ตอนที่ 295

หนึ่งเดือนมิพบพาน

สะดุดตาเกินกล่าวขาน

หลังจากออกจากจัตุรัสกลาง

จี้เทียนซิงมุ่งหน้าตรงไปยังตำหนักเทียนซิง

ศิษย์รับใช้และสาวใช้สองคนที่อยู่ในลานบ้านกำลังซุบซิบไปพลางทำความสะอาดไปพลาง  สีหน้าของพวกเขาดูหดหู่เล็กน้อย

เห็นได้ชัดว่าหนึ่งเดือนหลังจากจี้เทียนซิงหายไปจากนิกาย

มีข่าวลือเกิดขึ้นมากมายภายในนิกาย ซึ่งศิษย์รับใช้ทั้งสองคนและสาวใช้ต่างก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับจี้เทียนซิง  พวกเขาถูกซักไซ้และเยาะเย้ยถากถางจากผู้คนอยู่ทุกวี่วัน

ทันทีที่จี้เทียนซิงก้าวเท้าเข้ามาในลานกว้าง

สองศิษย์รับใช้และสาวใช้เสี่ยวซวงต่างก็เห็นเขา ทั้งหมดหยุดการทำงานในทันที

หลังจากคืนสติกลับมา

สีหน้าของคนทั้งสามก็เผยให้เห็นถึงสีสันอันประหลาดใจ ปากตะโกนทักทายอย่างรวดเร็ว

“อ่า... ศิษย์พี่จี้ ท่านกลับมาแล้ว !”

“วิเศษเลย ! ศิษย์พี่จี้

ในที่สุดท่านก็กลับมา !”

“ศิษย์พี่จี้เจ้าค่ะ

เสี่ยวซวงจะรีบไปเตรียมน้ำมาให้ท่านทำความสะอาด…”

คนทั้งสามราวกับได้รับกระดูกสันหลังและหัวใจกลับคืนมา

จิตวิญญาณของพวกเขาคืนสู่ร่าง ท่วงท่ากลับกลายเป็นมั่นอกมั่นใจกว่าเดิม

หน้าเชิดหลังเหยียดตรง

จี้เทียนซิงพยักหน้าให้พวกเขาเล็กน้อย

จากนั้นก็กลับไปที่ห้องเพื่อเตรียมจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า

เขานั่งอยู่ในห้องครู่หนึ่ง

สาวใช้เสี่ยวซวงก็เตรียมอ่างและน้ำร้อนเสร็จสิ้น

ทันทีที่ชายหนุ่มกำลังจะล้างหน้า

ก็ได้ยินเสียงกระซิบร้องเรียกของศิษย์รับใช้อยู่นอกประตูห้อง

“ศิษย์พี่จี้ขอรับ, ศิษย์พี่ไป๋มาหาท่าน

กำลังรออยู่หน้าประตูตำหนัก”

น้ำเสียงของศิษย์รับใช้ฟังดูแปลกๆเล็กน้อย

มันราวกับว่าเขาไม่ค่อยพอใจ ‘ศิษย์พี่ไป๋’ แต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดออกมา

จี้เทียนซิงขมวดคิ้วทันที

ดวงตาของเขาส่องประกายอย่างเกรี้ยวกราด

“เหอๆ ข้าเพิ่งกลับมาแท้ๆ

แต่มันกลับหูไวเพียงนี้เชียว ?”

เขาแสยะยิ้มในใจจากนั้นก็ก้าวเท้าเดินออกมาจากห้องไปที่ประตูตำหนัก

ไป๋หวู่เชินกำลังยืนไพล่หลังอยู่ด้านนอกของประตู

ท่วงท่าเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งจองหอง มุมปากประดับประดาไว้ด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน

แววตาที่มองดูจี้เทียนซิงเต็มไปด้วยท่าทีดูถูกเหยียดหยาม

เขาพูดขึ้นว่า “หึๆศิษย์น้องจี้หายหน้าหายตาไปร่วมเดือน ข้าคิดว่าเจ้าจะวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนด้วยความหวาดกลัว

กลับไปทำมาค้าขายที่บ้านเกิดจนไม่กล้ากลับมาเสียแล้ว !”

