โลงหยกวิญญาณและป้ายยืนยันในการเข้าสู่หอคอยเจ็ดดาวล้วนอยู่ในมือของจี้เทียนซิงครบถ้วน
จากนั้นสิ่งที่มันต้องทำก็คือรอและเตรียมตัวให้พร้อม
หลังกลับมาที่ลานเทียนซิง ชายหนุ่มไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่น้อย
คนมุ่งหน้าเข้าห้องลับเพื่อปิดด่านบ่มเพาะความแข็งแกร่งโดยเร่งด่วน
เมื่อหอคอยเจ็ดดาวของปีนี้เปิดขึ้น
มันจะต้องเข้าไปในนั้นและผ่านไปถึงชั้นบนสุดให้จงได้
ในเวลานั้นมันจะต้องเผชิญหน้ากับอันตรายและการทดสอบต่างๆอีกมากมาย
ยังไม่นับเรื่องที่ต้องเผชิญหน้ากับเหล่าศิษย์ระดับสูงของแต่ละนิกายอีกด้วย
มันจะต้องพัฒนาและยกระดับความแข็งแกร่งให้ได้มากที่สุด
เพื่อช่วยชีวิตจี้เค่อ มันจะต้องทำให้สำเร็จ
ล้มเหลวไม่ได้เป็นอันขาด !
ในไม่ช้าจี้เทียนซิงก็สงบใจลงและเข้าสู่สถานะบ่มเพาะ
ตอนนี้มันได้มาถึงขอบเขตปราณจิตขั้นที่ห้า
เส้นชีพจรกระบี่เส้นที่ห้าก็ได้ถูกบรรเทาโดยสมบูรณ์แล้ว
มันใช้พลังธาตุทอง พลังลมปราณและหยิบยืมพลังของอัคคีสีชาดเพื่อเริ่มกระบวนการบรรเทาจุดฝังเข็มที่สอง
กระบวนการนี้เป็นไปอย่างเชื่องช้ามาก
สืบเนื่องจากเมื่อความแข็งแกร่งและระดับพลังของมันสูงขึ้น
ความเร็วในการบ่มเพาะพลังก็จะช้าลงและช้าลง
..........
ณ พื้นที่แห่งหนึ่งของนิกายกระบี่ฟ้า, ยอดเขากระบี่ศักดิ์สิทธิ์
ภายในห้องลับที่มีเพียงแสงสลัวแต่เต็มไปด้วยรัศมีพลัง
เทียนเจี้ยนจง(ประมุขนิกายกระบี่ฟ้า)กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้หยกตัวหนึ่ง
เบื้องหน้าของมันยืนหยัดอยู่ด้วยชายหนุ่มในชุดขาวผู้หนึ่ง
ชายหนุ่มผู้นี้อายุประมาณยี่สิบหกปี
ร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและมั่นใจ
มันคือศิษย์สายตรงของเทียนเจี้ยนจง, ซื่อเหวินหยู
ซื่อเหวินหยูคำนับเทียนเจี้ยนจงและถามด้วยความเคารพว่า "คารวะท่านอาจารย์ ท่านเรียกหาศิษย์ด้วยเรื่องอันใดหรือขอรับ ?"
เทียนเจี้ยนจงพยักหน้าเล็กน้อยและถามว่า "เหวินหยู
อีกไม่กี่วันหอคอยเจ็ดดาวจะเปิดขึ้นอีกครั้ง เจ้าพร้อมหรือยัง ?"
ซื่อเหวินหยูแสดงรอยยิ้มที่มีความมั่นใจและประสานมือกล่าวอย่างรวดเร็วว่า
"เรียนท่านอาจารย์
ถึงแม้ศิษย์จะล้มเหลวมาก่อน แต่ปีนี้ศิษย์ได้ทะลวงด่านในวิถีกระบี่
ทำให้พลังของศิษย์เพิ่มขึ้นมากมายนัก"
"ครั้งนี้ศิษย์มั่นใจมากในการทะลวงผ่านชั้นที่เจ็ด
และจะกลายเป็นคนที่สองที่ปีนไปถึงยอดหอคอยเจ็ดดาวหลังหยุนเหยา !"
เมื่อเห็นซื่อเหวินหยูเต็มไปด้วยความมั่นใจ
เทียนเจี้ยนจงก็เผยรอยยิ้มโล่งอก
มันพยักหน้าให้กำลังใจอีกฝ่ายพลางกล่าวว่า “เหวินหยู เห็นเจ้ามั่นใจเพียงนี้ก็นับว่าดีเยี่ยม
ในฐานะอาจารย์ข้าก็หวังว่าเจ้าจะคว้าเกียรติยศนี้มาสู่นิกายเราได้ ให้นิกายอื่นได้แหงนหน้ามองดูความแข็งแกร่งของนิกายเรา”
ซื่อเหวินหยูกำหมัดแน่นและกล่าวอย่างมั่นใจ “ศิษย์จะพยายามเต็มที่และไม่ทำให้ท่านอาจารย์ต้องผิดหวัง
!”
