ตอนที่ 374

USB:บทที่ 374 ผู้จัดการหยวน

อีกสองสามวันต่อมา ฮวงเฟิงและไป่เสี่ยวโหรวที่พักอาศัยอยู่ด้วยกันนั้น ถึงแม้ว่าในตอนแรกพวกเขาจะไม่ค่อยชินนักแต่เมื่อผ่านไปได้สักสองสามวัน ฮวงเฟิงและไป่เสี่ยวโหรวก็สามารถปรับตัวให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนได้

ในตอนเริ่มต้น เธอไม่ค่อยมั่นใจในวิชากำลังภายในของฮวงเฟิงให้มาว่าจะดีกว่าวิชาที่เธอเคยฝึกฝนก่อนหน้านี้หรือไม่ และเธอเพียงแค่จะลองดูก็เท่านั้น ถ้าไม่เช่นนั้นแล้วเธอก็จะเลือกฝึกฝนในวิชาที่เธอเคยฝึกก่อนหน้านี้และเมื่อเธอกลับไปเธอก็จะทำได้สำเร็จ  และถ้าหากพวกเขาทั้งสองคนได้ฝึกฝนร่วมกันมันก็จะไม่มีผลกระทบกับเธอเลยแม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตามหลังจากที่ทดลองอยู่สองสามวัน ไป่เสี่ยวโหรวก็มั่นใจว่าวิชาฝึกจิตที่ฮวงเฟิงให้มานั้นอยู่ในขั้นที่สูงกว่าที่เธอเคยฝึกฝนมาและอาจจะสูงกว่ามากเสียด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตามในตอนนี้เธอก็ไม่ได้สนใจมากนัก หลังจากที่ได้ค้นพบวิชากำลังภายในที่ดีกว่า เธอก็เริ่มการฝึกฝนอย่างไม่หยุดยั้ง ทุกวันๆ นอกจากพักกินข้าวและนอนแล้ว เธอก็จะฝึกฝนอยู่ในห้องด้วยความเพียรพยายามที่มากกว่าฮวงเฟิง

เพราะว่ากำลังภายในที่ขาดหายไป มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่ไป่เสี่ยวโหรวจะทำภารกิจได้สำเร็จเมื่อมาที่จังหวัดเจียงเพื่อที่จะติดตามสืบสวนคดีอุบัติเหตุของหลี่ปิงอวิ้น เพราะว่าไม่มีใครรู้ว่าภารกิจนี้จะอันตรายเพียงใด และบอสหรงหนิงเองก็ไม่กล้าที่จะเอาชีวิตของไป่เสี่ยวโหรวมาล้อเล่น

ในเมื่อฮวงเฟิงเองเป็นลูกน้องของไป่เสี่ยวโหรว ดังนั้นเขาจึงต้องมีส่วนร่วมในภารกิจที่เธออาจจะทำไม่สำเร็จให้ลุล่วงไปด้วยดี ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ยังมีส่วนร่วมในอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับหลี่ปิงอวิ้น ดังนั้นถ้าอีกฝ่ายต้องการที่จะมาแก้แค้นเขาและเขาต้องมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน ดังนั้นฮวงเฟิงจึงต้องการที่จะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียด

อย่างไรก็ตามเพราะว่าฮวงเฟิงนั้นไม่มีประสบการณ์และเขาก็ไม่มีเวลามากนัก ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะสืบหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์ได้ในตอนนี้

สองสามวันมานี้ในช่วงเวลากลางวัน ฮวงเฟิงยังคงไปทำงานแต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้ามากนักเกี่ยวกับเฮฟเว่นส์ไพรด์กรุ๊ป

ในทางกลับกัน ผู้จัดการหยวนคนนั้นไม่รู้ว่าทำไม แต่เขาค่อนข้างซื่อสัตย์และไม่ได้ออกมาสร้างความเดือดร้อนอีก

สิ่งที่ฮวงเฟิงและคนอื่นๆ ไม่รู้ก็คือในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาผู้จัดการ หยวนไม่ได้มีความคิดที่จะสร้างปัญหาให้กับเฮฟเว่นส์ไพรด์กรุ๊ปเลย เขารู้สึกกลัวอย่างมากอยู่ในใจเพราะก่อนหน้านี้เขาและถงเฉียนจุ้นเคยได้ตกลงที่จะจัดการกับเฮฟเว่นส์ไพรด์กรุ๊ปด้วยกันและในบางแง่มุมทั้งสองฝ่ายก็บรรลุข้อตกลงแล้วเช่นกัน

เพียงแต่ผู้จัดการหยวนไม่ได้คาดหวังว่าถงเฉียนจุ้นจะทำให้เขาต้องย้ายไปอยู่ที่เฮฟเว่นส์ไพรด์กรุ๊ป ซึ่งมันเป็นเรื่องบังเอิญ ผู้จัดการหยวนถึงกับสงสัยว่าเฮฟเว่นส์ไพรด์กรุ๊ปอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ แต่ข้อบ่งชี้ทั้งหมดบ่งชี้ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเฮฟเว่นส์ไพรด์กรุ๊ปเลย

เขาไม่เพียงแต่ถูกตำรวจสงสัยว่าเขาร่วมมือกับถงเฉียนจุ้น แต่เขายังถูกวิพากษ์วิจารณ์จากบริษัทสาขาใหญ่ว่าให้ผลประโยชน์มากมายแก่ถงเฉียนจุ้น และในเรื่องของถงเฉียนจุ้นนั้นพวกเขาได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับออคิดบีนกรุ๊ป ถึงแม้ว่าจะไม่มากนักแต่ก็มีบางสิ่งเกิดขึ้น ดังนั้นในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาผู้จัดการหยวนจึงอารมณ์ไม่ดีนักและไม่มีอารมณ์ที่จะจัดการกับเฮฟเว่นส์ไพรด์กรุ๊ปของเขาเลย

สำหรับกรณีของถงเฉียนจุ้นนั้นยังคงอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีดังนั้นความกังวลของผู้กำกับชิวและชิวหนิงซวงจึงไม่ใช่เรื่องที่ไม่มีเหตุผล เมื่อพวกเขาพยายามแก้ไขคดีของถงเฉียนจุ้น พวกเขาจึงรู้สึกกดดัน ชิวหนิงช่วงกำลังพักฟื้นอยู่ที่บ้าน แต่ในฐานะผู้รับผิดชอบคดีผู้กำกับชิวได้รับโทรศัพท์หลายครั้งเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของถงเฉียนจุ้น

หากไม่ใช่เพราะความพากเพียรของตัวเองและการแทรกแซงในเมืองหลวง เขาก็คงไม่สามารถที่จะตั้งมั่นเช่นนี้ได้ อย่างไรก็ตามถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงรู้สึกกดดันและไม่แน่ใจว่าจะอดทนจนถึงที่สุดได้หรือไม่

แม้ว่าคดีของถงเฉียนจุ้นจะถูกขัดขวางโดยใครบางคนอย่างลับๆ และยังไม่ได้มีทำแผน แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่แน่นอนในที่สุดแม้ว่าถงเฉียนจุ้นจะได้ออกมาและไม่ได้ติดคุก เขาก็จะไม่สามารถกู้คืนตัวตนเดิมหรือแม้แต่ความรุ่งโรจน์ของเขาที่เคยมีก่อนหน้านี้ได้  เหตุผลที่คนเหล่านั้นยังคงช่วยถงเฉียนจุ้นอยู่ก็เพราะพวกเขาไม่ต้องการให้เขาพูดอะไรมากเกินไปและอาจจะลากพวกเขาติดร่างแหไปด้วยก็เป็นได้

ไม่เพียงแต่ถงเฉียนไม่สามารถไปต่างประเทศเพื่อรักษาขาของเขาได้ได้ รอบตัวเขาก็ยังไม่มีเพื่อนที่ไว้ใจได้อยู่เลย ผู้คนที่รายล้อมเขาก่อนหน้านี้ หรือแม้แต่มาพบเขาหรือไม่ได้มาดูดำดูดีเขานั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาโกรธ แต่เพราะเขาทำอะไรไม่ได้เลยต่างหาก

ถงเฉียนเองก็ไม่ได้รู้จักคนมากนัก และเขาเองก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพ่อของเขามากนัก ดังนั้นแม้ตอนนี้เขาต้องการที่จะช่วยพ่อของเขา แต่เขาก็ตระหนักดีว่าเขาไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากจุดไหนและไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร

สำหรับความอัปยศอดสูก่อนหน้านี้ เขาได้รับความเดือดร้อนจาก ฉ่ายเทียนและคนของเหลาอวี้ถงเฉียนเองจำได้ขึ้นใจ เพราะเขาไม่ใช่คนที่จะมาหยามได้ง่ายๆ

ในทางกลับกัน ถังมู่เสวี่ยเคยพบกับฮวงเฟิงมาสองสามครั้งแล้ว แต่พวเขาไม่ค่อยคุ้นเคยกัน หลังจากที่รู้ว่าซูหยูโม่และเซี่ยเมิ่งเจียวกำลังวางแผนอะไรกันอยู่ เธอเองก็สนใจเช่นกันและไม่ได้กลับไปที่เมืองหลวง แต่กลับอยู่ที่จังหวัดชิงเพื่อเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง

อย่างไรก็ตามเมื่อเธอเริ่มทำอะไรบางอย่างที่เธอคิดว่ามันง่ายมากๆ แต่เธอก็ตระหนักว่าความยากลำบากนั้นอยู่จินตนาการของเธอ เพราะเธอไม่สามารถใช้ความสัมพันธ์ของตัวเองแม้ในแง่ของเงิน เธอไม่สามารถใช้ของตัวเองมากเกินไป ดังนั้นเธอจึงต้องพึ่งพาตัวเองเท่านั้น

ตอนที่เธออยู่ในเมืองหลวงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ทำงานที่เหมาะสมมากนัก แต่เธอก็ได้รู้จักกับคนรุ่นที่สองที่ร่ำรวยมากมาย ในบรรดาคนเหล่านี้มีหลายคนที่เปิดบาร์ ไนต์คลับ และคลับต่างๆ ฯลฯ สถานที่เหล่านี้ล้วนแต่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ดังนั้นความสัมพันธ์ของเธอกับคนเหล่านั้นจึงไม่แย่เท่าไรนัก

อย่างไรก็ตามเมื่อเธอทำมันจริงๆ เธอก็พบว่าสิ่งต่างๆ ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด สถานที่ที่เพื่อนของเธอทำไว้นั้นไม่เลวเลย ดังนั้นความต้องการไวน์ก็สูงเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ไวน์ชั้นดีเหล่านั้นได้ถูกจับจองโดยตัวแทนจำหน่ายหลายรายก่อนที่จะออกจากโรงงานเสียด้วยซ้ำ