“จิ๊ๆ คุณชายจี้ผู้หล่อเหลา

ท่านคงต้องหวาดกลัวตัวไปซุกหัวในป่าเขามาร่วมเดือนเป็นแน่ถึงได้มีสารรูปเช่นนี้

มิฉะนั้นเหตุใดถึงได้มีสภาพราวกับขอทานเยี่ยงนี้เล่า ?”

จี้เทียนซิงหรี่ตามองอีกฝ่ายพลางกล่าวด้วยเสียงเย็นว่า

“มันก็แค่การประลอง ทำไมเจ้าถึงคิดว่าข้ากลัว ?”

“น้ำหน้าอย่างเจ้ายังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะอยู่ในสายตาข้า”

ไป๋หวู่เชินยิ้มเล็กน้อยและไม่โกรธเคืองเหมือนเคย

ราวกับว่าเขาไม่ได้ยินที่ชายหนุ่มพูด

จากนั้นกล่าวอย่างเย้ยหยันว่า “ศิษย์น้องจี้

เจ้ายังกล้ากลับมา ข้าทั้งตกใจและประหลาดใจยิ่งนัก เจ้าไม่ต้องกังวลไป

ในการจัดอันดับรายชื่อขั้นสวรรค์วันพรุ่งนี้เป็นการประลองต่อหน้าท่านประมุขและผู้อาวุโสมากมาย

ข้าจะไม่ทำให้เจ้าพ่ายแพ้อนาถเกินไปก็แล้วกัน !”

จี้เทียนซิงมองอีกฝ่ายด้วยหางตา

เขาเผยสีหน้าสงสารเวทนาพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยชาว่า “เห็นเจ้ายังงี่เง่าเหมือนเดิมข้าก็โล่งใจ”

ไป๋หวู่เชินขมวดคิ้ว

ดวงตากระพริบด้วยแสงเย็นเยือกแต่ก็รีบปกปิดในทันที

เขามีโทสะจริง

แต่ไม่คิดที่จะแสดงออกมาตอนนี้

นับตั้งแต่ที่เขาถูกเฉียนเยวี่ยก้นด่าสาปแช่ง

เขาก็ตั้งใจไว้แล้วว่าไม่ว่าจะโมโหเพียงใดก็จะไม่แสดงออกมาให้จี้เทียนซิงได้เห็น

“เอาเถอะ ศิษย์น้องจี้

พรุ่งนี้พบกันที่จัตุรัสฝ่ายใน หวังว่าเจ้าจะไม่หนี !”

“แค่เป็นศิษย์รับใช้ปีเดียว ประเดี๋ยวเจ้าก็คงคุ้นชินไปเอง

ฮ่าๆๆ”

ไป๋หวู่เชินแหงนหน้าหัวเราะเยาะหลังพูดจบ

จากนั้นเขาก็หันหลังเดินออกจากตำหนักเทียนซิง

จี้เทียนซิงส่ายหัวและเพิกเฉยต่อการเยาะเย้ยถากถางของอีกฝ่ายโดยสมบูรณ์

เขาหันหลังกลับเข้าบ้านไปจัดการธุระต่อ

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยามเขาก็ทำความสะอาดร่างกายเสร็จ

ผลัดเปลี่ยนเสื้อคลุมสีขาวตัวใหม่และฟื้นฟูรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลากลับมา

ในเวลานี้เองสตรีในชุดขาวที่เต็มไปด้วยความเย็นชานางหนึ่งก็มาถึงหน้าประตูตำหนักเทียนซิง

สาวใช้เสี่ยวซวงได้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายพลันโค้งคำนับด้วยความหวาดกลัว

