ตอนที่ 522

USB:บทที่ 522 ตัดไฟแต่ต้นลม

“นายท่าน ไม่ว่านั่นจะเป็นความตั้งใจของคุณชายเผิงหรือคนในตระกูล แต่การที่คุณชายติดต่อกับเขาไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดีแน่นอนครับ” เขาเป็นพ่อบ้านมานาน ไม่แปลกที่เขาจะมองออก

“อืม ที่นายพูดมามันก็จริง” ชายวัยกลางคนพยักหน้า "ฉันหวังว่าเจ้าลูกคนนี้จะทำแต่เรื่องที่มีประโยชน์และไม่ขี้เกียจเหมือนถงเฉียนแล้วกัน"

มีเพียงชายวัยกลางคนและพ่อบ้านที่ไม่รู้ว่า ในสายตาของเผิงเฉิงฝูนั้นไม่ได้ต้องการสนิทสนมกับเขา

หากไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าเขาต้องการคนที่เชื่อฟังเขาและอาศัยอยู่ในเมืองเจียง เขาก็จะไม่เข้าหาอีกฝ่ายเด็ดขาด

แน่นอนว่าคนที่เพิ่งถูกอบรมสั่งสอนอยู่ชั้นบนจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากฉ่ายเถียน ส่วนชายวัยกลางคนคนนี้คือฉ่ายเหยาเต๋อ พ่อของเขา

แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่มีคุณธรรม แต่สิ่งที่เขาทำเป็นประจำกลับไม่ใกล้เคียงกับคำนั้นเลยสักนิด โดยเฉพาะช่วงสองสามปีทีผ่านมา ชื่อเสียงของเขาคล้ายกับถงเฉียนจุน ฉ่ายเถียนทำตัวไม่ต่างจากอีกฝ่ายเลยสักนิด

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะเป็นอันดับสอง แต่ก็ไม่มีใครกล้าดูถูกเขา แม้แต่ถงเฉียนจุนก็ยังไม่กล้า

ในปีแรก ถงเฉียนจุนค่อนข้างสนิทสนมกับลุงหลี่และพวกชนชั้นสูงคนอื่น ๆ ในยุทธภพ และเขาฉ่ายเหยาเต๋อก็รู้จักกับคนเหล่านั้นเช่นกัน

ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาต้องการร่ำรวยตั้งแต่เริ่มต้นโดยไม่สนวิธีการ ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงจำเป็นต้องใช้วิธีสกปกมานับครั้งไม่ถ้วน

ต่างกับถงเฉียนจุน นับตั้งแต่ที่ถงเฉียนจุนร่ำรวยขึ้น เขาก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกับลุงหลี่หรือคนอื่นเท่าไหร่นัก

ตั้งแต่ตอนนั้นมาจนถึงตอนนี้ ฉ่ายเหยาเต๋อยังคงมีเหล่าบริวารภายใต้การบังคับบัญชาของเขา

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือทุกคนมีฝีมือด้านการต่อสู้ และสามารถซ่อนปืนพกให้พ้นจากสายตาศัตรู

เขารู้จักคนกลุ่มนี้มานานแล้ว ตอนนั้น เขาไม่ได้เป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดอันดับสองประจำเมืองชิง

ในตอนนั้นเขายังทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงตัวเอง และในตอนที่เขามีโอกาสได้เดินทางไปต่างประเทศ เขาก็ได้รู้จักกับหัวหน้าหน่วยทหารปีศาจ

ในตอนนั้น หน่วยทหารปีศาจยังไม่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับตอนนี้ ครั้งหนึ่งเขาเคยจ่ายเงินให้หน่วยทหารปีศาจ พวกเขาเลยยอมช่วยเขาฝึกวิชาให้ลูกน้องของเขา และออกปากว่าจะช่วยเป็นธุระในต่างประเทศให้เขา

ไม่ว่าจะเป็นฉ่ายเหยาเต๋อหรือถงเฉียนจุน ทั้งสองจะมีธุรกิจในต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้ หน่วยทหารปีศาจจึงรับปากว่าจะช่วยเขา

เขาเคยติดต่อกับหน่อยทหารปีศาจ และที่สำคัญที่สุดเขาร่วมมือกับอีกฝ่ายในการลักลอบขนสินค้า

ด้วยเหตุนี้ กรมศุลกากรจึงถูกสร้างมาโดยทั้งสองฝ่าย ไม่อย่างนั้นแล้ว ไม่มีทางที่คนจากหน่วยทหารปีศาจจะเข้ามาในประเทศได้อย่างง่ายดาย ทั้งๆที่พวกเขาพกอาวุธมาเข้ามาด้วย

ฉ่ายเหยาเต๋อนึกถึงความแข็งแกร่งของหน่วยทหารปีศาจ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาคอยจับตาดูความก้าวหน้าของหน่วยทหารปีศาจ

นอกจากนี้ เขายังรู้เรื่องการลักพาตัวหลี่ปิงอวิ้น แม้ว่าหัวหน้าของหน่วยทหารปีศาจไม่ได้บอกเขาว่า ทำไมเขาถึงลักพาตัวหลี่ปิงอวิ้น แต่เขาเดาว่าอีกฝายคงจะทำเพื่อเงิน มั่นใจได้เลยว่าถ้าฉ่ายเหยาเต๋อรู้เบื้องหลังของหลี่ปิงอวิ้น เขาจะต้องเข้าไปขัดขวางการทำงานของหน่วยทหารปีศาจแน่นอน

