ตอนที่ 583

USB:บทที่ 583 มีคนสั่งจัดการคุณ

หลังจากตื่นเต้นดีใจได้สักพักหนึ่ง ในที่สุดอารมณ์พวกเขาทั้งสามก็สงบลง แต่ทว่าร่างกายของเทียนหลินยังคงอ่อนแอกว่าคนทั่วไป จึงทำให้เธอรู้สึกเหนื่อย เธอจึงขอตัวไปพักโดยมีเทียนจุนช่วยพยุงเข้าไปในห้อง อย่างไรก็ตามก่อนไปเทียนหลิน ยืนกรานไม่ยอมให้ฮวงเฟิงกลับ เธอขอให้เขาอยู่รอทานมื้อเย็นด้วยกัน ฮวงเฟิงก็ยอมตอบตกลงไม่เช่นนั้นแล้วเธอจะไม่พอใจเขา แล้วเทียนหลินก็ได้เข้าไปพักในห้องของเธอ

"ฮวงเฟิง ขอบคุณมากจริง ๆ มันนานมากแล้วที่ผมได้เห็นเทียนหลินมีความสุขแบบนี้ ถึงแม้ว่าปกติเธอแล้วดูเหมือนมีความสุขมาก แต่ผมรู้ดี แท้จริงแล้วในใจของเธอนั้นไม่ได้มีความสุขเลย  เธอเพียงแค่ไม่อยากให้ผมต้องเป็นกังวลเรื่องของเธอ  ที่ผ่านมาผมไม่รู้เลยว่าจะทำให้เธอมีความสุขจริง ๆ ได้อย่างไร  และสิ่งเดียวที่ทำได้นั่นคือแอบเป็นห่วงเธออยู่ในใจเงียบ ๆ แบบนี้" หลังจากเทียนหลินเข้าไปพักผ่อนแล้ว ฮวงเฟิงและเทียนจุนก็ได้นั่งพูดคุยกันในห้องรับแขก เป็นอีกครั้งที่เทียนจุนได้แสดงความรู้สึกสำนึกในบุญคุณของเขาที่มีต่ออีกฝ่าย

เทียนหลินคิดว่าเธอสามารถปกปิดความรู้สึกของตัวเองไว้ดีมาก ๆ เพราะพี่ชายของเธอไม่เคยรู้เลย อย่างไรก็ตามพวกเขาเป็นพี่น้องกันมานานหลายปี แล้วเทียนจุนจะไม่เข้าใจความรู้สึกของน้องสาวได้อย่างไร? เขารู้แม้กระทั่งว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาน้องสาวของเขาต้องฝืนยิ้มเพื่อเขา เหตุผลเขาไม่สามารถทำให้เธอมีความสุขจริง ๆ ได้ ก็เป็นเพราะเขาไม่สามารถรักษาเธอให้หายดีได้ แต่วันนี้เทียนจุนได้เห็นรอยยิ้มที่ยิ้มออกมาจากใจ บนใบหน้าของเธออีกครั้ง รอยยิ้มแบบนี้ได้หายไปนานหลายปีแล้ว นับตั้งแต่ที่น้องสาวของเขาเริ่มป่วย เขาก็ไม่เคยได้เห็นมันอีกเลย  และในที่สุดวันนี้เป็นอีกครั้งที่เขาได้เห็นมันอีก ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพราะฮวงเฟิง

"ผมพูดเลยว่า พวกคุณได้ขอบคุณผมมามากพอแล้ว ตอนนี้ในหูผมเต็มไปด้วยคำว่า ขอบคุณ แล้ว " ฮวงเฟิงพูดขึ้นอย่างไม่จริงจังนัก

"ผมรู้ว่า ผมอาจจะดูเหมือนคนลโมภ ถ้าหากผมอยากจะถามเรื่องดวงตาของเทียนหลิน?" ในใจของเทียนจุนสำนึกในบุญคุณของฮงเฟิงอยู่เสมอ แค่คำพูดเพียงอย่างเดียวไม่สามารถแสดงให้เห็นความกตัญญูของเขาได้ แน่นอนว่าต่อไปภายหน้าเขาจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อเป็นการตอบแทน แม้ว่าในใจของเขาจะรู้สึกซาบซึ้งอย่างที่สุดแล้ว แต่เทียนจุนก็ยังคงเป็นห่วงน้องสาวของเขามากเช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่ามันอาจจะเหมือนว่าเขาโลภมากเกินไปหน่อย แต่ในเมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เขาจึงตัดสินใจถามออกไป

