ตอนที่ 359

USB:บทที่ 359 ม้วนคัมภีร์

“อ๊า!” แม้เขาจะไม่รู้จักศิลปะการต่อสู้ใด ๆ แต่เพราะเดิมทีตัวเขาเป็นคนจิตใจดีและไม่สามารถทนเห็นคนมากมายมาตายต่อหน้าได้ ดังนั้นเขาจึงเข้าไปช่วยไกล่เกลี่ย ปกติแล้วเขาเองก็ไม่ได้ชื่นชอบศิลปะการต่อสู้อยู่แล้วและถึงแม้ว่าเขาจะเกิดในตระกูลต้วนแต่เขากลับไม่รู้ทักษะของศิลปะการต่อสู้เลย

"นี่เจ้ากำลังเดิมพันด้วยความตายเลยนะ!" เมื่อชายทั้งสองเห็นว่าต้วนอวี้ไม่ได้มีท่าทางจะขัดขืนแต่กลับล้มลงไปกับพื้นด้วยความหวาดกลัวแทน พวกเขาย่อมไม่ถอยอยู่แล้วเมื่ออยู่ในระหว่างต่อสู้ หากอยู่มีคนโง่ผู้หนึ่งเข้ามาขวางมันจะเป็นเรื่องแปลกมากที่อยู่ๆ พวกเขาเกิดเป็นคนสุภาพขึ้นมาและยุติสงครามครั้งนี้เพียงเพาะคนโง่ผู้นั้น

อย่างไรก็ตามในขณะที่ใบหน้าของต้วนอวี้กำลังซีดลงไปเรื่อย ๆ บวกกับคิดว่าตัวเองกำลังจะถูกชายสองคนที่กำลังพุ่งมาหาเขาฆ่าตาย พวกเขาทั้งสองถูกคนหินขวางใส่อย่างไม่ได้ตั้งใจจนทำให้ทั้งสองในตอนนี้ถูกก้อนหินทุ่มลงกับพื้นในไปในทันที

คนจากสำนักดาบอมตะและสำนักเฉินหนงต่างพากันหันมามองที่แหล่งที่มาของก้อนหิน ในช่วงเวลานั้นอยู่ๆ ก็มีเด็กสาวปรากฏขึ้นบนหลังคา

ต้วนอวี้ที่รู้สึกได้ว่าตัวเขาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรจึงลืมตาและค่อย ๆ ลุกขึ้นพร้อมมองไปที่หญิงสาวเช่นกัน

"สาวน้อย เจ้าเป็นใครกัน?" ท่ามกลางความสงสัยในเวลาเดียวกันเขาเองก็คิดเช่นกัน

"จริง ๆ ข้ากำลังสู้อยู่กับพวกสำนักดาบอมตะ แล้วทำไมวันนี้ถึงได้มีคนมากมายเข้ามาจุ้นไม่เข้าเรื่องได้ขนาดนี้กัน?"

"ข้าแค่เดินผ่านมา แล้วข้าก็เห็นคนดี ๆ อย่างเจ้ากำลังจะถูกรังแกซึ่งข้าทนดูตต่อไม่ได้" หลังจากที่นางพูดจบ นางก็กระโดดลงมาจากหลังคาอย่างแผ่วเบาจนมาถึงตรงหน้าต้วนอวี้“ เจ้าชื่อต้วนอวี้ใช่ไหม?” ถึงเจ้าจะไม่รู้ทักษะศิลปะการต่อสู้ แต่เจ้าก็มีความกล้าพอสมควรเลยนะ”

"ใครก็ตามไม่ว่าจะรู้ทักษะการต่อสู้หรือไม่ก็ตาม หากต้องเผชิญหน้ากับความอยุติธรรมก็คงต้องเข้ามายุ่งอยู่แล้ว"ต้วนอวี้กล่าวอย่างตรงไปตรงมาในขณะที่หญิงสาวคนนั้นมองไปที่ต้วนอวี้ด้วยแววตาที่เป็นประกาย เห็นได้ชัดว่าหน้าตาที่หล่อเหลาของต้วนอวี้นั้นได้ทำคะแนนให้กับเขาไปด้วย

แต่อย่างไรเสียเรื่องดีๆ ก็เกิดขึ้นได้เพียงไม่นานเพราะการกระทำของหญิงสาวคนนั้นทำให้ผู้คนที่อยู่ตรงนั้นโกรธเป็นอย่างมาก ดังนั้นในเวลาเดียวกันทั้งคนจากสำนักดาบอมตะและสำนักเฉินหนงจึงกลับมาโจมตีใส่กันอีกครั้ง

ทางด้านหญิงสาว นางเป็นที่รู้จักในนามของจงหลิง แม้ว่านางมีมาร์เทินสายฟ้าที่ทรงพลังมากในมือแต่นางไม่ได้มีทักษะพื้นฐานที่แน่นพอ มาร์เทินสายฟ้าของนางนั้นไวมาก หลังจากที่มันกัดจั่วจื่อมู่ จงหลิงและต้วนอวี้ก็ถูกจับจนได้

