ตอนที่ 608

USB:บทที่ 608 ให้โอกาส

“เอาล่ะ ฉันจะให้โอกาสนายเป็นครั้งสุดท้าย แล้วครั้งนี้ถ้านายทำภารกิจไม่สำเร็จล่ะ?” ฉ่ายเถียนกล่าว

"ไม่ต้องกังวล นายน้อยฉ่าย คราวนี้จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างแน่นอน!" หัวหน้าใหญ่ฟางรีบรับปาก

“ฉันก็หวังว่าอย่างนั้น! ฉันไม่ชอบจัดการกับขยะ!” หลังจากฉ่ายเถียนพูดจบเขาก็วางสายไป

ในทางกลับกัน ใบหน้าของหัวหน้าใหญ่ฟางเผยให้เห็นร่องรอยของความอาฆาตพยาบาทและความเด็ดขาด: “ฮวงเฟิงแกเป็นคนบังคับให้ฉันทำแบบนี้นะ ถ้าแกต้องการอาณาเขตของฉัน แกต้องข้ามศพของฉันไปเสียก่อน”

เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าหัวหน้าใหญ่ฟางเจตนาที่จะฆ่าฮวงเฟิง อาณาเขตเป็นชีวิตของเขาและเขาจะไม่ยอมให้มันตกไปอยู่ในมือของคนอื่น

สำหรับสิ่งที่ฉ่ายเถียนบอกเขาตราบใดที่เขาสามารถหักขาของ ฮวงเฟิงได้และจากนั้นก็นำตัวฮวงเฟิงมาพบเขาได้ และบอกว่าลูกน้องของเขานั้นทำเกินกว่าเหตุและไม่สามารถที่จะควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ ก็เลยพลั้งมือฆ่าฮวงเฟิงไป ซึ่งสันนิษฐานว่าฉ่ายเถียนจะต้องสนใจเรื่องนี้มากในเมื่อเขาก็ต้องการที่จะจัดการกับฮวงเฟิงเช่นกัน

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้หัวหน้าใหญ่ฟางก็กลับมาที่ห้องของเขาและนำเอากล่องไม้ที่ซ่อนอยู่ในหีบลับออกมา เขาเปิดกล่องใบนั้นออกและพบว่ามีปืนพกและกระสุนจำนวนหนึ่งอยู่ภายในกล่องนั้น

ปืนพกกระบอกนี้ค่อนข้างใหม่ซึ่งมันเป็นสิ่งที่กว่าหัวหน้าใหญ่ฟางจะได้มาครอบครองนั้นช่างยากลำบากและเขาก็ไม่เคยเอามาใช้เลยสักครั้งเดียว

จริงๆ แล้วเขาเองก็คิดว่าเขาคงจะไม่มีโอกาสที่จะได้ใช้มันเลยตลอดชั่วชีวิตของเขานี้ อย่างไรก็ตาม เรื่องของฮวงเฟิงในวันนี้ทำให้เขาต้องนำเอาปืนกระบอกนี้ออกมา

เขาจะต้องกำจัดฮวงเฟิงให้ได้และฮวงเฟิงเองนั้นก็ฝีมือไม่ใช่ย่อย ดังนั้นถ้าหากว่าเขามัวแต่พึ่งพี่น้องของเขาแล้วเขาก็คงจะไม่มีทางที่จะเอาชนะฮวงเฟิงได้ ดังนั้นเขาจึงต้องพึ่งปืนของเขาเสียแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นหัวหน้าใหญ่ฟางยังไม่ได้วางแผนที่จะลงมืออะไรในตอนนี้ แต่แทนที่ที่จะเลือกลงมือทำด้วยตัวเอง เพราะว่าเขาไม่ต้องการที่จะให้คนอื่นรู้เกี่ยวกับเรื่องปืนของเขา เพราะมันเป็นความลับของเขา ความลับที่จะสามารถช่วยชีวิตเขาเอาไว้ได้ในช่วงเวลาที่สำคัญ

ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเขาต้องใช้ปืนพกกระบอกนี้ เขาก็จะไม่ต้องเข้าใกล้ฮวงเฟิงจนเกินไปเพื่อที่จะสู้กับฮวงเฟิง ดังนั้นเขาจึงรู้สึกมั่นใจในตัวเองมาก

ในตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือหาให้พบว่าฮวงเฟิงอยู่ที่ไหน มีเพียงทางนี้เท่านั้นที่เขาจะสามารถลงมือได้

ส่วนเรื่องที่ว่าฮวงเฟิงอยู่ที่ไหนนั้น หัวหน้าใหญ่ฟางไม่มีทางอื่นในการสืบหาเขาจึงทำได้เพียงแค่รอ ในขณะที่ข้อมูลที่ฉ่ายเถียนได้ให้เขามาก่อนหน้านั้นก็เป็นข้อมูลของผู้หญิงคนหนึ่งและจากนั้นเขาเขาจะสามารถค้นหาได้ว่าฮวงเฟิงอยู่ที่ไหน หัวหน้าใหญ่ฟางได้ตัดสินใจที่จะติดตามผู้หญิงคนนั้นไปในตอนเช้าตรู่ซึ่งหวังว่าจะได้พบกับฮวงเฟง

ฮวงเฟิงนั้นยังไม่รู้ว่าหัวหน้าใหญ่ฟางยังไม่ได้ถูกปราบไปจนสิ้นซากซะทีเดียวและเขากำลังคิดที่จะแก้แค้นหรือแม้แต่จะมาฆ่าเขา ในเวลานี้ฮวงเฟิงและเสี่ยวไป่โหรวต่างคนต่างแยกย้ายและเข้าไปในห้องนอนของตัวเองแล้วและเขาก็ได้พบสมบัติชิ้นใหมที่ปรากฎอยู่ภายในกล่องจักรวาลอย่างรวดเร็ว

นกเหยี่ยว!

นั่นคือความประทับใจแรกของฮวงเฟิงแต่หลังจากที่ได้เห็นคำอธิบายที่กล่องจักรวาลมีให้กับเจ้านกเหยี่ยวตัวนี้ ฮวงเฟิงก็เพิ่งจะตระหนักได้ว่ามันคือนกเหยี่ยว!

ฮวงเฟิงประเมินว่ามันคงจะหนักราวๆ สิบกิโลกรัม สูงประมาณหนึ่งเมตรและระยะห่างระหว่างปลายปีกทั้งสองข้าน่าจะถึงสองเมตร กรงเล็บที่แหลมคมและจะงอยปากนั้นทำให้ผู้คนถึงกับตัวสั่นด้วยความกลัวเมื่อเห็นมัน! แค่มองเพียงแว่บเดียวเขาก็สามารถบอกได้ว่ามันเป็นสัตว์ที่ดุร้าย

อย่างไรก็ตามบางทีมันคงจะเป็นเพราะกล่องจักรวาล แต่เจ้านกเหยี่ยวตัวนี้ไม่ได้เข้าโจมตีฮวงเฟิงเมื่อตอนที่มันเห็นเขาแถมยังเอาปีกมาถูที่ขาเขาอีกด้วย ทำให้ฮวงเฟิงรู้สึกถึงความผูกพันกับมัน

ฮวงเฟิงเคยได้ยินมาว่าสัตว์ประเภทนี้หลังจากถูกฝึกและเลี้ยงดูแล้วจะฟังแค่เจ้านายของมันเท่านั้นและดูเหมือนว่ากล่องจักรวาลได้เปลี่ยนประเด็นนี้ไปเสียแล้ว

“บินสิ ขอฉันดูหน่อย” ฮวงเฟิงกล่าวกับนกเหยี่ยวตัวนั้น หลังจากที่ฮวงเฟิงพูดจบ มันก็กระพือปีกและบินขึ้นไป แต่พื้นที่ในห้องนอนของฮวงเฟิงนั้นเห็นได้ชัดว่าไม่เพียงพอที่จะให้มันสยายปีกออกได้

ฮวงเฟิงจึงรีบห้ามมัน เพราะว่าไป่เสี่ยวโหรวยังคงอยู่ที่นี่ด้วยถ้าเธอได้เสียงเข้าล่ะก็เขาก็คงจะไม่รู้ว่าจะอธิบายว่าอย่างไร

อย่างไรก็ตามฮวงเฟิงไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงกับเจ้านกเหยี่ยวนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถที่จะจัดการได้เหมือนอย่างเสี่ยวไป่ และเสี่ยวไปนั้นก็ถูกเลี้ยงดูแทบจะเหมือนกับลูกหมาธรรมดาทั่วไป แต่สำหรับเจ้านกเหยี่ยวนี้ไม่สามารถที่จะเลี้ยงดูเหมือนกับนกทั่วไปได้ เพราะว่ามันพิเศษยิ่งกว่านกทั่วไป