"ดี !
เทียนเจี้ยนจงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า
"อย่างไรก็ตาม
มีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งที่ทำให้ข้าต้องเรียกเจ้ามาพบในวันนี้”
ซื่อเหวินหยูเห็นอีกฝ่ายมีสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง
มันคิดในใจว่าเรื่องนี้ต้องมีความสำคัญมาก
พลันเหยียดตัวตรงกล่าวว่า “ขอท่านอาจารย์โปรดบอก”
เทียนเจี้ยนจงกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า
“บนยอดหอคอยเจ็ดดาวมีสมบัติฟ้าดินเป็นจำนวนมาก
หนึ่งในนั้นเรียกว่าหินวิญญาณโป๋จิง"
"ของสิ่งนี้สำคัญมากสำหรับพวกเรา
มันสำคัญถึงขั้นทำให้นิกายเรารุ่งเรืองขึ้นได้
หลังจากเจ้าขึ้นไปถึงชั้นบนสุดของหอคอยเจ็ดดาว
จงค้นหามันและนำมันกลับมาให้จงได้ !”
หลังจากฟังคำกล่าวของเทียนเจี้ยนจง
ซื่อเหวินหยูพลันขมวดคิ้วและถามด้วยความสงสัยว่า “ท่านอาจารย์
ในเมื่อหินวิญญาณโป๋จิงสำคัญเยี่ยงนี้ หยุนเหยาสมควรแย่งชิงไปจากข้าเป็นแน่"
"นอกจากนี้......
นางก็เข้าหอคอยเจ็ดดาวและไปถึงชั้นเจ็ดมาแล้วหลายครั้ง
มิใช่ว่านางนำมันกลับนิกายพันธมิตรสวรรค์ไปแล้วหรือขอรับ ?”
เทียนเจี้ยนจงแสยะยิ้มด้วยสีหน้าขี้เล่น กล่าวอย่างผ่อนคลายต่อไปว่า “แน่นอนว่าไม่
หยุนเหยาไม่มีทางกล้านำของสิ่งนั้นออกไปแน่นอน !”
"หินวิญญาณโป๋จิงอยู่ในค่ายกลเจ็ดดาว
มันไม่เพียงซ่อนอยู่เท่านั้น แต่มันคือแกนกลางของค่ายกลเจ็ดดาว"
"เมื่อเจ้านำหินวิญญาณโป๋จิงออกไป
ค่ายกลเจ็ดดาวจะพังทลาย และหอคอยเจ็ดดาวก็จะล่มสลายหรือไม่ก็พังพินาศตามไปด้วย"
ทันใดนั้นซื่อเหวินหยูก็เผยสีหน้าตกตะลึง
มันคาดไม่ถึงว่าภารกิจที่เทียนเจี้ยนจงมอบหมายให้มันจะเป็นเรื่องน่าแตกตื่นเพียงนี้
เทียนเจี้ยนจงกล่าวต่อว่า “เหวินหยู เจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการกระทำนี้
เพียงทำตามคำสั่งอาจารย์ก็พอ"
"จดจำไว้
หลังจากเจ้านำหินวิญญาณโป๋จิงออกมา หอคอยเจ็ดดาวจะเสียหายพังทลาย
เจ้าผลักเรื่องนี้ไปให้หยุนเหยาซะ"
"ในช่วงหลายปีที่ผ่านไม่เคยมีใครขึ้นไปถึงชั้นเจ็ดได้นอกจากหยุนเหยา
หากเจ้าโยนความผิดไปให้นาง ทุกนิกายย่อมเชื่อคำพูดเจ้า"
ซื่อเหวิ่นหยูมีสีหน้าจริงจัง
มันพยักหน้าและประสานมือกล่าวว่า “ศิษย์เข้าใจแล้ว
และจะทำตามคำสั่งของท่านอาจารย์ขอรับ !"
"ดี เจ้ากลับไปเตรียมตัวได้” เทียนเจี้ยนจงพยักหน้าด้วยความพอใจ
ซื่อเหวินหยูโค้งคำนับและออกจากห้องลับไป
............
เจ็ดวันผ่านไป
จี้เทียนซิงปิดด่านบ่มเพาะอย่างหนักมาตลอดเจ็ดวัน
จนในที่สุดก็สามารถบรรเทาจุดฝังเข็มสำเร็จอีกสองจุด
ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นไม่น้อย
เย็นวันนั้นเขาสิ้นสุดการบ่มเพาะและเดินออกจากห้องลับ
ไม่นานหลังจากนั้น
สาวใช้เสี่ยวซวงก็มารายงานว่า
“ศิษย์พี่จี้เจ้าคะ
เมื่อช่วงบ่ายศิษย์พี่ซูฉินมาแจ้งข่าวว่า ทุกอย่างพร้อมแล้ว"
จี้เทียนซิงได้ยินข่าวนี้ก็เข้าใจทันทีว่าอาวุโสเหยาได้เตรียมการพร้อมสรรพแล้ว
เขารีบออกจากลานเทียนซิงและมุ่งไปที่หอวิญญาณโอสถเพื่อไปพบอาวุโสเหยา
เมื่อเขามาถึงก็พบว่าอีกฝ่ายยังคงอยู่ในห้องลับ
จี้เค่อนอนหลับใหลไม่ได้สติอยู่บนหยกวิญญาณและรายล้อมไปด้วยไอสีฟ้าจางๆ
ดูสงบราบเรียบ
ถึงแม้นางจะอยู่ในอาการสาหัสและไม่รู้สึกตัว
แต่ปากก็ยังคงพร่ำเพ้อร้องเรียก “พี่ใหญ่เทียนซิง” อยู่บ่อยครั้ง
เมื่อเห็นนางในลักษณะนี้ จี้เทียนซิงก็รู้สึกเจ็บปวดและเสียใจ
เขายิ่งมีความมุ่งมั่นมากขึ้นที่จะช่วยนางให้หายดี !
สีหน้าของผู้อาวุโสเหยาดูซีดเซียวและอ่อนล้า
แต่ภายในดวงตากลับทอประกายโล่งใจ
"เทียนซิง ข้าช่วยจี้เค่อปรับสภาพร่างกายและยับยั้งพลังแปลกแยกขุมนั้นไว้ชั่วคราวได้สำเร็จ"
"จากนั้นเราจะนำร่างของนางไว้ในโลงหยกวิญญาณ
พรุ่งนี้เช้าเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้วก็ออกเดินทางได้เลย"
"ขอบคุณผู้อาวุโสเหยามากขอรับที่ช่วยเหลือ”
จี้เทียนซิงโค้งคารวะอีกฝ่ายด้วยความจริงใจ
อาวุโสเหยาโบกมือและเผยรอยยิ้มอย่างขมขื่นพลางกล่าวว่า
“เจ้าจะขอบคุณข้าหาพระแสงอันใด
? ข้าเป็นอาจารย์นาง
ข้าช่วยนางเต็มที่ก็เป็นเรื่องสมควรอยู่แล้ว”
จี้เทียนซิงยิ้มเล็กน้อยและไม่กล่าวอะไร
เขาปะทุพลังลมปราณเพื่อเรียกโลงหยกวิญญาณให้ออกมา
"ฟุ่บ !"
ในพริบตาเดียวกล่องหยกขนาดเท่าหัวแม่มือก็ปรากฏขึ้น
ชายหนุ่มร่ายเคล็ดวิชาเพื่อทำให้กล่องหยกขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆและในที่สุดมันก็กลายเป็นโลงหยกที่มีความยาวห้าเมตร
กว้างสามเมตร
โลงนี้ราวกับมีชีวิตเป็นของมันเอง มันปลดปล่อยกลิ่นไอและรัศมีพลังมหาศาลออกมา
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นสมบัติล้ำค่าเพียงใด
ภายใต้การแนะนำของอาวุโสเหยา
จี้เทียนซิงค่อยๆช้อนร่างของจี้เค่อขึ้นเบาๆและวางไว้ในโลงหยกวิญญาณอย่างระมัดระวัง
เมื่อจี้เค่อนอนลงเรียบร้อย
โลงหยกวิญญาณก็ปลดปล่อยพลังวิญญาณไร้สภาพสายหนึ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง
มันวนเวียนอยู่รอบๆและปกป้องนางอย่างใกล้ชิด
จากนั้นจี้เทียนซิงก็ใช้วิถีพิเศษที่ฉู่เทียนเซิงถ่ายทอดให้
ลดขนาดของโลงจนเหลือเท่าหัวแม่มือ จากนั้นก็นำไปเก็บไว้ในแหวนมิติ
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว
ก็เหลือเพียงเดินทางไปยังหอคอยเจ็ดดาวในวันพรุ่งนี้
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved