ตอนที่ 330 ให้ข้าได้เห็นศักดิ์ศรีของหัวหน้าศิษย์หน่อยเถอะ !

ด้านบนสุดของหอคอยเจ็ดดาว  ในที่สุดความเงียบสงบก็กลับมาในที่สุด

ซื่อเหวินหยูนั่งลงบนพื้น หยิบเอาโอสถฟื้นฟูออกมารักษาอาการบาดเจ็บและฟื้นฟูกำลังออกมาอย่างเงียบๆ

จี้เทียนซิงนั่งอยู่ในใจกลางของค่ายกลเจ็ดดาว

ปิดตาลงเพื่อบ่มเพาะและใช้พลังจากดวงดาวในการบรรเทาจุดฝังเข็ม

ทั้งคู่ไม่ยินยอมที่จะเสียเวลา

พวกเขาทุ่มเทให้กับการบ่มเพาะเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง

ก่อนที่จี้เทียนซิงจะเข้ามาในหอคอยเจ็ดดาว

หยุนเหยาเคยบอกเขาว่าหอคอยแห่งนี้จะเปิดเพียงแค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น

ความเร็วเวลาของโลกในหอคอยนั้นแตกต่างจากเวลาในดินแดนดาราบรรพกาล

หนึ่งวันในดินแดนดาราบรรพกาลของโลกภายนอกเทียบเท่ากับครึ่งเดือนภายในหอคอย

เมื่อลองนับเวลาที่เหลือดูแล้วพบว่า

อีกไม่เกินห้าวันหอคอยเจ็ดดาวจะส่งเขากลับออกไป

ในช่วงห้าวันนี้เขาจะใช้พลังลึกลับจากดวงดาวเพื่อปรับแต่งความแข็งแกร่งให้ได้มากที่สุด

ท้ายที่สุดแล้ว

การที่ได้บ่มเพาะที่นี่ห้าวันก็เท่ากับข้างนอกสองเดือน

หลังจากพลาดโอกาสนี้ไปเขาจะต้องรออีกหนึ่งปี

.............

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากบ่มเพาะตลอดทั้งวันทั้งคืน อาการบาดเจ็บของซื่อเหวินหยูก็หายเป็นปลิดทิ้งและความแข็งแรงของเขาก็กลับคืนมาเป็นเก้าส่วน

เกือบจะสมบูรณ์เต็มร้อย

มันหยุดการบ่มเพาะและหันไปหรี่ตามองจี้เทียนซิงที่อยู่กลางค่ายกล

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงอยู่ในภวังค์บ่มเพาะด้วยสองตาที่ปิดสนิท  ดวงตาของซื่อเหวินหยูก็เปล่องประกายยินดี

จากนั้น มันก็ผุดลุกขึ้นอย่างเงียบเชียบ

ก้าวเท้าเดินไปหาอีกฝ่ายอย่างเงียบงัน

มันเดินมาถึงเบื้องหน้าจี้เทียนซิงและหยุดสังเกตที่โลงหยกวิญญาณกับหินวิญญาณโป๋จิง

ในไม่ช้ามันก็พบข่ายอาคมที่จี้เทียนซิงจัดวางไว้และยังได้เห็นจี้เค่อที่นอนหลับอยู่ในโลงหยกวิญญาณ

"ไอ้สารเลวจี้เทียนซิง  ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงตั้งป้อมเฝ้าอยู่หน้าหินวิญญาณโป๋จิง

ที่แท้มันก็พาคนเข้ามาด้วย !"

“มันใช้พลังของหินวิญญาณโป๋จิงในค่ายกลเจ็ดดาวเพื่อทำการรักษาสตรีนางนั้น

!”

ซื่อเหวินหยูขมวดคิ้ว

ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธ

เมื่อเห็นว่าจี้เทียนซิงยังคงบ่มเพาะอยู่ราวกับว่าไม่ได้รับรู้ถึงการมาเยือนของมัน  ทันใดนั้นในใจของมันก็มีความคิดวาบผ่าน

"เพื่อให้ได้หินวิญญาณโป๋จิงมา...

ข้าต้องทำลายข่ายอาคมป้องกันที่จี้เทียนซิงวางเอาไว้เสียก่อน"

"แต่ทันทีที่ข้าลงมือ ไอ้หมอนี่จะต้องตื่นขึ้นมาและหยุดข้าแน่นอน..."

"ไม่ได้  เช่นนี้ข้าคงต้องกำจัดมันก่อน"

เมื่อตัดสินใจได้แล้ว

ซื่อเหวินหยูก็เดินไปข้างหลังจี้เทียนซิง

พลันควบแน่นพลังลมปราณไว้ในมือขวาตบฟาดเข้าหากลางหลังของอีกฝ่ายอย่างโหดเหี้ยม

มันต้องการสกัดจุดการเคลื่อนไหวของจี้เทียนซิงด้วยฝ่ามือเดียวอย่างรวบรัด

จากนั้นก็จับโยนลงไปในทะเลเมฆ

ด้วยวิธีนี้จี้เทียนซิงก็จะร่วงหล่นจากหอคอยเจ็ดดาวและไม่สามารถหยุดมันได้อีกต่อไป

“วูบบบ !”

