ตอนที่ 574

USB:บทที่ 574 ตกลงช่วย

"นั่นสิ" ถังมู่เสวี่ยพยักหน้า "เฮฟเว่นไพร์กรุ๊ป ในสายตาของคนทั่วไป คือบริษัทยักษ์ใหญ่ แต่ในสายตาครอบครัวของพี่สาวหยูโม่และเมิ่งเจียวแล้ว มันแทบจะไม่มีความหมายอะไรเลย"

ได้ยินดังนั้นฮวงเฟิงพงกหัวเล็กน้อยราวกับว่ามันหนักมาก ดูเหมือนว่าความคิดและความต้องการของอีกฝ่ายจะสูงมากจริง ๆ แต่ถึงแม้ว่ามีความต้องการสูงมากสักแค่ไหน ถ้าหากเป็นเพียงแค่โอกาสเดียวที่จะเปลี่ยนชะตาชีวิตแล้ว เซี่ยเมิ่งเจียวจะไม่มีทางยอมแพ้อย่างแน่นอน รวมถึงถังมู่เสวี่ยด้วย

"ผมเข้าใจแล้ว ผมจะทำให้ดีที่สุดเพื่อช่วยคุณให้ได้" ฮวงเฟิงรับปากเธอ

"คุณสามารถทำได้จริงนะ?" ถังมู่เสวี่ยยังรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจนัก เนื่องจากเธอรู้ดีว่ามันยากมากแค่ไหน ถ้าหากไม่เป็นเพราะเธอไม่อยากย้อมแพ้ให้กับโอกาสที่จะเป็นอิสระครั้งเดียวชีวิต เธอคงยอมแพ้ไปนานแล้ว ปราศจากความช่วยเหลือจากทางครอบครัว ทำให้เธอไม่สามารถหาเส้นสายใด ๆ ที่จะช่วยสนับสนุนธุรกิจของเธอได้เลย  อันที่จริงแล้วไม่แน่ว่าครอบครัวของเธออาจจะคอยขัดขวางเธออยู่ด้วยก็ได้ ในถานการณ์เช่นนี้มันเป็นเรื่องยากที่จะได้รับการยอมรับจากครอบครัว

และเมื่อถังมู่เสวี่ยตัดสินใจที่จะขอความช่วยเหลือจากฮวงฟิง ที่จริงแล้วเธอก็คิดได้คาดหวังอะไรมาก เนื่องจากเธอเองก็ไม่อยากปล่อยเขาไปง่าย ๆ เช่นกัน และนั่นคือเหตุผลที่เธอยื่นข้อเสนอที่เป็นไปได้ยากให้กับเขา และอีกหนึ่งเหตุผลก็คือเธอต้องการมองหาใครสักคนที่พอจะระบายความอัดอั้นในใจด้วยได้ และเห็นได้ชัดว่าฮวงเฟิงคือตัวเลือกที่ไม่เลวนัก

อย่างไรก็ตามเมื่อถังมู่เสวี่ยได้เห็นความตั้งใจของฮวงเฟิงในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาค่อนข้างดูมั่นใจมาก ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับหญิงสาวเป็นอย่างมาก เธอได้บอกเล่าถึงสถานการณ์โดยละเอียด และฮวงเฟิงเองก็เข้าใจถึงความยากลำบากได้ดี นอกจากเขาจะไม่เสนอเงื่อนไขใด ๆ แล้ว เขายังยอมตกลงที่จะช่วยเหลือเธอในทันที

"แม้ว่าผมจะไม่มั่นใจนัก ว่าผมจะทำได้ แต่ผมคิดว่าอย่างน้อยก็ยังพอมีหวังอยู่บ้าง" ฮวงเฟิงกล่าว อาศัยความช่วยเหลือจากกล่องจักรวาล ฮวงเฟิงหวังว่ามันน่าจะสำเร็จได้แน่

"คุณเข้าใจจริง ๆ ใช่มั้ยว่าเรื่องนี้มันยากมากแค่ไหน?" เห็นได้ชัดว่าถังมู่เสวี่ยยังไม่มั่นใจสักเท่าไหร่