“ มอบยาถอนพิษให้ข้าแล้วข้าจะไว้ชีวิตพวกแก!” จั่วจื่อมู่พูดกับทั้งพวกเขาสองคน

"แล้วคิดว่าพวกเราจะมีสำรองไว้อย่างนั้นหรือ?  พวกเรามีกันสองคนจะแบ่งกันได้ยังไง" จงหลิงกล่าวช้าๆ

“ ดี ดี ดี” จั่วจื่อมู่จั่วจื่อมู่พูดอย่างเหลืออด "ฉันจะไว้ชีวิตพวกแกสองคน ส่งยาถอนพิษให้ข้าซะ"

“ฉันไม่มียาถอนพิษอะไรทั้งนั้น มีแต่พ่อของข้าเท่านั้นที่ถอนพิษนี้ได้

“ พ่อของเจ้าอยู่ที่ไหน”

"แน่นอนว่าพ่อก็ต้องอยู่ที่บ้านกับแม่ยังไงล่ะ"

ต้วนอวี้เกือบจะหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินบทสนทนาของนางและจั่วจื่อมู่ก็รู้ว่าตนนั้นกำลังถูกจงหลิงหลอก

“ ข้าจะเผาผมเจ้าให้หมด!” จั่วจื่อมั่วกล่าวขณะที่เขาเดินเข้ามาหาจงหลิงพร้อมกับคบเพลิงในมือ

"ไม่ ข้ากลัวเจ็บ" จงหลิงตะโกน

"งั้นก็เอายาถอนพิษออกมาสิ ถ้าแกกลัวความเจ็บปวด!" จั่วจือมั่วกล่าว

"นี่แกโง่หรือเปล่า? ตัวมาร์เทินสายฟ้าของแกไม่ได้เหมือนสัตว์ทั่ว ๆ ไปนะ มันจะไปรักษาง่ายขนาดนั้นได้ยังไง" จั่วจือมั่วระบาย

เพราะเขารู้ว่าหลังจากที่โดนพิษของตัวมาร์เทินสายฟ้า เขาจะมีชีวิตได้เพียงแค่ยี่สิบวันนับจากนี้ จากนั้นก็เหลือบมองไปทางด้านต้วนอวี้

คนจากทางฝั่งดาบอมตะเดินเข้าไปที่ต้วนอวี้ทันทีและได้บังคับให้เขาดมยาพิษเข้าไป“ หลังจากนี้เจ็ดวัน พิษจะเริ่มออกฤทธิ์และแกก็จะตายในที่สุด ถ้าแกเอายาแก้พิษตัวมาร์เทินสายฟ้ามาให้ข้าได้ภายในเจ็ดวัน แล้วเรื่องในวันนี้ฉันจะปล่อยพวกแกไปและจะให้ยาถอนพิษด้วย”

จงหลิงทำอะไรไม่ถูก ในท้ายที่สุดเธอก็ทำได้เพียงบอกเส้นทางให้กับต้วนอวี้ และในขณะเดียวกันนั้นเธอก็ได้มอบหนึ่งในรองเท้าของเธอให้กับเขาเป็นของต่างหน้าเพื่อที่จะนำไปให้แม่ของเธอและนำยาถอนพิษตัวมาร์เทินสายฟ้ากลับมา

หลังจากที่ต้วนอวี้รู้เรื่องเส้นทางแล้วเขาก็ลงจากเขาแต่เนื่องจากเขาไม่มีทักษะศิลปะการต่อสู้จึงทำได้เพียงวิ่งลงมาโดยหวังว่าจะสามารถประหยัดเวลาได้ อย่างไรก็ตามเนื่องจากเขาตื่นตระหนกเกินไปขณะที่เขาวิ่งลงมาตามทางของภูเขา เท้าของเขากลับสะดุดลื่นล้มจนตกหน้าผาแต่โชคดีที่เบื้องล่างนั้นมีลำธารรองรับร่างเขาไว้อยู่ ดังนั้นต้วนอวี้จึงยังไม่ตายและโชคดีอีกอย่างหนึ่งก็คือเขาไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ เลย

ภายในถ้ำ เขาพบรูปปั้นที่งดงามราวกับเทพได้มาจุติยังโลกมนุษย์ตั้งอยู่โดยรูปปั้นนั้นงดงามจนเขาถึงขั้นตกหลุมรักในครั้งแรกที่เห็น เมื่อสังเกตดี ๆ เขาก็พบเหมือรายเส้นสลักอยู่บนรูปปั้นนั้น