เมื่อเห็นว่าฝ่ามือขวาของซื่อเหวินหยูกำลังจะถึงตัว

ทันใดนั้นจี้เทียนซิงพลันลืมตาขึ้น

เขายกมือซ้ายโดยไม่หันกลับไปมองและปัดฝ่ามือของซื่อเหวินหยูด้วยหลังมือ

แขนซ้ายของเขากลายเป็นสีแดงชาดและมีเปลวไฟสีแดงปะทุขึ้นบนฝ่ามือ

ก่อเกิดเป็นหัตถ์เปลวอัคคีขนาดใหญ่

"บึ้ม !!"

สองฝ่ามือกระแทกกันอย่างดุเดือดจนเกิดเสียงกัมปนาทดังขึ้น

ท้องฟ้าลุกโชนไปด้วยเปลวไฟ

จี้เทียนซิงนั่งอยู่ที่จุดเดิมไม่ขยับเขยื้อน

แต่ซื่อเหวินหยูต้องถอยหลังไปถึงสามก้าวและได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง

ดวงตาของมันเบิกกว้างขึ้นในทันทีและเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมา

"บ้าน่า

ข้าฟื้นฟูพลังกลับมาได้ถึงเก้าส่วนแล้ว แถมยังลอบโจมตีตอนมันกำลังบ่มเพาะ  มันตอบโต้กลับได้อย่างไร ?!”

ในเวลาเดียวกันจี้เทียนซิงก็ยืนขึ้นและหันมามองซื่อเหวินหยูพลางกล่าวว่า

“ซื่อเหวินหยู

! ข้าให้โอกาสเจ้าได้บ่มเพาะที่นี่

แต่เจ้ากลับลอบทำร้ายข้าอย่างไร้ยางอาย ?”

"นี่เป็นเจ้าที่แส่หาเรื่องเองนะ !"

“เช้ง !”

จี้เทียนซิงขมวดคิ้ว

พลันชักกระบี่มังกรดำออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยวและซัดกระบี่โจมตีซื่อเหวินหยูออกไป

ขณะนั้น กระบี่มังกรดำเปลี่ยนคลื่นกระบี่แสงอันเย็นเยือกสายหนึ่ง

"โฮกกก

!"

เสียงมังกรคำรามดังอึกทึกและแผ่กระจายไปทั่วทั้งค่ายกลเจ็ดดาว

มายามังกรทองที่นำมาซึ่งพลังเบิกพิภพ

ซัดเข้าหาซื่อเหวินหยูอย่างรุนแรง

มันไม่มีเวลาหลบเลี่ยงและทำได้เพียงต้องชักกระบี่ขึ้นมาต้านรับเท่านั้น

"ปัง !"

ด้วยเสียงดังกึกก้อง

ซื่อเหวินหยูถูกกระแทกบินออกไปด้วยคลื่นกระบี่มังกร ปากฉีดพุ่งโลหิตสดออกมา

ลอยละลิ่วไปไกลกว่าสิบเมตรล้มลงบนพื้นหินสีดำอย่างรุนแรง

"แค้ก... แค่ก ... !"

ซื่อเหวินหยูกระอักเลือกออกมา

โลหิตไหลซึมจากปากและจมูก มันพยายามชันกายลุกขึ้น

กุมกระบี่สีฟ้าไว้ในมือ ดวงตาจ้องมองจี้เทียนซิงและตะโกนออกมา “จี้เทียนซิง

! เจ้ากล้าหันกระบี่ใส่ข้า

? คิดจะฆ่าแกงกันเลยหรือไง

?”

จี้เทียนซิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า

“ก็เจ้าลอบโจมตีในระหว่างที่ข้ากำลังบ่มเพาะ  ด้วยการกระทำที่ชั่วช้าต่ำทรามเยี่ยงนี้

หากข้าจะฆ่าเจ้าก็ไม่นับว่าผิดอะไร !”

ซื่อเหวินหยูไม่คิดยอมรับ

พลางสบถอย่างโกรธแค้นว่า “ผายลม !

เห็นชัดๆว่าเจ้าลงมือก่อน ข้าก็แค่เห็นเจ้านิ่งไปนานเลยคิดจะเข้าไปดูก็เท่านั้น !”

“เจ้าละเมิดคำสั่งร้ายแรง  อยู่ในหอคอยเจ็ดดาวแปดนิกายห้ามทำร้ายกันเอง

หนำซ้ำยังฝ่าฝืนกฎ พาคนนอกเข้ามาในหอคอย วางไว้ในค่ายกลเจ็ดดาว

เจ้ามีเจตนาอะไรกันแน่ !?"

แน่นอนว่าจี้เทียนซิงมิอาจอธิบายเรื่องของจี้เค่อให้อีกฝ่ายฟังได้

พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงโกรธกริ้วว่า “ซื่อเหวินหยู อย่ามาพูดไร้สาระ !”

"ถ้าอยากมีเรื่องนักก็ใช้พลังทั้งหมดของเจ้าโจมตีเข้ามาได้ทุกเมื่อ

ให้ข้าดูหน่อยเถอะว่าหัวหน้าศิษย์ของนิกายกระบี่ฟ้ามีศักดิ์ศรีแค่ไหน !”

ฟุ่บ !

เมื่อเสียงลดลง

เงาร่างของจี้เทียนซิงก็ทะยานเข้าหาซื่อเหวินหยูในทันทีพลางเหวี่ยงกระบี่ฟาดฟันออกไป

ซื่อเหวินหยูก็ใช้กระบี่ของมันตอบโต้กลับอย่างเกรี้ยวกราดด้วยเคล็ดวิชากระบี่อันวิจิตรงดงามของมัน

ก่อเกิดเป็นคลื่นกระบี่หลายสิบสายพุ่งออกมาราวกับลูกธนู

"เคร้ง ! เคร้ง ! เคร้ง !"

คลื่นกระบี่ของทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างดุเดือด

ระเบิดเสียงอึกทึกหลายครั้งครา ก่อเกิดเป็นพายุเฮอริเคนที่รุนแรง

หลังจากปะทะกัน

คลื่นกระบี่ก็พังทลายกลายเป็นเสี้ยวลำแสงกระบี่นับไม่ถ้วน กระเด็นออกไปทุกทิศทาง

ในเวลาเพียง 20 นาที ชายทั้งสองได้แลกกระบี่กันไปมากกว่าสิบกระบวนท่าและปะทะกันอย่างดุเดือดหลายครั้ง

ในตอนแรก

จี้เทียนซิงคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะซื่อเหวินหยูได้อย่างง่ายดายด้วยความแข็งแกร่งระดับปราณจิตขั้นที่เจ็ด

อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้วอีกฝ่ายก็เป็นถึงศิษย์สายตรงของเทียนเจี้ยนจง

วิชากระบี่ของมันนั้นช่างแพรวพราวและละเอียดอ่อนมาก

หลังจากที่ทั้งสองได้สัประยุทธ์กันนานหลายสิบกระบวนท่าก็ยังไม่มีฝ่ายใดได้เปรียบเสียเปรียบอย่างชี้ขาด

จี้เทียนซิงเก็บกระบี่มังกรดำกลับไปทันทีและทำการร่ายเพลงกระบี่ดาราเหินออกมาแทน

เขากระตุ้นตัวอ่อนกระบี่ในร่าง

ปลดปล่อยคลื่นกระบี่ยักษ์สีทองสองสายจู่โจมออกไปทั้งซ้ายและขวาของซื่อเหวินหยู

"วายุอัสนีบาต !!"

คลื่นกระบี่ยาวสามเมตร ระเหิดออกเป็นลำแสงสีทองอันพร่างพราว

หลอมรวมกันเป็นพายุเฮอริเคนอันรุนแรงประหนึ่งสายฟ้าสีทองขนาดใหญ่ที่ฟาดผ่าเข้าหาซื่อเหวินหยูในจุดนั้น

เมื่อได้ยินเสียงดัง ชี่ ชี่ ชี่,  ซื่อเหวินหยูก็ถูกผ่าฟาด  ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยเลือดและกระเด็นออกไปร่วมสิบเมตร

มันขบฟันแน่นข่มอาการบาดเจ็บและพยายามลุกขึ้นเตรียมจะตอบโต้กลับด้วยกระบี่ในมือ

ในเวลานี้เอง

จี้เทียนซิงได้ปลดปล่อยกระบี่เพลิงขนาดใหญ่ออกมาอีกระลอก พุ่งเข้าหามัน

"ประกายแสงมังกรแดง !!"

คลื่นกระบี่เพลิงยาวกว่าห้าเมตรที่หอบหุ้มไว้ด้วยเปลวไฟสีแดงอันร้อนระอุ  ประดุจดั่งมังกรไฟได้กระแทกจมลงไปในร่างของซื่อเหวินหยูทันที

"บูม !"

ท่ามกลางเสียงระเบิดกึกก้อง

ซื่อเหวินหยูถูกกระแทกซ้ำอีกครั้งลงไปกองกับพื้นไกลออกไปยี่สิบเมตร