ตอนที่ 269

USB:บทที่ 269 โดนยิง

ฮวงเฟิงสาวเท้าไปข้างหน้าสองก้าวอย่างรวดเร็ว และเมื่อเขาไปถึงตัวของชิวฮ่าว เขาก็ตระหนักได้ว่าชิวฮ่าวได้ตายเสียแล้ว

เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสก่อนหน้านี้และก่อนหน้านี้ก็ดูปั่นป่วนจนเกินไป

ในทางกลับกัน ฮวงเฟิงนั้นก็ไม่ได้สนใจเขาจริงๆ ท้ายที่สุดแล้วจากสถานการณ์ตอนนี้จะเห็นได้ว่าสหายคนนี้ก็ไม่ใช่คนดีอะไรนัก

"ปัง!" ทันใดนั้นเสียงกระสุนปืนก็ดังขึ้น ตามด้วยน้ำเสียงเย็นชาของชิวหนิงช่วง: "ฉันแนะนำให้แกอย่าขยับจะดีกว่านะ!"

คำพูดของชิวหนิงช่วงไม่ได้พุ่งเป้าไปที่ลุงหลี่ ซึ่งตอนนี้เขาไม่ได้เคลื่อนไหวแล้ว

แต่ชิวหนิงช่วงกำลังพูดกับลูกน้องคนหนึ่งของลุงหลี่ซึ่งคนๆ นั้นพยายามจะยิงใส่เธอ แต่เธอก็เห็นเสียก่อน

กระสุนนัดหนึ่งโดนเข้าที่แขนและเขาคนนั้นก็ไม่สามารถถือปืนได้อีกต่อไป

เมื่อตอนที่ชิวหนิงช่วงและฮวงเฟิงอยู่ที่ด้านนอกหน้าต่างก่อนหน้านี้ พวกเขาได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดจากภายใน

ดังนั้นพวกเขาจึงรู้โดยปริยายว่าพวกเขาไม่สามารถที่จะเผลอได้

ฮวงเฟิงเดินไปที่นั่นและหยิบปืนจากมือของทั้งสามคนที่ยังไม่ตายขึ้นมา

แต่ชิวหนิงช่วงยังคงชี้ปืนไปที่ลุงหลี่และพูดว่า: "โยนปืนทิ้งซะ!"

สีหน้าของลุงหลี่เริ่มลุกลี้ลุกลน อย่างไรก็ตามในท้ายที่สุดเขาก็ยังตัดสินใจที่จะเชื่อฟังชิวหนิงช่วง

เพราะเขารู้สึกได้ว่าถ้าเขาไม่เชื่อฟัง ชิวหนิงช่วงก็จะไม่เกรงใจเขาอย่างแน่นอน

เมื่อเห็นลุงหลี่ขว้างปืนลงไปที่พื้นแล้ว ชิวหนิงช่วงก็เดินมาหาเขาอย่างช้าๆ

ปืนในมือของเธอก็จ่อไปที่คู่ต่อสู้เช่นกัน และหลังจากที่เธอเตะปืนของลุงหลี่ออกไปไกลๆ แล้ว เธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

หลังจากนั้นเธอก็หยิบกุญแจมือออกมาและเห็นได้ว่าคืนนี้เธอเตรียมตัวมาดีมาก เธอไม่ลืมที่จะนำทั้งกุญแจมือและปืนมาด้วย

“ใส่เอง!” ชิวหนิงช่วงโยนกุญแจมือให้ลุงหลี่และพูดขึ้น

ลุงหลี่เองก็ยอมทำตาม เพราะเขารู้ว่าไม่มีทางที่จะต่อต้านได้ในตอนนี้ เขาจึงได้รีบใส่กุญแจมือตัวเองเสีย

ในอีกด้านหนึ่ง ฮวงเฟิงกำลังยุ่งอยู่กับการมัดอีกสองคนที่ยังมีชีวิตอยู่

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ เธอจึงกังวลมาก ตอนนี้ดูเหมือนทุกอย่างจะคลี่คลายแล้ว สภาพจิตใจของเธอจึงผ่อนคลายลงเล็กน้อย

และเมื่อคิดว่าในวันนี้เธอแก้ปัญหาใหญ่เช่นนี้ได้อย่างไร พ่อของเธอจะต้องมองเธอในแง่มุมใหม่อย่างแน่นอน รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ

อย่างไรก็ตามลุงหลี่เป็นคนที่มีประสบการณ์ เขาไม่ยินดีที่จะถูกจับแบบนั้น

เมื่อเห็นว่าชิวหนิงช่วงเผลอ ทันใดนั้นเขาก็พุ่งชนชิวหนิงช่วง

ทันใดนั้นชิวหนิงช่วงที่ไม่ได้เตรียมตัวก็ลอยออกไป ในขณะที่ปืนในมือของเธอก็กระเด็นออกไปเช่นกัน

แต่ในเวลานี้ลุงหลี่หยิบปืนออกมาจากอกเสื้ออย่างรวดเร็วและยิงไปที่ชิวหนิงช่วงอย่างไม่ลังเลใดๆ

เขาได้เรียนรู้บทเรียนของเขาในครั้งนี้และไม่กล้าที่จะรอช้าอีกต่อไป

และนอกจากนี้ยังมีฮวงเฟิงที่อยู่ข้างๆ เขา ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะประมาท

ก่อนหน้านี้เมื่อฮวงเฟิงและชิวหนิงช่วงได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดจากภายใน

ตอนที่พวกเขาเห็นลุงหลี่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย พวกเขาไม่เห็นเขานำปืนออกมาจากตัว ดังนั้นพวกเขาทั้งสองคนจึงไม่คิดว่าลุงหลี่จะแอบซ่อนปืนเอาไว้

เพียงแต่พวกเขาทั้งสองคนไม่ได้คิดว่าลุงหลี่จะอดทนขนาดนี้

เขาไม่ได้หยิบปืนของเขาออกมาในตอนที่มันอันตรายมากและในตอนนี้เขาก็ได้หยิบมันออกมาทันทีซึ่งทำให้ทั้งสองคนประหลาดใจ

“ไม่นะ!” ฮวงเฟิงเห็นสถานการณ์ทางฝั่งของชิวหนิงช่ว จึงตะโกนออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกลัว

เขายกปืนขึ้นแล้วยิงใส่ลุงหลี่ ในห้วงเวลาอื่นเขาเคยยิงปืนแต่ไม่บ่อยนัก ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยคุ้นเคยกับปืนสักเท่าไร

อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวของฮวงเฟิงก็ยังคงช้าเกินไปอยู่สักหน่อย

ลุงหลี่ได้ยิงเข้าใส่ชิวหนิงช่วงด้วยใบหน้าที่เหี้ยมโหด ทำให้เกิดหลุมเลือดขึ้นใกล้กับหัวใจของเธอขึ้นในทันที

เช่นเดียวกับที่ลุงหลี่กำลังวางแผนที่จะชดเชยความสูญเสียของเขา

ปีนในมือของฮวงเฟิงก็ลั่นขึ้นเช่นกัน แต่กระสุนของฮวงเฟิงนั้นได้พุ่งตรงเข้าที่ศีรษะของลุงหลี่ ที่มีทั้งความแข็งแกร่งและความโชคดี แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามการยิงของฮวงเฟิงก็ส่งผลให้ศรีษะของลุงหลี่ระเบิดออกทันที

ฮวงเฟิงยังคงกังวลอยู่จึงได้ยิงเข้าใส่ร่างของเขาอีกสองสามนัด จนกระทั่งลุงหลี่ล้มลงไปนอนบนพื้นและแน่นิ่งไป

จากนั้นฮวงเฟิงก็ทิ้งปืนและวิ่งไปหาชิวหนิงช่วง

“ชิวหนิงช่วง เธอไม่เป็นไรใช่ไหม? เธอเป็นยังไงบ้าง?” ฮวงเฟิงกอดชิวหนิวช่วงเอาไว้ในอ้อมแขน

ในทางกลับกัน สถานการณ์ของชิวหนิวช่วงนั้นแย่มาก

เธอมีเลือดออกจากปากและที่หัวใจของเธอก็มีเลือดไหลไม่หยุดราวกับว่าเธอกำลังจะปล่อยให้เลือดทั้งหมดในร่างกายไหลออกมา

อย่างไรก็ตามเมื่อเธอเห็นฮวงเฟิงกำลังมองดูเธอด้วยความกังวลรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ มันเป็นรอยยิ้มที่หวานมากและเมื่อเธอเปิดปากพูด เธอก็กระอักเลือดออกมาเล็กน้อย

ชิวหนิวช่วงยกมือขึ้นอย่างสั่นเทาและหลังจากใช้ความพยายามอย่างหนัก เธอก็สามารถสัมผัสใบหน้าของฮวงเฟิงได้

รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอกว้างขึ้น เธอรู้สถานการณ์ของเธอดี เธอสามารถตายได้ทุกเมื่อ

แม้ว่าเธอจะกลัวความตายและเกลียดมัน แต่การตายในอ้อมกอดของฮวงเฟิงก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะยอมรับ

ชิวหนิวช่วงรู้ว่าเธอมีความรู้สึกที่ดีต่อฮวงเฟิง บางทีอาจเป็นเพราะ ฮวงเฟิงเคยช่วยเธอมาก่อน

หรืออาจเป็นเพราะความวุ่นวายกะทันหันจากเมื่อคืนทำให้หัวใจของเธอสั่นระรัว อย่างไรก็ตามเธอรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่

"คุณไม่เป็นอะไร คุณจะต้องไม่เป็นไร" ฮวงเฟิงอยู่ในอาการตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด

นี่เป็นครั้งแรกในความเป็นจริงที่เขาพบสถานการณ์เช่นนี้

ก่อนหน้านี้เมื่อเขาถูกเคลื่อนย้ายมิติไปยังสนามรบนั้น เขาเคยเห็นสหายของเขาถูกสังหาร แต่คนเหล่านั้นไม่ได้อยู่ในสภาพเดียวกันอย่างเช่นตอนนี้

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มันต่างออกไป ชิวหนิวช่วงเป็นคนที่เขารู้จักในโลกแห่งความจริง และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่เลวนัก

ถ้าชิวหนิวช่วงตายต่อหน้าเขา เขาคงไม่อาจที่จะยอมรับได้

"ใช่แล้ว ฉันมีเวทมนตร์นี่นา!" ฮวงเฟิงพึมพำ ในเวลานี้เขากำลังพะว้าพะวงสุดๆ เขาไม่สนใจที่จะซ่อนความลับของเขาแล้ว

เขารู้ว่าเขาสามารถใช้เวทมนตร์ได้และสามารถเปิดใช้งานได้ทันที

นี่เป็นเวทมนตร์แห่งแสงเพียงอย่างเดียวที่ฮวงเฟิงได้เรียนรู้ซึ่งสามารถรักษาโรคเล็กๆ บางอย่างในมนุษย์ได้

ส่วนจะสามารถช่วยชีวิตของชิวหนิวช่วงในปัจจุบันได้หรือไม่ เขาเองก็ไม่รู้ แต่เขาก็ต้องพยายาม

ฮวงเฟิงกำลังพึมพำบางอย่างในขณะที่มองไปที่เธออย่างอ่อนโยน

แต่ฮวงเฟิงไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะคิดมากเกินไป และไม่นานนักก็มีแสงอ่อนโยนส่องไปที่ร่างของชิวหนิวช่วง ทำให้ใบหน้าของเธอดูดีขึ้น แต่เลือดยังไหลไหลผ่านหัวใจของเธอไม่หยุด