ตอนที่ 225

USB:บทที่ 225 ที่เดียวกัน

“นี่ สุดหล่อ ปฏิเสธคำเชิญชวนจากสาวสวยแบบนี้ ใช้ไม่ได้เลยนะ แถมยังปฏิเสธคำเชิญจากสาวสวยถึงสามคนในคราเดียวอีก ถ้าใครรู้ก็คงโมโหนายสุดๆไปเลยล่ะ” ถังมู่เสวี่ยหันไปมองซูหยูโม่พลางกล่าว

“ช่างเถอะ ถ้าเขาไม่อยากไปก็แล้วแต่เขา หรือเธอคิดว่าถ้าไม่มีเขาแล้วพวกเราจะไปกันไม่ได้จริงๆล่ะ?” เซี่ยเมิ่งเจียวเอ่ยถาม

อันที่จริง การที่เธอชวนฮวงเฟิงไปงานเลี้ยงในคืนนี้เป็นความต้องการของซูหยูโม่ แน่นอนว่าการใช้ให้เขาขับรถเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าซูหยูโม่ต้องการช่วยฮวงเฟิงรู้จักคนอื่นมากขึ้น แต่ดูท่าว่าฮวงเฟิงจะไม่รู้ว่าอะไรเป็นเรื่องดีต่อตัวเขาเลย

ฮวงเฟิงเข้าใจดีว่าซูหยูโม่หวังดี แต่ว่ามันจะแค่นั้นจริงๆเหรอ?

หลังจากนั้น เซี่ยเมิ่งเจียวก็ไม่ได้เรียกหาฮวงเฟิงเพื่อใช้งานอีก เป็นไปได้ว่า วันนี้ เธอไม่อยากเห็นหน้าฮวงเฟิงอีกแล้ว

เมื่อถึงเวลาเลิกงาน หญิงสาวทั้งสามจึงออกไปจากบริษัทด้วยกัน และฮวงเฟิงเองก็กลับไปเช่นกัน

ในตอนนี้ฮวงเฟิงอยู่ในชุดเครื่องแบบของบริษัท โดยไม่ต้องถามให้มากความ เขาต้องกลับบ้านไปเปลี่ยนชุดก่อน ส่วนซูหยูโม่กับสาวสวยอีกสองคนสวมชุดเดิม

"สูตรไวน์ขาวไม่ระบุชื่อ : สูตรการต้มไวน์ขั้นสูงที่เขาได้มาโดยโดยบังเอิญจากชายชราแปลกหน้า รสชาติดีจริงๆ!"

ทันทีที่ฮวงเฟิงกลับมาถึงบ้าน เขาได้รับไอเทมใหม่จากกล่องจักรวาล ซึ่งอันที่จริงแล้ว มันคือสูตรการต้มไวน์นั่นเอง!

ในขณะที่อยู่ที่ป้อมปราการ ฮวงเฟิงได้คัดลอกสูตรจำนวนมากใส่กล่องจักรวาล แต่สูตรพวกนั้นไม่ใช่ของดีเท่าไหร่นัก โชคดีที่ของเขาได้รับมาในตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นของดีทีเดียว

“รสชาติล้ำเลิศ?! ไม่เกินจริงเลยสักนิด!" ฮวงเฟิงพึมพำในขณะที่ถือสูตรในมือ

เห็นๆอยู่ว่ามันคือของดี แต่ติดอยู่ที่ว่าเขายังไม่มีเงินทุน ไม่ต้องไปพูดถึงกรรมวิธีการทำไวน์ ขนาดอุปกรณ์ที่ใช้ต้มไวน์ เขายังไม่มีปัญญาซื้อเลย…

"อ่า..เงิน เงิน... ถ้าเราไม่มีเงิน เราก็เริ่มต้นกิจการไม่ได้น่ะสิ..." จู่ๆฮวงเฟิงก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันทีที่นึกถึงเรื่องเงิน

ฮวงเฟิงเคยคิดว่าตัวเองนั้นไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน แต่ว่าตอนนี้ เขาเข้าใจแล้วว่า จริงๆแล้วเขาขัดสนเรื่องเงินเหมือนกันนี่หว่า

อย่างไรก็ตาม ฮวงเฟิงยังคงเชื่อว่าเมื่อไหร่ที่เขามีเงินลงทุนแล้วเริ่มผลิตของที่เขาได้รับมาจากกล่องจักรวาล เมื่อนั้นการสร้างรายได้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

"สงสัยจังว่าภาพวาดของเราจะขายในงานประมูลคืนนี้ได้เท่าไหร่กันนะ" ตอนนี้ สิ่งเดียวที่ฮวงเฟิงจะช่วยเขาได้มากที่สุดในตอนนี้คือภาพวาดผืนนั้น เขาหวังว่าคืนนี้เขาจะสามารถทำเงินได้สมปรารถนา

หลังจากเก็บสูตรไวน์ไว้ในแหวนจักรวาลแล้ว ฮวงเฟิงก็เดินออกจากห้องไป อีกไม่นาน การประมูลก็จะเริ่มแล้ว

อันที่จริง ยังมีอีกเรื่องที่ฮวงเฟิงยังไม่รู้คือ หากเขาไม่ด่วนขายอัญมณีและภาพวาดไป เขาก็จะสามารถเทเลพอร์ตได้อีกครั้ง แต่ที่เขาทำแบบนั้นก็เพราะไอเท็มไม่ได้ระบุว่าของพวกนี้มาจากที่ไหน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเขาถึงไม่ทราบเรื่องนี้

น่าเสียดายที่ฮวงเฟิงไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน นี่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เขาต้องรอจนกว่าการถ่ายทอดจะสิ้นสุดลง

ในอีกด้านหนึ่ง ซูหยูโม่กับสองสาวก็ออกไปแล้วเช่นกัน

"วันนี้มีของอะไรมาประมูลบ้างเหรอ?" ถังมู่เสวี่ยที่นั่งอยู่ในรถเอ่ยถาม

"ฉันก็ไม่แน่ใจ แต่ว่าเราไม่จะเป็นต้องสนใจของพรรนั้นสักหน่อย พอถึงเวลาก็ซื้อของที่คนอยากได้ไปสักชิ้นสองชิ้นก็พอแล้ว แต่ถ้าเกิดว่ามันเป็นของที่ไม่มีค่า ก็ช่างมัน ถือซะว่าพวกเรามาร่วมงานปาร์ตี้ก็พอ” เซี่ยเมิ่งเจียวตอบ

ในความเป็นจริง พวกเธอไม่ได้บอกฮวงเฟิงว่าพวกเธอมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมการประมูล แค่มีงานเลี้ยงก่อนงานประมูล ทั้งสามไม่ได้ให้ความสนใจกับการประมูลเท่าไหร่นัก แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ปฏิเสธคำเชิญในวันนี้เช่นกัน

สิ่งที่คนพวกนี้ไม่รู้ก็คือจุดหมายของพวกเขาในค่ำคืนนี้เป็นสถานที่เดียวกัน เพียงแต่พวกเขาไม่รู้มาก่อน

“พอคิดแล้วก็โมโหชะมัก พี่หยูโม่อุตส่าห์ชวนรปภ.ตัวเหม็นคนนั้นไปงานเลี้ยง แต่หมอนั่นกลับไม่ไว้หน้าพี่เลย” เซียเมิ่งเจียวว่า เห็นๆอยู่ว่าเธอได้เก็บงำความเคียดแค้นที่ฮวงเฟิงปฏิเสธเธอเอาไว้ในส่วนลึกของจิดใจ

"เขาก็มีเหตุผลของเขาน่า อีกอย่าง เขาก็ไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย" ซูหยูโม่กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“โธ่! พี่ยูโม่ แค่พี่อารมณ์ดีไม่ได้แปลว่าพี่ไม่กังวลสักหน่อย” เซียเมิ่งเจียวกล่าว

"ว่าแต่ พี่สาวยูโม่ พี่คิดยังไงกับรปภ.คนนั้นเหรอ?" ในขณะเดียวกัน ถังมู่เสวี่ยก็หันไปถามซูหยูโม่แบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่นด้วยสายตาลึกซึ้ง