“งั้นตั้งแต่นี้ไป ฉันจะเรียกแกว่า เสี่ยวหยิง” ฮวงเฟิงกล่าวกับเจ้านกเหยี่ยว

“เสี่ยวหยิง เจ้าจงไปอยู่ที่นอกเมืองตั้งแต่นี้ไป และอย่ากลับมาจนกว่าจะมีคำสั่งของฉัน ฟังฉันนะ ยังมีพวกมนุษย์ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าด้วย อย่าให้ใครพบเห็นตัวเจ้าเด็ดขาดนะ” ฮวงเฟิงกล่าวกับนกเหยี่ยว

ภายในเมืองนี้ไม่ว่าเจ้าเสี่ยวหยิงจะบินสูงแค่ไหนยังไงเสียก็ต้องสะดุดตา ซึ่งต่างกันกับที่นอกเมืองมันคงจะดีกว่าที่จะมีป่าเขาเป็นเกราะกำบังตา ซึ่งวิธีนี้จะไม่มีใครพบเห็นตัวมันได้

อย่างไรก็ตาม เจ้าเสี่ยวหยิงก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยสบอารณ์กับการจัดการของฮวงเฟิงนัก มันเอาหัวของมันถูเข้ากับขาของฮวงเฟิง

“เอาล่ะๆ ฉันรู้ว่าแกไม่อยากจะไปจากฉันและฉันเองก็ไม่ได้อยากให้แกไปนักหรอกนะ แต่ฉันก็ทำอะไรไม่ได้แล้วเกี่ยวกับเรื่องนี้” ฮวงเฟิงกล่าวหลังจากที่เขาคิดทบทวนเกี่ยวกับเรื่องสถานที่ จากนั้นเขาก็พูดกับนกเหยี่ยวว่า “ใช่แล้ว ฉันมีสถานที่อยู่แห่งหนึ่งเป็นที่ๆ ไม่มีใคร แต่สถานที่นั้นมันก็ไม่ได้ใหญ่มากแต่ฉันสามารถที่จะไปที่นั่นได้ทุกเมื่อเลยนะ”

ฮวงเฟิงกำลังคิดถึงคฤหาสน์หลังที่กล่องจักรวาลได้ถูกสร้างขึ้น ไม่มีใครที่จะเข้าไปที่นั่นแต่พื้นที่ก็ไม่ได้กว้างใหญ่นักสำหรับมนุษย์

อย่างไรก็ตาม เจ้านกเหยี่ยวก็ผงกหัวตอบรับเขา เห็นได้ชัดว่ามันไม่อยากจากฮวงเฟิงไปไหน เพียงแค่ฮวงเฟิงกำลังจะพามันไปที่คฤหาสน์หลังนั้นเพื่อที่จะดูที่ทาง ของอีกสามสิ่งก็ลอยออกมาจากแหวนจักรวาล ซึ่งนั่นก็คือพระพุทธรูปหยก ตำราไวน์ และหยกรุ่ยอี้ที่เขาเพิ่งจะได้มานั่นเอง แต่เขาก็ไม่มีเวลาที่จะดูมัน

“หรือนี่จะเป็นการเคลื่อนย้ายประตูมิติแบบอื่นหรือเปล่านะ” ฮวงเฟิงบ่นในขณะที่เขามองไปยังฉากที่คุ้นเคย และเสี่ยวหยิงที่เขาเพิ่งได้มาก็เรืองรองไปด้วยแสง

“อย่างน้อยฉันก็ยังไม่ได้ขายหยกรุ่ยอี้นั่นไป” ฮวงเฟิงยินดีอยู่ในใจ ถ้าเขาขายสิ่งนี้ไป เขาก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เขาจะถูกเทเลพอร์ตไปสู่โลกนั้นได้

แน่นอนว่านี่เป็นเพราะฮวงเฟิงยังไม่ได้ขาดแคลนเงินในช่วงนี้ มิฉะนั้นแล้วหยกรุ่ยอี้นี้ก็คงจะไม่ได้ถูกเก็บรักษาไว้อย่างนี้ต่อไป