สตรีในชุดขาวผู้นี้ก็คือหยุนเหยานั่นเอง

นางเดินผ่านลานบ้านภายใต้การนำทางของเสี่ยวซวงและเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น

เมื่อจี้เทียนซิงรับรู้ว่าหยุนเหยามาเยี่ยม

เขาจึงเดินไปที่ห้องนั่งเล่นและกล่าวทักทายนาง

หยุนเหยาหรี่ตามองอีกฝ่ายด้วยรูปลักษณ์ที่ซับซ้อนพลางกล่าวว่า

“ไม่ได้เจอเจ้าหนึ่งเดือนเต็ม

ในที่สุดเจ้าก็กลับมา”

“เวลานี้ทุกคนเป็นกังวลมากเกี่ยวกับเจ้า

เมื่อห้าวันก่อนท่านอาจารย์ยังได้ส่งคนออกไปตามหาเจ้าด้วยซ้ำ”

จี้เทียนซิงเดินมานั่งข้างๆนางและกล่าวว่า

“ขออภัย ข้าทำให้ทุกคนเป็นกังวลเสียแล้ว”

หยุนเหยาถามต่อไปว่า

“ฟังจากคำบอกเล่าของเหล่าศิษย์

เมื่อตอนที่เจ้ากลับมาเต็มไปด้วยฝุ่นและคราบสกปรกราวกับขอทาน

ทั่วร่างเต็มไปด้วยบาดแผลเหมือนเป็นกรงเล็บหมาป่า.....

แน่ใจนะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ?”

จี้เทียนซิงส่ายหัวและกล่าวอย่างเฉยชาว่า

“ข้าเพิ่งไปทำธุระส่วนตัวมา

แม้ว่าจะเปี่ยมไปด้วยอันตราย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่ต้องกังวล”

“อืม

เช่นนั้นก็ดี” หยุนเหยาพยักหน้าและมองหน้าอีกฝ่ายครู่หนึ่ง

ทันใดนั้นดวงตาคู่งามที่แจ่มใสของนางก็เปล่งประกายอย่างฉับพลัน

“ศิษย์น้องเทียนซิง นี่เจ้า....ตัดผ่านมาถึงขอบเขตปราณจิตขั้นห้าแล้วจริงๆ

?”

ความแข็งแกร่งของจี้เทียนซิงได้รับการปรับปรุงขนานใหญ่

และตัวอ่อนกระบี่ได้หลอมรวมกับพลังของเปลวอัคคีเข้าด้วยกันจนกลายเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เขารุดหน้า

แน่นอน

ยอดฝีมือในขอบเขตปราณจิตทั่วๆไปเช่นไป๋หวู่เชินย่อมไม่สามารถมองเห็นระดับความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ได้เลย

มีเพียงผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตปราณโอสถอย่างหยุนเหยาเท่านั้นที่สามารถมองออกได้

จี้เทียนซิงไม่คิดปิดบังนาง

เขาพยักหน้าตอบอย่างเฉยเมย “ถูกต้อง”

“ข้าไม่ได้พบเจ้าเดือนเดียวแต่พลังยุทธ์ของเจ้ากลับรุดหน้าถึงสามขั้น

นับว่ายอดเยี่ยมมาก”

ดวงหน้างามของหยุนเหยาเผยให้เห็นอาการตกใจและประหลาดใจ ดวงตาของนางจับจ้องมองไปที่จี้เทียนซิง

ความคิดย้อนกลับไปเมื่อหลายเดือนก่อน

นางยังจำฉากนั้นได้ดี

ครั้งแรกที่นางพบจี้เทียนซิงในรัฐนภากระจ่าง ในตอนแรกชายหนุ่มเป็นเพียงสวะพิการไร้ค่าที่มีพลังเทียบเท่าสามัญชนในขอบเขตปรับแต่งกายาขั้นที่สามเท่านั้น