"ทำไมเหรอ?" หัวใจของซูหยูโม่แทบจะกระโดดออกมาทันทีที่อีกฝ่ายถามคำถามแบบนี้

“เปล่า ไม่มีอะไร ฉันแค่คิดว่าเขาก็ไม่ได้แย่นะ ดูสิ ขนาดเขาอยู่ต่อหน้าสาวสวยอย่างพวกเราสามคน เขายังทำตัวเย็นชาได้ นี่ไม่ใช่เรื่องที่ผู้ชายธรรมดาจะทำได้เลยนะ พี่ไม่คิดอย่างนั้นเหรอ?” ถังมู่เสวี่ยว่า

“เขาต้องตาบอดแน่ๆ!” เซียเมิ่งเจียวพูดขัด

ฉันไม่คิดอย่างนั้น ดูสิ ถึงฐานะทางครอบครัวของเขาจะธรรมดามาก แถมเขายังเป็นแค่พนักงานรักษาความปลอดภัยตัวเล็กๆอีก ในมุมของหน้าที่การงาน ถึงตอนนี้เขาจะเป็นผู้จัดการรักษาความปลอดภัย แต่เขาก็ยังเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่

แต่เมื่อเขาได้เผชิญหน้ากับพวกเรา โดยเฉพาะกับเมิ่งเจียวและพี่ยูโม่ เขากลับไม่ได้เกรงกลัวอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย เธอสัมผัสได้ถึงความมั่นใจจากเขาได้ มันเป็นความรู้สึกเดียวกันกับที่เธอสัมผัสได้จากคุณชายแห่งเมืองหลวง

เหตุเพราะภูมิหลังตระกูลของพวกเขาแต่ละคนนั้นไม่ธรรมดา เพราะอย่างนั้น พวกเขาถึงได้มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม แต่สำหรับฮวงเฟิงแล้ว เธอก็ไม่รู้สึกว่าอีกฝ่ายจะถือตัวเลยสักนิด ถังมู่เสวี่ยคิดไม่ตก

เนื่องจากว่าเธอสงสัยในตัวฮวงเฟิงมาก ยิ่งเธอรู้ว่าคนที่จะกินข้าวกับเธอในคืนนั้นคือฮวงเฟิงแล้ว เธอก็ยิ่งอยากรู้จักมากขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องอะไรบางอย่างระหว่างเซียเมิ่งเจียวกับเขาอีก ช่วงนี้ ถังมู่เสวี่ยจึงแอบจับตาดูฮวงเฟิงเป็นพิเศษ เพราะเธออยากรู้ว่าอีกฝ่ายต้องเป็นคนประเภทไหนถึงได้ทำให้คนอย่างพี่หยู่โม่สนใจได้

ซูหยูโม่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าถังมู่เสวี่ยกับฮวงเฟิงทีเพิ่งจะรู้จักกันจะมองอีกฝ่ายได้ทะลุปุโปร่งขนาดนี้ ในด้านความสามารถ ถังมู่เสวี่ยเองไม่ได้เป็นคนอ่อนประสบการณ์ แน่นอนว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการที่เธอสามารถจัดการกับผู้ชายมากหน้าหลายตาได้ในคราเดียว

"เขาทำอย่างนั้นเหรอ? ทำไมฉันไม่เคยเห็นล่ะ?" เซียเมิ่งเจียวถาม ในสายตาของเธอ ฮวงเฟิงเป็นได้แค่ผู้ชายที่น่ารังเกียจ เธอไม่เคยนึกถึงเขาเพราะในสายตาของเธอ ไม่ว่าฮวงเฟิงจะทำอะไร ก็ดูน่ารังเกียจไปหมด

"มู่เสวี่ยพูดถูก ฮวงเฟิงเป็นคนดี ไม่งั้นข้าคงไม่ถูกเลื่อนตำแหน่งให้เป็นผู้จัดการหรอกนะ" ซูหยูโม่ว่า

ในทางกลับกัน เธอมักจะให้ความสนใจกับฮวงเฟิงเพราะเธอคิดเหมือนเขา ผลก็คือเธอรู้และเห็นด้วยกับคำพูดพวกนั้น

“หืม พี่หยูโม่คิดว่าเขาเป็นคนดีเหรอ?” ถังมู่เสวี่ยถาม

"ใช่" ซูหยูโม่ยืนยัน

“แล้วพี่คิดยังไงถ้าเขาเป็นแฟนฉัน” ถังมู่เสวี่ยกล่าวด้วยท่าทางไม่ลดละ