ตอนที่ 380

USB:บทที่ 380 ช่วยเหลือ

ฮวงเฟิงไม่คาดคิดว่าเขาจะได้เห็นเทียนจุนอยู่ที่ ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายก็ดูเหมือนว่ากำลังต่อสู้อยู่กับกลุ่มคนและดูเหมือนว่าเขากำลังเสียเปรียบอยู่

ฮวงเฟิงเองก็ไม่รู้ว่าพี่เฟยนั้นคือคนไหน ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าชายหนุ่มที่กำลังเฝ้ามองลูกน้องของเขาต่อสู้กับเทียนจุนอยู่ไม่ไกลออกไปนักก็คือเป้าหมายของเขานั่นเอง

“ตีมันเลย ตีมันให้ฉันที” พี่เฟยตะโกนโหวกเหวกอยู่ด้านข้างขณะที่ในเวลาเดียวกันนั้นเขาก็พบว่าเขาได้รับบาดเจ็บที่นิ้วมือ

ฮวงเฟิงขมวดคิ้วขณะที่เขามองดูเทียนจุน เขามีเรื่องที่สำคัญกว่าที่จะต้องจัดการ ในตอนแรกเขาเองก็ไม่อยากที่จะสร้างปัญหาโดยไม่จำเป็นแต่เมื่อเห็นสถานการณ์ของเทียนจุนในตอนนี้นั้นดูไม่ค่อยดีนัก แต่เพราะทุกคนนั้นคุ้นเคยกับเขาดังนั้นฮวงเฟิงจึงไม่อาจที่จะทนยืนดูอยู่เฉยๆ ได้

ดังนั้นฮวงเฟิงจึงสาวเท้าไปข้างหน้าเบาๆ ขณะที่เขาก้าวเข้าไปหาเทียนจุนและคนอื่นๆ

ส่วนเทียนจุนนั้นกำลังกัดฟันและยืนหยัดอยู่ในตอนนี้ ถึงแม้ว่าก่อนที่จะมาที่นี่เขาเองก็รู้ว่าพี่เฟยนั้นมีอำนาจมาก แต่ด้วยความเฉลียวฉลาดของเขาแล้วไม่น่าจะมีคนมามากนักในคืนนี้ แต่เมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้นจริงๆ เขาก็ได้ตระหนักว่าข่าวที่เขาได้มานั้นมันผิด คนของพี่เฟยในคืนนี้นั้นมีไม่น้อยเลย

จริงๆ แล้วพี่เฟยเองก็ไม่ได้วางแผนที่จะพาคนมาด้วยมากนัก อย่างไรก็ตามพี่เฟยเองก็ไม่ได้อยากที่จะให้เกิดอะไรขึ้นกับสมุดบัญชีนั้น เขาจึงนำคนมาเพิ่มอีกสองสามคน และเมื่อลูกน้องนำสมุดบัญชีมาส่งให้เขาแล้วเขาก็จะสั่งให้ทุกคนกลับไป

เขาไม่รอสมุดบัญชีแต่เพียงเท่านั้นแต่เทียนจุนกลับมาสร้างปัญหาที่นี่ด้วย

เทียนจุนขมวดคิ้ว เขารับรู้ได้ถึงแรงกระแทกและเขาก็ได้จัดการน้องเล็กของคู่ต่อสู้ด้วยเพียงหมัดเดียว อย่างไรก็ตามเขาก็ถูกทุบเข้าที่หลังเพราะว่ามีอีกคนหนึ่งได้เหวี่ยงไม้เบสบอลใส่เขา

ขณะที่เทียนจุนเตรียมตัวที่หันไปจัดการเจ้าคนนั้นและคนที่อยู่ด้านหลังของเขา อยู่ๆ เขาก็เห็นร่างๆ หนึ่งปรากฎขึ้นที่หางตา หัวใจของเขาเต้นระรัวและริมฝีปากของเขาก็เผยอยิ้ม ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่เห็นร่างหรือฝีมือของคู่ต่อสู้ แต่เพียงแค่ความเร็วเขาก็รู้ว่าคนๆ นี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอนและดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีเพียงแต่ลูกน้องมากมายของพี่เฟยเท่านั้นแต่ดูเหมือนจะมียอดฝีมืออยู่ด้วย

เมื่อเทียนจุนได้รับบาดเจ็บ ร่างๆ นั้นก็ปรากฎกายขึ้นข้างกายของเขาและเทียนจุนก็เห็นว่าเขาได้เตะไม้เบสบอลจนลอยขึ้นไปบนอากาศ! แล้วเจ้าคนนั้นก็ยังถูกคว่ำโดยฝีมือของใครบางคนที่อยู่ด้านหลังของเขา

“ฮวงเฟิง ทำไมคุณถึงได้มาอยู่ที่นี่?” เทียนจุนตะโกนออกมาด้วยความประหลาดใจเมื่อเขาได้เห็นร่างที่อยู่ถัดจากเขาไป ตอนแรกเขารู้สึกว่าเขาตกอยู่ในอันตรายแต่เขาไม่คาดคิดว่าคนที่มาช่วยเหลือนั้นจะอยู่ๆ ก็ปรากฎตัวขึ้นมายิ่งไปกว่านั้นก็ยังเป็นคนที่เก่งกาจมากอีกด้วย

“บังเอิญว่าฉันมีธุระแถวนี้น่ะ” ฮวงเฟิงตอบโดยที่ไม่ได้หันหน้าไป “แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคุยกันนะ รีบจัดการเจ้าลูกสมุนพวกนี้ก่อน แล้วเราค่อยคุยกันดีกว่านะ”

“ได้สิ!” เขาเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ เขารู้จัดความสามารถของฮวงเฟิงดีและจากที่ตาเห็น ฮวงเฟิงนั้นดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนด้วยซ้ำ

“แกเป็นใคร? กล้าดียังไงถึงได้มาแส่เรื่องของพี่เฟย?” หนึ่งในลูกสมุนของพี่เฟยที่ได้เห็นกับตาถึงลูกเตะที่ทรงพลังของฮวงเฟิงเมื่อกี้นี้ เห็นว่าฮวงเฟิงและเทียนจุนนั้นรู้จักกันดังนั้นเขาจึงรู้สึกหวาดหวั่นอยู่ในใจ ในเวลานี้สีหน้าของเขาดูตื่นตกใจขณะที่เขาอ้างชื่อของลูกพี่เพื่อหวังว่าจะขู่พวกเขาได้

ไม่เพียงแค่คำพูดของเขาจะไม่ทำให้ฮวงเฟิงกลัวแต่ยังทำให้ฮวงเฟิงถึงกับตาโต เพราะเขามาที่นี่ก็เพื่อมาหาพี่เฟยและไม่เคยคิดเลยว่าจะมาเจอเขาที่นี่

“นี่แกเป็นคนของพี่เฟยงั้นเหรอ?” ฮวงเฟิงต้องการให้แน่ใจ

“ถูกต้องแล้ว พวกเขาเป็นคนของฉันเอง ฉันนี่แหละคือพี่เฟย ไอ้หนู ได้สติแล้วก็รีบไปจากที่นี่ซะ ฉันมีพรรคพวกมากนะเว้ย ครั้งนี้ฉันจะปล่อยแกไปก่อน แต่อย่ามาหาว่าฉันใจร้ายล่ะ!” ในตอนนี้พี่เฟยที่กำลังยืนอยู่ที่ขอบของกลุ่มคนมากมายได้กล่าวออกมา เขาคิดว่าฮวงเฟิงจะกลัวจึงได้พูดด้วยสีหน้าหยิ่งผยอง

อย่างไรก็ตามฮวงเฟิงมองดูเขาด้วยสีหน้าแปลกๆ และกล่าวว่า “แกคือพี่เฟยงั้นเหรอ?” เยี่ยมไปเลย!”

พี่เฟยและบรรดาลูกน้องของเขาไม่รู้ว่าคำพูดของฮวงเฟิงหมายถึงอะไร อย่างไรก็ตามการกระทำของฮวงเฟิงบ่งบอกว่าเขาไม่กลัว แต่เขาเป็นฝ่ายที่เริ่มโจมตีก่อนและการโจมตีของเขาก็โหดเหี้ยมยิ่งกว่าเดิม

ฮวงเฟิงในปัจจุบันได้รับการฝึกฝนเนื่องจากพลังของเขาแกร่งกล้าขึ้นเรื่อยๆ แต่เสื้อคลุมเงานั้นไม่เพียงแต่มีความสามารถเพียงสองอย่างเท่านั้น แต่ยังเพิ่มความแข็งแกร่งและความคล่องตัวให้แก่เขาอีกด้วย ถ้าเขาใช้จนเต็มประสิทธิภาพมันก็ยากที่แม้แต่กระสุนจะยิงโดนเขาได้ แล้วนับประสาอะไรกับคนธรรมดากันเล่า

นั่นเป็นผลให้ฮวงเฟิงเดินผ่านฝูงศัตรูไปอย่างรวดเร็ว ทีละคนๆ พวกเขาทั้งหมดล้มลงกับพื้น อย่างไรก็ตามฝ่ายตรงข้ามไม่แม้แต่จะสามารถสัมผัสชายเสื้อคลุมของเขาได้

“นี่มันเรื่องเหี้ยอะไรกันเนี่ย นี่มันเป็นคนหรือเปล่า?” พี่เฟยมองดูใบหน้าที่ซีดเซียวของฮวงเฟิงขณะที่เขายังคงเดินหน้าสอยลูกน้องของเขาทีละคนๆ  นอกเหนือจากความน่าสะพรึงกลัวแล้วก็ไม่มีอะไรที่เขาจะทำได้อีก

ในทางกลับกัน เทียนจุนก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมากกับความสามารถของฮวงเฟิง แม้ว่าลูกเตะก่อนหน้านี้ของฮวงเฟิงจะทำให้เทียนจุนประเมินฮวงเฟิงสูงขึ้นเล็กน้อย แต่ตอนนี้เมื่อเขาเห็นความสามารถของฮวงเฟิงแล้วเขาก็รู้ว่าแม้ว่าเขาจะประเมินฮวงเฟิงไว้จนสูงเกินไปแล้ว แต่ก็ยังคงต่ำเกินไป

“นี่เขาแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนอีกนะเนี่ย!” เทียนจุนคิดอยู่ในใจเพราะเมื่อตอนที่เขาเจอกับฮวงเฟิงครั้งแรกเขายังคงสามารถทำให้ฮวงเฟิงบาดเจ็บได้ หากไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าในเวลานั้นอาวุธลับของฮวงเฟิงนั้นมีพลังมาก เขามั่นใจว่าเขาสามารถฆ่า ฮวงเฟิงได้เลยทีเดียว

แต่ฮวงเฟิงนั้นใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะมีพลังมากขนาดนี้? ตอนนี้ลืมเรื่องการฆ่าฮวงเฟิงไปก่อน เขาถือว่าโชคดีแล้วที่เขาไม่ถูกฆ่า ด้วยความเร็วของฮวงเฟิงที่มีอยู่ตอนนี้การที่จะเอาชนะเขานั้นง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือเลยทีเดียว!

"ฉันนี่ก็ไม่แพ้เหมือนกัน!" เทียนจุนคิดในใจอย่างเงียบๆ แต่กลับก้มตัวลงและกระโดดหลบการโจมตีของคนที่อยู่ข้างๆ หลังจากนั้นด้วยการฟันศอกเขาก็ทำให้อีกฝ่ายล้มลงกับพื้นและสูญเสียความแข็งแกร่งในการต่อสู้ทั้งหมด

ดังนั้นลูกน้องของพี่เฟยจึงได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก มันเพียงพอที่จะทำให้พวกเขาปวดหัวกับการมีเทพเจ้านักฆ่า แต่ในตอนนี้แค่อีกฝ่ายมีสองคำนี้เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกต่อไป ดังนั้นลูกน้องเหล่านี้จึงออกไปอย่างมีสติเพื่อหลีกเลี่ยงฮวงเฟิงและพวกของเขา

และด้วยความคิดเช่นนี้ความสามารถในการต่อสู้ที่พวกเขาสามารถแสดงออกมาอาจจะสามารถจินตนาการได้ เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เลวร้ายพี่เฟยก็พร้อมที่จะวิ่งหนี อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะก้าวขาไปได้เพียงไม่กี่ก้าวเขาก็รู้สึกได้ว่ามีใครบางคนตบเข้าที่ไหล่ของเขาและเสียงที่ฟังดูเหมือนราชาแห่งนรกก็ดังขึ้น

“พี่เฟย จะไปไหนงั้นเหรอ?”