หนึ่งเดือนมิพบพาน
สะดุดตาเกินกล่าวขาน
หลังจากออกจากจัตุรัสกลาง
จี้เทียนซิงมุ่งหน้าตรงไปยังตำหนักเทียนซิง
ศิษย์รับใช้และสาวใช้สองคนที่อยู่ในลานบ้านกำลังซุบซิบไปพลางทำความสะอาดไปพลาง สีหน้าของพวกเขาดูหดหู่เล็กน้อย
เห็นได้ชัดว่าหนึ่งเดือนหลังจากจี้เทียนซิงหายไปจากนิกาย
มีข่าวลือเกิดขึ้นมากมายภายในนิกาย ซึ่งศิษย์รับใช้ทั้งสองคนและสาวใช้ต่างก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับจี้เทียนซิง พวกเขาถูกซักไซ้และเยาะเย้ยถากถางจากผู้คนอยู่ทุกวี่วัน
ทันทีที่จี้เทียนซิงก้าวเท้าเข้ามาในลานกว้าง
สองศิษย์รับใช้และสาวใช้เสี่ยวซวงต่างก็เห็นเขา ทั้งหมดหยุดการทำงานในทันที
หลังจากคืนสติกลับมา
สีหน้าของคนทั้งสามก็เผยให้เห็นถึงสีสันอันประหลาดใจ ปากตะโกนทักทายอย่างรวดเร็ว
“อ่า... ศิษย์พี่จี้ ท่านกลับมาแล้ว !”
“วิเศษเลย ! ศิษย์พี่จี้
ในที่สุดท่านก็กลับมา !”
“ศิษย์พี่จี้เจ้าค่ะ
เสี่ยวซวงจะรีบไปเตรียมน้ำมาให้ท่านทำความสะอาด…”
คนทั้งสามราวกับได้รับกระดูกสันหลังและหัวใจกลับคืนมา
จิตวิญญาณของพวกเขาคืนสู่ร่าง ท่วงท่ากลับกลายเป็นมั่นอกมั่นใจกว่าเดิม
หน้าเชิดหลังเหยียดตรง
จี้เทียนซิงพยักหน้าให้พวกเขาเล็กน้อย
จากนั้นก็กลับไปที่ห้องเพื่อเตรียมจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
เขานั่งอยู่ในห้องครู่หนึ่ง
สาวใช้เสี่ยวซวงก็เตรียมอ่างและน้ำร้อนเสร็จสิ้น
ทันทีที่ชายหนุ่มกำลังจะล้างหน้า
ก็ได้ยินเสียงกระซิบร้องเรียกของศิษย์รับใช้อยู่นอกประตูห้อง
“ศิษย์พี่จี้ขอรับ, ศิษย์พี่ไป๋มาหาท่าน
กำลังรออยู่หน้าประตูตำหนัก”
น้ำเสียงของศิษย์รับใช้ฟังดูแปลกๆเล็กน้อย
มันราวกับว่าเขาไม่ค่อยพอใจ ‘ศิษย์พี่ไป๋’ แต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดออกมา
จี้เทียนซิงขมวดคิ้วทันที
ดวงตาของเขาส่องประกายอย่างเกรี้ยวกราด
“เหอๆ ข้าเพิ่งกลับมาแท้ๆ
แต่มันกลับหูไวเพียงนี้เชียว ?”
เขาแสยะยิ้มในใจจากนั้นก็ก้าวเท้าเดินออกมาจากห้องไปที่ประตูตำหนัก
ไป๋หวู่เชินกำลังยืนไพล่หลังอยู่ด้านนอกของประตู
ท่วงท่าเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งจองหอง มุมปากประดับประดาไว้ด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน
แววตาที่มองดูจี้เทียนซิงเต็มไปด้วยท่าทีดูถูกเหยียดหยาม
เขาพูดขึ้นว่า “หึๆศิษย์น้องจี้หายหน้าหายตาไปร่วมเดือน ข้าคิดว่าเจ้าจะวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนด้วยความหวาดกลัว
กลับไปทำมาค้าขายที่บ้านเกิดจนไม่กล้ากลับมาเสียแล้ว !”