"ให้คุกเข่าคำนับพันครั้ง!" เมื่ออ่านจบเขาก็ไม่ลังเลที่จะทำตามเลยแม้แต่น้อย ต้วนอวี้คุกเข้าลงบนเสื่อที่ปูไว้ตรงหน้ารูปปั้น จากนั้นก็คุกเข่าคำนับให้ครบหนึ่งพันครั้ง

และหลังจากที่ต้วนอวี้คุกเข่าคำนับจนครบหนึ่งพันครั้ง เขาก็เริ่มรู้สึกสับสนเล็กน้อยเพราะเมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็พบกับม้วนหนังสือใต้เสื่อที่เขาเพิ่งคุกเขาคำนับไปโดยในม้วนหนังสือมีวิชาเซียนอยู่สองทักษะ นั่นก็คือ วิชาลมปราณภูติอุดรและวิชาท่าเท้าท่องคลื่น!

แรกเริ่มเขาไม่ค่อยชอบความคิดของครอบครัวที่ได้มอบหมายให้เขาฝึกฝนกำลังภายในและนั่นก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เขาแอบหนีออกจากบ้านมา แต่ตอนนี้เขากลับได้รับคัมภีร์ของทั้งสองวิชามาอยู่ในมืออย่างไม่ได้ตั้งใจ แต่เดิมเขาไม่ได้ต้องการที่จะฝึกกำลังภายในอยู่แล้วแต่เมื่อรู้ว่าจะได้เรียนรู้กับพี่นางฟ้าที่เขาชอบ ต้วนอวี้จึงตัดสินใจที่จะฝึกวิชาท่าเท้าท่องซึ่งเป็นหนึ่งในวิชาที่ต้องใช้กำลังภายใน

ในความเห็นของต้วนอวี้ วิชาท่าเท้าท่องคลื่นมีไว้เพื่อการหลบหนี ส่วนวิชาลมปราณภูติอุดรมีไว้เพื่อสำหรับการต่อสู้ เขาผู้ซึ่งไม่ชอบการต่อสู้ ดังนั้น วิชาเซียนที่เขาจะเลือกฝึกจึงเป็นวิชาท่าเท้าท่องคลื่นที่ใช้เพื่อหลบหนีและวิชานี้ก็เป็นสิ่งที่เขาดูจะสนใจและชอบเป็นอย่างมาก

เห็นได้ชัดว่าต้วนอวี้เป็นคนที่มีความจำที่ดีเป็นอย่างมาเนื่องจากเขาใช้เวลาเพียงไม่นานในการจดจำเนื้อหาทั้งหมดของวิชาท่าเท้าท้องคลื่น ในขณะที่วิชาลมปราณภูติอุดรมีภาพทั้งหมดสามสิบหกภาพซึ่งเป็นภาพที่บันทึกไว้เพื่อแนะแนวการฝึกแต่เขาจำได้เพียงแค่สองภาพแรกเท่านั้นและไม่ได้สนใจที่จะจำที่เหลืออีกด้วย ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะไม่มองไปที่มันอีก

ตอนนี้เขาก็ยังจำได้ว่าเป้าหมายของการมาในครั้งนี้คือการนำยาถอนพิษกลับไปช่วยจงหลิง นอกจากนี้เขาเองก็โดนวางยาพิษไปด้วย ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้นานไปมากกว่านี้แล้ว

อย่างไรก็ตามเมื่อต้วนอวี้มาถึงบ้านของจงหลิง นั่นก็คือหุบเขาหมื่นเคราะห์ แต่เมื่อได้มาถึงกลับพบว่าม้วนคัมภีร์ในมือกลับหายไปแล้ว

"มันหายไปไหน" ต้วนอวี้ยังคงหาม้วนคัมภีร์ตามตัวของเขาแต่ก็ยังไม่พบ ในขณะที่เขากำลังหาเขากลับพบบางสิ่งที่คลายกับมีบางคนกำลังวาดยันต์ขึ้นมาอยู่ เขาเหลือบหันไปมองแต่ไม่ได้เดินเข้าไปดูและละความสนใจจากมัน จากนั้นเขาก็กลับมาหาม้วนคัมภีร์ที่หายไปต่อ

ม้วนคัมภีร์นั้นสำคัญมากสำหรับเขาถึงแม้ว่าเขาจะสามารถจดจำทุกสิ่งในนั้นได้แล้ว แต่เขาต้องส่งมันมอบคืนให้กับพี่นางฟ้าแล้วในนั้นก็มีภาพรูปปั้นของพี่นางฟ้าด้วย การที่มันหายไปแบบนี้มันจึงทำให้หัวใจของต้วนอวี้เศร้าเป็นอย่างมาก

อย่างไรเสียแม้หลังจากที่หามาเป็นเวลานานแล้วเขาก็ยังหาม้วนคัมภีร์ไม่พบจนสุดท้ายต้วนอวี้ก็ทำได้เพียงยอมรับความจริงว่าม้วนคัมภีร์ได้หายไปแล้ว