น่าเสียดายที่เขาไม่รู้ หลังจากหน่วยทหารลักพาตัวหลี่ปิงอวิ้นไม่สำเร็จ เขาก็ได้ทำการตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้นและสืบหาว่าใครเป็นคนช่วยหลี่ปิงอวิ้น

ในเวลาเดียวกัน เขาก็พบว่าหน่วยทหารปีศาจทำไม่สำเร็จ แต่พวกเขาไม่ได้บอกว่าทำไมพวกเขาถึงลักพาตัวไม่สำเร็จ

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงรู้เพียงว่าพวกเขาทำไมสำเร็จ แต่หารู้ไม่ว่ามีหลายคนในหน่วยทหารปีศาจได้ลาโลกไปแล้ว

เขาใช้เส้นสายตรวจสอบตัวตนของฮวงเฟิง แต่แล้วเขาได้แต่นึกสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ไม่เห็นจะเข้าใจเลย

แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก็ยังมีคนมากมายจากกองทหารปีศาจเดินทางมาที่นี่เพื่อแก้แค้นฮวงเฟิง

คืนนั้น ฉ่ายเหยาเต๋อที่ทราบเรื่องของกองทหารปีศาจ และคิดว่าตัวเขาควรจะหาโอกาสและเวลาไปพบพวกเขาสักหน่อย

แต่ใครจะไปคิดกันละว่า ยังไม่ทันที่เขาจะได้ก้าวออกจากบ้าน คนพวกนั้นก็ถูกฆ่าตายไปซะแล้ว

ครั้งนี้ เขายังไม่ทันได้เอ่ยคำทักทายพวกเขาเลยด้วยซ้ำ ส่วนที่เขารู้ว่าฮวงเฟิงเป็นคนลงมือ เพราะตำรวจและพนักงานในโรงแรมหลายคนอยู่ในที่เกิดเหตุ

ดังนั้น ทุกคนจึงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ฮวงเฟิงเป็นคนทำ และในตอนนั้นเอง ฉายเหยาเต๋อจึงตระหนักได้ว่าฮวงเฟิงไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน

"เอาเป็นว่าเลิกพูดถึงเสี่ยวเถียน แล้วมาคิดว่าจะทำยังไงกับพวกหน่วยทหารปีศาจดีกว่า" พอนึกถึงหน่วยทหารปีศาจแล้ว สมองของฉ่ายเหยาเต๋อก็เริ่มรู้สึกปวด ทันใดนั้นเขาก็เริ่มเป็นกังวล

ทันทีที่มีการประกาศและสอบสวนเรื่องนี้ เขาที่มีความเกี่ยวข้องกับหน่วยทหารปีศาจต้องการจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด

ไม่อย่างนั้นแล้ว ความพยายามทั้งหมดของเขาในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจะสูญเปล่า นั่นเป็นสิ่งที่เขาอดห่วงไม่ได้

เรื่องความสัมพันระหว่างนายท่านและหน่วยทหารปีศาจนั้น แน่นอนว่าพ่อบ้านคนนี้ก็ทราบดีเช่นกัน เขาจึงพูดว่า

"นายท่าน คนเดียวที่รู้ที่อยู่ปัจจุบันของคุณคือหัวหน้าคนนั้น นอกจากเขาแล้วก็ไม่มีใครรู้ว่าคุณอยู่ที่ไหน ตราบใดที่เขายังไม่นำเรื่องนี้ไปป่าวประกาศก็จะไม่มีใครรู้เรื่องนี้ครับ"

“นายมั่นใจเหรอว่าเขาจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่น?” ฉ่ายเหยาเต๋อตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

“ถ้าอย่างนั้นก็ทำให้เขาพูดไม่ได้อีกเลยสิครับ!” ร่องรอยของแห่งความอาฆาตปรากฏขึ้นบนใบหน้ายิ้มแย้มของพ่อบ้าน เขาในตอนนี้ดูต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง

“ทำให้พูดไม่ได้อีกเลย...” ฉ่ายเหยาเต๋อนิ่งไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็ได้เข้าใจความหมายที่พ่อบ้านต้องการจะสื่อ

ในช่วงปีแรก ๆ เขาเคยเป็นคนที่โหดเหี้ยมและไม่เคยปรานีใคร และเมื่อครู่เขาก็ไม่ทันได้คิดถึงเรื่องนี้

สาเหตุหลักเป็นเพราะพวกเขารู้จักกันมานานหลายปี และทำงานร่วมกันอย่างสันติมาโดยตลอด นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาไม่ได้คำนึงถึงเรื่องนี้

"ใช่ครับ! มีแค่คนตายเท่านั้นที่จะเก็บความลับได้!" พ่อบ้านว่า

"เขาเพิ่งถูกจับตัวไป บางทีเขาอาจจะปลอดภัย ทำแบบนี้มันจะเข้าท่าเหรอ?" ฉ่ายเหยาเต๋อตอบด้วยท่าทางลังเล

ท้ายที่สุดแล้ว เขากลับมีความคิดที่จะสังหารสหายมากกว่าการช่วยเหลือ เนื่องจากอีกฝ่ายถูกจับเพราะเขา ขืนปล่อยให้พวกมันหลุดปากพูดอะไรออกไป ชื่อเสียงของเขาจะต้องเสื่อมเสียแน่

“นายท่าน ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาทำตัวเป็นคนดีนะครับ เมื่อเร็วๆนี้ ผมได้ยินมาว่าเขาได้รับบาดเจ็บระหว่างต่อสู้และรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล หลังจากนั้นเขาอาจจะถูกนำตัวไปยังเมืองหลวงครับ” พ่อบ้านอาวุโสพูดกับชายวัยกลางคน