"แน่นอน ถ้าหากความสำเร็จของเฮฟเว่นไพร์กรุ๊ปในของพวกคุณในตอนนี้ ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของครอบครัวพวกคุณได้อีกละก็ งั้นก็มีทางเดียวคือต้องพลักดันให้มันเติบโตขึ้นอีก ถ้าหากเป็นองค์กรที่มีชื่อเสียงระดับประเทศแล้วยังไม่พอใจอีก ก็ให้มันมีเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ แต่ถ้ายังไม่พอใจอีกก็ให้มันติดอันดับหนึ่งของโลกไปเลย! ความสำเร็จเป็นสิ่งที่สามารถสร้างขึ้นได้เสมอ" ฮวงเฟิงกล่าว

"เหลวไหล อันดับหนึ่งของโลกอะไรของคุณ แค่คุณสามารถพาเฮฟเว่นไพร์กรุ๊ปและบริษัทของฉันติดอยู่ใน 500 อันดับแรกของโลกได้ งั้นครอบครัวของฉันก็ต้องมองหาความสำเร็จที่มากยิ่งขึ้นไปอีก"

มีสิ่งหนึ่งที่ต้องรู้กันว่าประเทศจีนในปัจจุบันนี้ มีเพียงรัฐวิสาหกิจเพียงไม่กี่แห่งเท่านนั้นที่สามารถทำให้ติดอันดับอยู่ใน 500 อันดับแรกของโลกได้ และถ้าหากบริษัทของพวกเขาสามารถติดอยู่ในอันดับพวกนั้นได้จริง ๆ แล้วละก็ความต้องการของครอบครัวพวกเธอก็ต้องสูงยิ่งขึ้นไปอีก

"มันยากมากเลยเหรอไง กับอีแค่ติดอยู่ในหนึ่ง 500 อันดับแรกของโลก?" ฮวงเฟิงพูดอย่างไม่แยแสต่อความยากที่ว่า ถ้าหากกล่องจักรวาลไม่สามารถฝีกฝนจกสามารถยกระดับขึ้นเป็นขั้นที่สองได้แล้วละก็ ฮวงเฟิงก็ยังไม่อาจเข้าใจสถานการณ์ได้ดีเช่นนี้ อีกทั้ง เขาก็ไม่มั่นใจใจตัวเองได้มากถึงเพียงนี้เช่นกัน

นอกจากนั้นแล้วสิ่งที่เขาได้รับมานั่นเป็นเพียงแค่การสุ่มเท่านั้น เขาไม่อาจรู้ได้ว่าเมื่อไหร่เขาจึงจะได้รับของที่มีประโยชน์ต่อเขา แต่ตอนนี้ หลังจากที่กล่องจักรวาลได้ยกระดับขึ้นอีกครั้ง ก็มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเพิ่มมากขึ้น ตราบใดที่มีเงินก็สามารถหาซื้อสิ่งที่ต้องการได้เสมอ และเขาก็จะหาซื้อสิ่งมหัศจรรย์ที่สามารถส่งผลดีต่อผลิตภัณฑ์ ถังมู่เสวี่ยต้องไม่มีทางเชื่อแน่ว่าของพวกนี้จะทำให้บริษัทของเธอสามารถเติบโตขึ้นได้ โดยเฉพาะบริษัทของถังมู่เสวี่ยยิ่งสามารถจัดการได้ง่ายมาก ไม่ใช่เป็นเพราะเขาได้เริ่มทำธุรกิจโรงกลั่นสุราแล้วหรือไง? เหล้าของเขาถูกส่งออกไปขายต่างสถานที่ ต่างเวลา ซึ่งมันก็ไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์เลยแม้แต่น้อย ถ้าหากผู้คนในโลกปัจจุบันไม่ชอบรสชาติของมัน เขาก็สามาถเปลี่ยนไปเป็นเครื่องดื่มสูตรอื่นได้ ไม่ว่าในกรณีใด ในกล่องจักรวาลมีสิ่งของมากมายให้แลกเปลี่ยน

"เชิญคุณโม้ต่อไปเถอะ แต่ตราบใดที่คุณสามารถช่วยฉันได้จริง ๆ ฉันก็จะไม่ถือสาเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องครัวเมื่อวานนี้" ถังมู่เสวี่ยพูดขึ้น จากนั้นเธอก็ส่งสายตาเจ้าเสน่ห์ให้กับเขา "หรือถ้าหากคุณอยากลองอีก ฉันก็จะลองพิจารณาดู"