ซึ่งนับว่าอ่อนแอสุดขีด

ในเวลาเพียงหนึ่งเดือนเขาก็มาถึงขอบเขตปราณแท้และได้อันดับหนึ่งในการคัดเลือกศิษย์ใหม่เข้านิกาย

ความเร็วในการพัฒนาความแข็งแกร่งของเขานั้นยอดเยี่ยมมาก เมื่อย้อนกลับไปในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา หยุนเหยาค้นพบว่าชายหนุ่มผู้นี้แข็งแกร่งและเติบโตอย่างรวดเร็วโดยไร้ที่มาที่ไป

ยิ่งนางอยู่ใกล้จี้เทียนซิงมากเท่าไหร่

ยิ่งนางรู้เรื่องของเขามากเพียงใด

สุดท้ายมันกลับทำให้นางรู้สึกเหมือนมองเขาไม่ออกมากยิ่งขึ้นเท่านั้น

ความรู้สึกนี้ทำให้นางเต็มไปด้วยความตกใจ

แต่ก็รู้สึกมีความสุขและพึงพอใจไม่น้อย

หลังจากนั้นไม่นานหยุนเหยาก็รั้งสมาธิกลับมา

มุมปากเผยรอยยิ้มน้อยๆขึ้นและกล่าวกับจี้เทียนซิงว่า “หากเป็นเช่นนั้น เจ้าก็พักผ่อนและเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการจัดอันดับรายชื่อขั้นสวรรค์ในวันพรุ่งนี้เถอะ

ข้าจะไปรายงานท่านอาจารย์ให้ทราบเรื่อง”

จี้เทียนซิงยืนขึ้นและกำหมัดคารวะนางด้วยรอยยิ้มพลางพูดว่า

“รบกวนศิษย์พี่บอกต่อท่านอาจารย์ว่าข้าปลอดภัยดี”

“อืม”

หยุนเหยาพยักหน้าและเดินนำออกไป

จี้เทียนซิงส่งนางออกจากประตู

เฝ้ามองเงาร่างอรชรที่เดินลับตาไป จากนั้นก็กลับไปที่ห้อง

เวลาต่อมา

ไม่มีผู้ใดมารบกวนเขาที่ตำหนักเทียนซิงอีก

ตลอดหนึ่งเดือนเต็มเขาวิ่งวุ่นไปทั่ว

ประสบภยันตรายมากมายและเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายหลายครั้ง

เมื่อเขากลับไปที่ห้องก็หลับตานอนพักผ่อนบนเตียงเพื่อฟื้นฟูพลังกายให้เต็มที่

นับแต่ค่ำคืนนี้ไป

คลื่นใต้น้ำของนิกายพันธมิตรสวรรค์จะไม่สงบอีก

ข่าวที่จี้เทียนซิงกลับมาถึงนิกายได้แพร่กระจายออกไป

ก่อนหน้านี้มีศิษย์จำนวนนับไม่ถ้วนที่คิดว่าเขาหนีไปแล้ว

คนเหล่านั้นดูถูกเหยียดหยามและเยาะเย้ยไปจนถึงบุพการี

หลายๆคนคิดว่าเขาอาจจะเป็นตัวตลกที่สุดยอดที่สุดเท่าที่นิกายพันธมิตรสวรรค์เคยมีมา

แต่สิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึงก็คือ

เขากลับมานิกายก่อนวันจัดอันดับรายชื่อขั้นสวรรค์พอดี

ศิษย์สาวกนับไม่ถ้วนเต็มไปด้วยความประหลาดใจและตั้งหน้าตั้งตาเฝ้ารอดูการจัดอันดับรายชื่อขั้นสวรรค์ในวันพรุ่งนี้

ทุกคนแทบอดใจรอไม่ไหวที่จะได้เห็นผลลัพธ์ของการต่อสู้ระหว่างจี้เทียนซิงและไป๋หวู่เชิน  พวกเขาอยากรู้ว่าผลที่ออกมาจะเป็นเช่นไร