"ผมลองตรวจดูแล้ว ขอบอกตามตรง มันค่อนข้างร้ายแรง และการรักษาก็ยากกว่าการรักษาขาของเธอ" ฮวงเฟิงเข้าใจถึงความคิดของเทียนจุนดี และก็ไม่คิดถือโทษอีกฝ่าย ทั้งหมดก็เป็นเพราะเขาห่วงใยน้องสาว

เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้น ท่าทีของเทียนจุนดูผิดหวังเล็กน้อย ถึงแม้ว่าในเวลานี้เทียนหลินสามารถเดินได้แล้ว แต่ตาที่มองไม่เห็นของเธอก็ยังเป็นจุดอ่อนที่ทำให้เธอไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างคนทั่วไปได้

"ไม่เป็นไร อย่าเพิ่งร้อนใจไป ผมคิดว่าพอจะรักษาเธอได้ เพียงแต่ต้องใช้เวลาสักหน่อย" เพียงแค่นั่น ฮวงเฟิงเองก็เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในท่าทีของเทียนจุนได้ นอกจากนั้นแล้วเขายังแอบอิจฉามิตรภาพของพี่น้องคู่นี้  อย่างไรก็ตามเมื่อมาคิดดูแล้ว เขาเองก็มีน้องสาวที่น่ารักด้วยเหมือนกัน และนั่นก็ทำให้ฮวงเฟิงไม่รู้สึกอิจฉาอีกต่อไป

"จริงเหรอครับ? ตาของเธอก็สามารถรักษาให้หายได้?!" เมื่อฮวงเฟิงมาที่นี่เพื่อช่วยรักษาอาการป่วยของเทียนหลิน เขาเพียงแต่รักษาขาของเธอเท่านั้น อีกอย่างเขาไม่เคยแตะต้องดวงตาของเธอเลย ในตอนนั้นทั้งสองพี่น้องคิดว่าฮวงเฟิงคงไม่สามารถรักษาให้หายได้  แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกดีใจ ที่อย่างน้อยขาของเธอได้มีโอกาสเข้ารับการรักษา แค่ได้ลองดูก็นับว่าเป็นเรื่องดีมากแล้ว แต่ทั้งคู่ก็ไม่กล้าวางความหวังไว้กับฮวงเฟิง  แต่ในเมื่อตอนนี้ฮวงเฟิงสามารถรักษาขาของเทียนหลินได้จริง ๆ  จึงเป็นธรรมดาที่เทียนจุนรู้สึกโลภขึ้นอีกนิด  และเมื่อครู่ฮวงเฟิงได้บอกกับเขาว่าสามารถรักษาดวงตาน้องสาวของเขาได้  เช่นนี้แล้วจะไม่ให้เทียนจุนดีใจได้อย่างไร?

"อืม ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร!" ฮวงเฟิงกล่าว พลังในกายเขาน่าจะสามารถรักษาดวงตาของเธอได้ เพียงแต่ต้องใช้เวลาเท่านั้นนอกจากนั้นถ้าการรักษาไม่ประสบผลสำเร็จ ฉันก็ยังมีหอการค้าอยู่ ฉันพูดถูกใช่ไหม? นับตั้งแต่ที่เขาได้ร่วมมือกันร้านค้าที่ว่าฮวงเฟิงก็กลายเป็นคนที่มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ตราบใดที่เขามีเงินมากพอ ไม่มีสิ่งใดที่เขาทำไม่ได้?

"ขอบคุณมากครับ ในฐานะที่เป็นคนรักษาขาเทียนหลินจนหาย เช่นนั้นแล้วผม เทียนจุน นับจากนี้ไปชีวิตผมจะเป็นของคุณ" เทียนจุนพูดกับฮวงเฟิงด้วยความปลาบปลื้มดี่ใจ  การที่น้องสาวของเขาไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างคนปกติได้ เป็นสิ่งที่เขายากจะทำใจยอมรับได้  ดังนั้นในช่วงหลายปีมานี่เขายังคงยืนกรานที่รักษาอาการป่วยของเธอมาโดยตลอด  "แน่นอน ถึงแม้ว่าคุณจะรักษาไม่ได้ก็ตาม แต่นับจากวันนี้ไปชีวิตของผมขอมอบให้คุณ! เพราะคุณ ที่ทำให้เทียนหลินรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง" เขาเสริมขึ้น

"ผมไม่ได้รักษาน้องสาวคุณเพราะอยากได้ชีวิตคุณ คุณควรที่จะเก็บชีวิตของคุณไว้ เพราะผมไม่อยากได้" ฮวงเฟิงกล่าว

เทียนจุนรู้ดีว่าฮงเฟิงพูดถูก เมื่อนึกย้อนไป เป็นฮวงเฟิงเองที่ขันอาสาจะช่วยรักษาเทียนหลิน และเขาก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรเลย  แต่ยิ่งฮวงเฟิงเป็นคนเช่นนี้ เทียนจุนจึงยิ่งรู้สึกซาบซึ้งใจมากขึ้น ถึงแม้ฮวงเฟิงจะพูดว่าไม่ต้องการชีวิตเขา แต่เห็นได้ชัดว่าเทียนจุนเองก็ไม่ยอมเปลี่ยนความตั้งใจง่าย ๆ เช่นกัน จากนั้นเขาก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดแล้วพูดกับฮวงเฟิง

"วันนี้ ผมเพิ่งได้ยินเรื่องที่พูดกันอยู่บนท้องถนน มีคนคนหนึ่งอยากให้คุณได้รับการสั่งสอน ในช่วงนี้คุณไปล่วงเกินใครมาหรือเปล่าครับ?"

"ล่วงเกินใคร?" จู่ ๆ เทียนจุนก็เปลี่ยนหัวข้อในการสนทนา และฮวงเฟิงก็รู้สึกเซอร์ไพรส์กับเรื่องที่ได้เพิ่งได้ยินจากปากเทียนจุน   ฮวงเฟิงนึกถึงสิ่งเขาเพิ่งไปประสบมาอยู่ในใจ มันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเช้านี่เองที่เขามีเรื่องขัดแย้งกับใครคนหนึ่ง อีกทั้งถังมูเสวี่ยเคยเตือนให้ระวังการแก้แค้นของเปิ้งเจิ้งฝู ฮวงเฟิงจึงเดาว่า คนที่กำลังมองหาคนมาจัดการกับเขา ก็คงจะเป็นเปิ้งเจิ้งฝู แต่ไม่นึกไม่ถึงเลยว่าการแก้แค้นของเขาจะรวดเร็วถึงเพียงนี้ เรื่องราวเพิ่งจะเกิดขึ้นยังไม่ทันข้ามวันเลย

"ผมมีเรื่องผิดใจกับใครคนหนึ่ง และค่อนข้างมีอิทธิพลมาก" ฮวงเฟิงบอกกับเทียนจุน

"ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่ใช้เรื่องผิดฝาผิดตัว ในตอนแรก ผมคิดว่าคนที่พวกเขาพูดกันว่าจะให้บทเรียนนั้นมีชื่อเดียวกันกับคุณ สรุปแล้วคนเป้าหมายของพวกเขาคือคุณจริง ๆ" เทียนจุนพูดขึ้น

"อืม แล้วคุณรู้หรือเปล่า ว่าใครคือคนที่จะให้บทเรียนกับผม? แล้วเขาจะมาเมื่อไหร่?" ฮวงเฟิงถาม ทั้ง ๆ ที่จริงแล้วเขาไม่ได้วิตกมากนัก ตราบใดที่เขาไม่ได้ถูกลอบทำร้าย ด้วยความสามารถในตอนนี้ อันธพาลเพียงแค่ไม่กี่คนเขารับมือได้สบาย

"หนึ่งในคนที่เรากำลังหาตัวคืออาวุโสฟาง  ฉายาของเขาคือฟางหัวโต คนคนนี้เป็นคนโหดเหี้ยม อีกทั้งไม่เคยมีการสืบสวนในสิ่งที่เขาทำ ไม่เพียงแค่นั้นเขายังมีลูกสมุนคอยช่วยอยู่ไม่น้อย" เทียนจุนบอก "ถ้ายังไงสองสามวันนี้ ผมจะคอยอยู่ข้าง ๆ คุณ" แน่นอนที่สุดเขาแค่อยากช่วยฮวงเฟิง ถึงแม้เขาจะรู้ว่าฮวงเฟิงดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับสถานีตำรวจ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่ตำรวจพวกนั้นจะยืนอยู่ข้างเขาเสมอ