“จิ๊ๆ คุณชายจี้ผู้หล่อเหลา
ท่านคงต้องหวาดกลัวตัวไปซุกหัวในป่าเขามาร่วมเดือนเป็นแน่ถึงได้มีสารรูปเช่นนี้
มิฉะนั้นเหตุใดถึงได้มีสภาพราวกับขอทานเยี่ยงนี้เล่า ?”
จี้เทียนซิงหรี่ตามองอีกฝ่ายพลางกล่าวด้วยเสียงเย็นว่า
“มันก็แค่การประลอง ทำไมเจ้าถึงคิดว่าข้ากลัว ?”
“น้ำหน้าอย่างเจ้ายังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะอยู่ในสายตาข้า”
ไป๋หวู่เชินยิ้มเล็กน้อยและไม่โกรธเคืองเหมือนเคย
ราวกับว่าเขาไม่ได้ยินที่ชายหนุ่มพูด
จากนั้นกล่าวอย่างเย้ยหยันว่า “ศิษย์น้องจี้
เจ้ายังกล้ากลับมา ข้าทั้งตกใจและประหลาดใจยิ่งนัก เจ้าไม่ต้องกังวลไป
ในการจัดอันดับรายชื่อขั้นสวรรค์วันพรุ่งนี้เป็นการประลองต่อหน้าท่านประมุขและผู้อาวุโสมากมาย
ข้าจะไม่ทำให้เจ้าพ่ายแพ้อนาถเกินไปก็แล้วกัน !”
จี้เทียนซิงมองอีกฝ่ายด้วยหางตา
เขาเผยสีหน้าสงสารเวทนาพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยชาว่า “เห็นเจ้ายังงี่เง่าเหมือนเดิมข้าก็โล่งใจ”
ไป๋หวู่เชินขมวดคิ้ว
ดวงตากระพริบด้วยแสงเย็นเยือกแต่ก็รีบปกปิดในทันที
เขามีโทสะจริง
แต่ไม่คิดที่จะแสดงออกมาตอนนี้
นับตั้งแต่ที่เขาถูกเฉียนเยวี่ยก้นด่าสาปแช่ง
เขาก็ตั้งใจไว้แล้วว่าไม่ว่าจะโมโหเพียงใดก็จะไม่แสดงออกมาให้จี้เทียนซิงได้เห็น
“เอาเถอะ ศิษย์น้องจี้
พรุ่งนี้พบกันที่จัตุรัสฝ่ายใน หวังว่าเจ้าจะไม่หนี !”
“แค่เป็นศิษย์รับใช้ปีเดียว ประเดี๋ยวเจ้าก็คงคุ้นชินไปเอง
ฮ่าๆๆ”
ไป๋หวู่เชินแหงนหน้าหัวเราะเยาะหลังพูดจบ
จากนั้นเขาก็หันหลังเดินออกจากตำหนักเทียนซิง
จี้เทียนซิงส่ายหัวและเพิกเฉยต่อการเยาะเย้ยถากถางของอีกฝ่ายโดยสมบูรณ์
เขาหันหลังกลับเข้าบ้านไปจัดการธุระต่อ
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยามเขาก็ทำความสะอาดร่างกายเสร็จ
ผลัดเปลี่ยนเสื้อคลุมสีขาวตัวใหม่และฟื้นฟูรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลากลับมา
ในเวลานี้เองสตรีในชุดขาวที่เต็มไปด้วยความเย็นชานางหนึ่งก็มาถึงหน้าประตูตำหนักเทียนซิง
สาวใช้เสี่ยวซวงได้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายพลันโค้งคำนับด้วยความหวาดกลัว
สตรีในชุดขาวผู้นี้ก็คือหยุนเหยานั่นเอง
นางเดินผ่านลานบ้านภายใต้การนำทางของเสี่ยวซวงและเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น
เมื่อจี้เทียนซิงรับรู้ว่าหยุนเหยามาเยี่ยม
เขาจึงเดินไปที่ห้องนั่งเล่นและกล่าวทักทายนาง
หยุนเหยาหรี่ตามองอีกฝ่ายด้วยรูปลักษณ์ที่ซับซ้อนพลางกล่าวว่า
“ไม่ได้เจอเจ้าหนึ่งเดือนเต็ม
ในที่สุดเจ้าก็กลับมา”
“เวลานี้ทุกคนเป็นกังวลมากเกี่ยวกับเจ้า
เมื่อห้าวันก่อนท่านอาจารย์ยังได้ส่งคนออกไปตามหาเจ้าด้วยซ้ำ”
จี้เทียนซิงเดินมานั่งข้างๆนางและกล่าวว่า
“ขออภัย ข้าทำให้ทุกคนเป็นกังวลเสียแล้ว”
หยุนเหยาถามต่อไปว่า
“ฟังจากคำบอกเล่าของเหล่าศิษย์
เมื่อตอนที่เจ้ากลับมาเต็มไปด้วยฝุ่นและคราบสกปรกราวกับขอทาน
ทั่วร่างเต็มไปด้วยบาดแผลเหมือนเป็นกรงเล็บหมาป่า.....
แน่ใจนะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ?”
จี้เทียนซิงส่ายหัวและกล่าวอย่างเฉยชาว่า
“ข้าเพิ่งไปทำธุระส่วนตัวมา
แม้ว่าจะเปี่ยมไปด้วยอันตราย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่ต้องกังวล”
“อืม
เช่นนั้นก็ดี” หยุนเหยาพยักหน้าและมองหน้าอีกฝ่ายครู่หนึ่ง
ทันใดนั้นดวงตาคู่งามที่แจ่มใสของนางก็เปล่งประกายอย่างฉับพลัน
“ศิษย์น้องเทียนซิง นี่เจ้า....ตัดผ่านมาถึงขอบเขตปราณจิตขั้นห้าแล้วจริงๆ
?”
ความแข็งแกร่งของจี้เทียนซิงได้รับการปรับปรุงขนานใหญ่
และตัวอ่อนกระบี่ได้หลอมรวมกับพลังของเปลวอัคคีเข้าด้วยกันจนกลายเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เขารุดหน้า
แน่นอน
ยอดฝีมือในขอบเขตปราณจิตทั่วๆไปเช่นไป๋หวู่เชินย่อมไม่สามารถมองเห็นระดับความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ได้เลย
มีเพียงผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตปราณโอสถอย่างหยุนเหยาเท่านั้นที่สามารถมองออกได้
จี้เทียนซิงไม่คิดปิดบังนาง
เขาพยักหน้าตอบอย่างเฉยเมย “ถูกต้อง”
“ข้าไม่ได้พบเจ้าเดือนเดียวแต่พลังยุทธ์ของเจ้ากลับรุดหน้าถึงสามขั้น
นับว่ายอดเยี่ยมมาก”
ดวงหน้างามของหยุนเหยาเผยให้เห็นอาการตกใจและประหลาดใจ ดวงตาของนางจับจ้องมองไปที่จี้เทียนซิง
ความคิดย้อนกลับไปเมื่อหลายเดือนก่อน
นางยังจำฉากนั้นได้ดี
ครั้งแรกที่นางพบจี้เทียนซิงในรัฐนภากระจ่าง ในตอนแรกชายหนุ่มเป็นเพียงสวะพิการไร้ค่าที่มีพลังเทียบเท่าสามัญชนในขอบเขตปรับแต่งกายาขั้นที่สามเท่านั้น
ซึ่งนับว่าอ่อนแอสุดขีด
ในเวลาเพียงหนึ่งเดือนเขาก็มาถึงขอบเขตปราณแท้และได้อันดับหนึ่งในการคัดเลือกศิษย์ใหม่เข้านิกาย
ความเร็วในการพัฒนาความแข็งแกร่งของเขานั้นยอดเยี่ยมมาก เมื่อย้อนกลับไปในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา หยุนเหยาค้นพบว่าชายหนุ่มผู้นี้แข็งแกร่งและเติบโตอย่างรวดเร็วโดยไร้ที่มาที่ไป
ยิ่งนางอยู่ใกล้จี้เทียนซิงมากเท่าไหร่
ยิ่งนางรู้เรื่องของเขามากเพียงใด
สุดท้ายมันกลับทำให้นางรู้สึกเหมือนมองเขาไม่ออกมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
ความรู้สึกนี้ทำให้นางเต็มไปด้วยความตกใจ
แต่ก็รู้สึกมีความสุขและพึงพอใจไม่น้อย
หลังจากนั้นไม่นานหยุนเหยาก็รั้งสมาธิกลับมา
มุมปากเผยรอยยิ้มน้อยๆขึ้นและกล่าวกับจี้เทียนซิงว่า “หากเป็นเช่นนั้น เจ้าก็พักผ่อนและเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการจัดอันดับรายชื่อขั้นสวรรค์ในวันพรุ่งนี้เถอะ
ข้าจะไปรายงานท่านอาจารย์ให้ทราบเรื่อง”
จี้เทียนซิงยืนขึ้นและกำหมัดคารวะนางด้วยรอยยิ้มพลางพูดว่า
“รบกวนศิษย์พี่บอกต่อท่านอาจารย์ว่าข้าปลอดภัยดี”
“อืม”
หยุนเหยาพยักหน้าและเดินนำออกไป
จี้เทียนซิงส่งนางออกจากประตู
เฝ้ามองเงาร่างอรชรที่เดินลับตาไป จากนั้นก็กลับไปที่ห้อง
เวลาต่อมา
ไม่มีผู้ใดมารบกวนเขาที่ตำหนักเทียนซิงอีก
ตลอดหนึ่งเดือนเต็มเขาวิ่งวุ่นไปทั่ว
ประสบภยันตรายมากมายและเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายหลายครั้ง
เมื่อเขากลับไปที่ห้องก็หลับตานอนพักผ่อนบนเตียงเพื่อฟื้นฟูพลังกายให้เต็มที่
นับแต่ค่ำคืนนี้ไป
คลื่นใต้น้ำของนิกายพันธมิตรสวรรค์จะไม่สงบอีก
ข่าวที่จี้เทียนซิงกลับมาถึงนิกายได้แพร่กระจายออกไป
ก่อนหน้านี้มีศิษย์จำนวนนับไม่ถ้วนที่คิดว่าเขาหนีไปแล้ว
คนเหล่านั้นดูถูกเหยียดหยามและเยาะเย้ยไปจนถึงบุพการี
หลายๆคนคิดว่าเขาอาจจะเป็นตัวตลกที่สุดยอดที่สุดเท่าที่นิกายพันธมิตรสวรรค์เคยมีมา
แต่สิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึงก็คือ
เขากลับมานิกายก่อนวันจัดอันดับรายชื่อขั้นสวรรค์พอดี
ศิษย์สาวกนับไม่ถ้วนเต็มไปด้วยความประหลาดใจและตั้งหน้าตั้งตาเฝ้ารอดูการจัดอันดับรายชื่อขั้นสวรรค์ในวันพรุ่งนี้
ทุกคนแทบอดใจรอไม่ไหวที่จะได้เห็นผลลัพธ์ของการต่อสู้ระหว่างจี้เทียนซิงและไป๋หวู่เชิน พวกเขาอยากรู้ว่าผลที่ออกมาจะเป็นเช่นไร
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved