกเขายินดีมอบตัว
ฮวงเฟิงรู้สึกตกใจที่ได้ฟังความจากตัวแทนของมณฑลอู่ เขาไม่เคยคิดว่าคู่ต่อสู้ของเขาจะยอมจำนนโดยไม่ได้ต่อต้าน และนี่เป็นครั้งแรกที่ศัตรูยอมจำนนโดยไม่ต้องต่อสู้
อย่างไรก็ตาม การที่อีกฝ่ายยอมจำนนนับเป็นเรื่องที่ดีที่สุด ด้วยวิธีนี้ พวกเขาสามารถทำลายมณฑลอู่ได้โดยไม่มีการนองเลือด
ดังนั้น ฮวงเฟิงจึงนำคนของเขาเข้าสู่มณฑลอู่อย่างง่ายดาย อีกฝ่ายไม่ได้วางแผนการใดๆและต้องการมอบตัวจริงๆ โลกนี้วุ่นวายมากพอแล้ว และทหารทุกคนต่างไม่มีความคิดที่จะรับใช้จักรวรรดิอีกต่อไป แต่แล้วพวกเขาจะรักษาชีวิตของตนเองได้อย่างไร
เหว่ยกวงแทบกระอักเลือดออกมาทันทีที่รู้ว่ามณฑลอู่ยอมแพ้แล้ว เขาต้องการให้กองทัพของมณฑลอู่ขัดขวางกองทัพของฮวงเฟิง และหลังจากที่เขาจัดการกองทัพของติงเหวินฉางได้สำเร็จ เขาก็จะไปจัดการฮวงเฟิงและคนที่เหลือต่อ
ตอนนี้แผนของเขาพังไม่เป็นท่า และเขาตกอยู่ในอันตรายจากการถูกจับตรงกลาง
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved