ตอนที่ 316 ภารกิจลับของนิกายกระบี่ฟ้า

โลงหยกวิญญาณและป้ายยืนยันในการเข้าสู่หอคอยเจ็ดดาวล้วนอยู่ในมือของจี้เทียนซิงครบถ้วน

จากนั้นสิ่งที่มันต้องทำก็คือรอและเตรียมตัวให้พร้อม

หลังกลับมาที่ลานเทียนซิง ชายหนุ่มไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่น้อย

คนมุ่งหน้าเข้าห้องลับเพื่อปิดด่านบ่มเพาะความแข็งแกร่งโดยเร่งด่วน

เมื่อหอคอยเจ็ดดาวของปีนี้เปิดขึ้น

มันจะต้องเข้าไปในนั้นและผ่านไปถึงชั้นบนสุดให้จงได้

ในเวลานั้นมันจะต้องเผชิญหน้ากับอันตรายและการทดสอบต่างๆอีกมากมาย

ยังไม่นับเรื่องที่ต้องเผชิญหน้ากับเหล่าศิษย์ระดับสูงของแต่ละนิกายอีกด้วย

มันจะต้องพัฒนาและยกระดับความแข็งแกร่งให้ได้มากที่สุด

เพื่อช่วยชีวิตจี้เค่อ มันจะต้องทำให้สำเร็จ

ล้มเหลวไม่ได้เป็นอันขาด !

ในไม่ช้าจี้เทียนซิงก็สงบใจลงและเข้าสู่สถานะบ่มเพาะ

ตอนนี้มันได้มาถึงขอบเขตปราณจิตขั้นที่ห้า

เส้นชีพจรกระบี่เส้นที่ห้าก็ได้ถูกบรรเทาโดยสมบูรณ์แล้ว

มันใช้พลังธาตุทอง พลังลมปราณและหยิบยืมพลังของอัคคีสีชาดเพื่อเริ่มกระบวนการบรรเทาจุดฝังเข็มที่สอง

กระบวนการนี้เป็นไปอย่างเชื่องช้ามาก

สืบเนื่องจากเมื่อความแข็งแกร่งและระดับพลังของมันสูงขึ้น

ความเร็วในการบ่มเพาะพลังก็จะช้าลงและช้าลง

..........

ณ พื้นที่แห่งหนึ่งของนิกายกระบี่ฟ้า, ยอดเขากระบี่ศักดิ์สิทธิ์

ภายในห้องลับที่มีเพียงแสงสลัวแต่เต็มไปด้วยรัศมีพลัง

เทียนเจี้ยนจง(ประมุขนิกายกระบี่ฟ้า)กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้หยกตัวหนึ่ง

เบื้องหน้าของมันยืนหยัดอยู่ด้วยชายหนุ่มในชุดขาวผู้หนึ่ง

ชายหนุ่มผู้นี้อายุประมาณยี่สิบหกปี

ร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและมั่นใจ

มันคือศิษย์สายตรงของเทียนเจี้ยนจง, ซื่อเหวินหยู

ซื่อเหวินหยูคำนับเทียนเจี้ยนจงและถามด้วยความเคารพว่า "คารวะท่านอาจารย์  ท่านเรียกหาศิษย์ด้วยเรื่องอันใดหรือขอรับ ?"

เทียนเจี้ยนจงพยักหน้าเล็กน้อยและถามว่า "เหวินหยู

อีกไม่กี่วันหอคอยเจ็ดดาวจะเปิดขึ้นอีกครั้ง เจ้าพร้อมหรือยัง ?"

ซื่อเหวินหยูแสดงรอยยิ้มที่มีความมั่นใจและประสานมือกล่าวอย่างรวดเร็วว่า

"เรียนท่านอาจารย์

ถึงแม้ศิษย์จะล้มเหลวมาก่อน แต่ปีนี้ศิษย์ได้ทะลวงด่านในวิถีกระบี่

ทำให้พลังของศิษย์เพิ่มขึ้นมากมายนัก"

"ครั้งนี้ศิษย์มั่นใจมากในการทะลวงผ่านชั้นที่เจ็ด

และจะกลายเป็นคนที่สองที่ปีนไปถึงยอดหอคอยเจ็ดดาวหลังหยุนเหยา !"

เมื่อเห็นซื่อเหวินหยูเต็มไปด้วยความมั่นใจ

เทียนเจี้ยนจงก็เผยรอยยิ้มโล่งอก

มันพยักหน้าให้กำลังใจอีกฝ่ายพลางกล่าวว่า “เหวินหยู เห็นเจ้ามั่นใจเพียงนี้ก็นับว่าดีเยี่ยม

ในฐานะอาจารย์ข้าก็หวังว่าเจ้าจะคว้าเกียรติยศนี้มาสู่นิกายเราได้  ให้นิกายอื่นได้แหงนหน้ามองดูความแข็งแกร่งของนิกายเรา”

ซื่อเหวินหยูกำหมัดแน่นและกล่าวอย่างมั่นใจ “ศิษย์จะพยายามเต็มที่และไม่ทำให้ท่านอาจารย์ต้องผิดหวัง

!”

"ดี !

เทียนเจี้ยนจงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า

"อย่างไรก็ตาม

มีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งที่ทำให้ข้าต้องเรียกเจ้ามาพบในวันนี้”

ซื่อเหวินหยูเห็นอีกฝ่ายมีสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง

มันคิดในใจว่าเรื่องนี้ต้องมีความสำคัญมาก

พลันเหยียดตัวตรงกล่าวว่า “ขอท่านอาจารย์โปรดบอก”

เทียนเจี้ยนจงกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า

“บนยอดหอคอยเจ็ดดาวมีสมบัติฟ้าดินเป็นจำนวนมาก

หนึ่งในนั้นเรียกว่าหินวิญญาณโป๋จิง"

"ของสิ่งนี้สำคัญมากสำหรับพวกเรา

มันสำคัญถึงขั้นทำให้นิกายเรารุ่งเรืองขึ้นได้

หลังจากเจ้าขึ้นไปถึงชั้นบนสุดของหอคอยเจ็ดดาว

จงค้นหามันและนำมันกลับมาให้จงได้ !”

หลังจากฟังคำกล่าวของเทียนเจี้ยนจง

ซื่อเหวินหยูพลันขมวดคิ้วและถามด้วยความสงสัยว่า “ท่านอาจารย์

ในเมื่อหินวิญญาณโป๋จิงสำคัญเยี่ยงนี้ หยุนเหยาสมควรแย่งชิงไปจากข้าเป็นแน่"

"นอกจากนี้......

นางก็เข้าหอคอยเจ็ดดาวและไปถึงชั้นเจ็ดมาแล้วหลายครั้ง

มิใช่ว่านางนำมันกลับนิกายพันธมิตรสวรรค์ไปแล้วหรือขอรับ ?”

เทียนเจี้ยนจงแสยะยิ้มด้วยสีหน้าขี้เล่น  กล่าวอย่างผ่อนคลายต่อไปว่า “แน่นอนว่าไม่

หยุนเหยาไม่มีทางกล้านำของสิ่งนั้นออกไปแน่นอน !”

"หินวิญญาณโป๋จิงอยู่ในค่ายกลเจ็ดดาว

มันไม่เพียงซ่อนอยู่เท่านั้น แต่มันคือแกนกลางของค่ายกลเจ็ดดาว"

"เมื่อเจ้านำหินวิญญาณโป๋จิงออกไป

ค่ายกลเจ็ดดาวจะพังทลาย และหอคอยเจ็ดดาวก็จะล่มสลายหรือไม่ก็พังพินาศตามไปด้วย"

ทันใดนั้นซื่อเหวินหยูก็เผยสีหน้าตกตะลึง

มันคาดไม่ถึงว่าภารกิจที่เทียนเจี้ยนจงมอบหมายให้มันจะเป็นเรื่องน่าแตกตื่นเพียงนี้

เทียนเจี้ยนจงกล่าวต่อว่า “เหวินหยู เจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการกระทำนี้

เพียงทำตามคำสั่งอาจารย์ก็พอ"

"จดจำไว้

หลังจากเจ้านำหินวิญญาณโป๋จิงออกมา หอคอยเจ็ดดาวจะเสียหายพังทลาย

เจ้าผลักเรื่องนี้ไปให้หยุนเหยาซะ"

"ในช่วงหลายปีที่ผ่านไม่เคยมีใครขึ้นไปถึงชั้นเจ็ดได้นอกจากหยุนเหยา

หากเจ้าโยนความผิดไปให้นาง ทุกนิกายย่อมเชื่อคำพูดเจ้า"

ซื่อเหวิ่นหยูมีสีหน้าจริงจัง

มันพยักหน้าและประสานมือกล่าวว่า “ศิษย์เข้าใจแล้ว

และจะทำตามคำสั่งของท่านอาจารย์ขอรับ !"

"ดี เจ้ากลับไปเตรียมตัวได้” เทียนเจี้ยนจงพยักหน้าด้วยความพอใจ

ซื่อเหวินหยูโค้งคำนับและออกจากห้องลับไป

............

เจ็ดวันผ่านไป

จี้เทียนซิงปิดด่านบ่มเพาะอย่างหนักมาตลอดเจ็ดวัน

จนในที่สุดก็สามารถบรรเทาจุดฝังเข็มสำเร็จอีกสองจุด

ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นไม่น้อย

เย็นวันนั้นเขาสิ้นสุดการบ่มเพาะและเดินออกจากห้องลับ

ไม่นานหลังจากนั้น

สาวใช้เสี่ยวซวงก็มารายงานว่า

“ศิษย์พี่จี้เจ้าคะ

เมื่อช่วงบ่ายศิษย์พี่ซูฉินมาแจ้งข่าวว่า ทุกอย่างพร้อมแล้ว"

จี้เทียนซิงได้ยินข่าวนี้ก็เข้าใจทันทีว่าอาวุโสเหยาได้เตรียมการพร้อมสรรพแล้ว

เขารีบออกจากลานเทียนซิงและมุ่งไปที่หอวิญญาณโอสถเพื่อไปพบอาวุโสเหยา

เมื่อเขามาถึงก็พบว่าอีกฝ่ายยังคงอยู่ในห้องลับ

จี้เค่อนอนหลับใหลไม่ได้สติอยู่บนหยกวิญญาณและรายล้อมไปด้วยไอสีฟ้าจางๆ

ดูสงบราบเรียบ

ถึงแม้นางจะอยู่ในอาการสาหัสและไม่รู้สึกตัว

แต่ปากก็ยังคงพร่ำเพ้อร้องเรียก “พี่ใหญ่เทียนซิง” อยู่บ่อยครั้ง

เมื่อเห็นนางในลักษณะนี้ จี้เทียนซิงก็รู้สึกเจ็บปวดและเสียใจ

เขายิ่งมีความมุ่งมั่นมากขึ้นที่จะช่วยนางให้หายดี !

สีหน้าของผู้อาวุโสเหยาดูซีดเซียวและอ่อนล้า

แต่ภายในดวงตากลับทอประกายโล่งใจ

"เทียนซิง ข้าช่วยจี้เค่อปรับสภาพร่างกายและยับยั้งพลังแปลกแยกขุมนั้นไว้ชั่วคราวได้สำเร็จ"

"จากนั้นเราจะนำร่างของนางไว้ในโลงหยกวิญญาณ

พรุ่งนี้เช้าเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้วก็ออกเดินทางได้เลย"

"ขอบคุณผู้อาวุโสเหยามากขอรับที่ช่วยเหลือ”

จี้เทียนซิงโค้งคารวะอีกฝ่ายด้วยความจริงใจ

อาวุโสเหยาโบกมือและเผยรอยยิ้มอย่างขมขื่นพลางกล่าวว่า

“เจ้าจะขอบคุณข้าหาพระแสงอันใด

? ข้าเป็นอาจารย์นาง

ข้าช่วยนางเต็มที่ก็เป็นเรื่องสมควรอยู่แล้ว”

จี้เทียนซิงยิ้มเล็กน้อยและไม่กล่าวอะไร

เขาปะทุพลังลมปราณเพื่อเรียกโลงหยกวิญญาณให้ออกมา

"ฟุ่บ !"

ในพริบตาเดียวกล่องหยกขนาดเท่าหัวแม่มือก็ปรากฏขึ้น

ชายหนุ่มร่ายเคล็ดวิชาเพื่อทำให้กล่องหยกขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆและในที่สุดมันก็กลายเป็นโลงหยกที่มีความยาวห้าเมตร

กว้างสามเมตร

โลงนี้ราวกับมีชีวิตเป็นของมันเอง  มันปลดปล่อยกลิ่นไอและรัศมีพลังมหาศาลออกมา

เห็นได้ชัดว่ามันเป็นสมบัติล้ำค่าเพียงใด

ภายใต้การแนะนำของอาวุโสเหยา

จี้เทียนซิงค่อยๆช้อนร่างของจี้เค่อขึ้นเบาๆและวางไว้ในโลงหยกวิญญาณอย่างระมัดระวัง

เมื่อจี้เค่อนอนลงเรียบร้อย

โลงหยกวิญญาณก็ปลดปล่อยพลังวิญญาณไร้สภาพสายหนึ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง

มันวนเวียนอยู่รอบๆและปกป้องนางอย่างใกล้ชิด

จากนั้นจี้เทียนซิงก็ใช้วิถีพิเศษที่ฉู่เทียนเซิงถ่ายทอดให้

ลดขนาดของโลงจนเหลือเท่าหัวแม่มือ จากนั้นก็นำไปเก็บไว้ในแหวนมิติ

เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว

ก็เหลือเพียงเดินทางไปยังหอคอยเจ็ดดาวในวันพรุ่งนี้