"ลืมมันไปซะ ผมยังไม่อยากกลายเป็นขันที ถ้าหากซูหยูโม่รู้เรื่องนี้เข้า" ฮวงเฟิงพูดขึ้น พร้อมกับหดคอลงเล็กน้อย "สำหรับเรื่องที่คุณพูดมา ไม่ต้องห่วงผมจะทำให้ดีที่สุด แต่ไม่ใช่เพราะคุณ สำหรับคำพูดเมื่อครู่ผมจะไม่ถือสา"

"คุณ จิตใจของคุณเต็มไปด้วยตัณหาแต่ไร้ซึ่งความกล้า เมื่อวานนี้ ใครกันที่ใช้ลิ้นเล้าโลมฉัน? แต่ตอนนี้ผู้ชายคนนั้นกลับแสร้งทำเป็นทำเป็นคนดี" ถังมู่เสวี่ยเย้ยหยันขึ้น "ถึงแม้ว่าฉันกับพี่สาวหยูโม่จะเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่คำพูดของคุณเมื่อครู่มันให้ฉันเจ็บปวด แล้วคุณรู้หรือเปล่าว่าทำไมพี่สาวหยูโม่ไม่ชอบคนพูดมาก?!"

ถังมู่เสวี่ยไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเธอถึงรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเมื่อได้ยินคำพูดของฮวงเฟิง แต่เธอรู้สึกไม่มีความสุขเลยจริง ๆ แต่เมื่อพิจารณาถึงควมสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองคนแล้ว ฮวงเฟิงก็ไม่ผิดอะไรที่จะพูดออกมาเช่นนนั้น

ส่วนฮวงเฟิงเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้ทำพลาดบ่อยเช่นนี้ และนั่นก็ทำให้เขาไม่กล้าพูดอะไรอีกเลย เนื่องเขายังคงมีชนักติดหลังอยู่ เขาจึงต้องยอมนิ่งฟังคำวิจารณ์ของเธอ

"เอาละ นี่คือข้อตกลงของเรา ตราบใดที่คุณยังคงช่วยฉันจัดการเรื่องนี้ ทุกอย่างก็ยังคงเป็นความลับระหว่างเรา แต่ฉันขอย้ำกับคุณอีกครั้ง ฉันเหลือเวลาอีกไม่มาก ถ้าหากในช่วงนี้ฉันยังสร้างความพอใจให้กับครอบครัวไม่ได้ ฉันก็อาจจะต้องแต่งงานกับใครสักคนที่พวกเขาหาให้" ถังมู่เสวี่ยพูดกับฮวงเฟิง เธอกลัวว่าฮวงเฟิงจะทุ่มเทเวลาทั้งหมดเพื่อช่วยเหลือซูหยูโม่จนลืมเธอไป ดังนั้นทางรอดเดียวของเธอในตอนนี้คือข่มขู่เขา

"เฮ้ เฮ้ นี่นี่คุณจะกินอะไรก็ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณอยากจะพูดอะไรก็พูดได้ ผมก็แค่จูบคุณเท่านั้นเอง ผมต้องการตัวคุณเมื่อไหร่กัน?" ฮวงเฟิงตะโกนขึ้น

เมื่อเห็นสายตาผู้คนที่มองมายังเธอ ถังมู่เสวี่ยก็รู้สึกเขินอายขึ้นมา แต่ช่วงเวลาแบบนี้เธอไม่มีวันยอมแพ้แน่ "ถึงคุณต้องการ ก็ไม่มีทางได้หรอกยะ แต่ว่าตราบใดที่คุณสามารถช่วยให้ฉันเป็นอิสระได้ ไม่แน่ฉันอาจจะลองรับไปพิจารณาดู" แน่นอนว่าถังมู่เสวี่ยเพียงแค่ล้อเล่นเท่านั้น อย่างไรก็ตามเธอรู้ดีว่าเมื่อเธอพูดออกไปแล้ว ในใจเธอก็ไม่ได้รู้สึกดีมากนักเธอรู้สึกสูญเสียและหวาดกลัวเล็กน้อย