ชีพจรกระบี่โลหิต
- สายเลือดกระบี่ยุทธ์
ยอดเขาเมฆาสีชาด, นิกายพันธมิตรสวรรค์
ยามเช้าตรู่
ฉู่เทียนเซิงประมุขนิกายและเหล่าผู้อาวุโสมารวมกันในห้องโถงใหญ่
ฉู่เทียนเซิงนั่งอยู่บนบัลลังก์แรกและกำลังรับฟังการรายงานของเหล่าอาวุโสในท่วงท่างามสง่า
หลังจากฟังรายงานของเหล่าผู้อาวุโสเสร็จสมบูรณ์แล้วเขาก็ออกความเห็นที่สอดคล้องและออกคำสั่งเพิ่มเติมไปอีกหลายประการ
มันใช้เวลาไม่นานสำหรับการประชุมเช้าตรู่
จากนั้นเหล่าผู้อาวุโสก็ทยอยอำลาจากไป เหลือแต่เพียงอาวุโสชูไฮว่ซานของฝ่ายนอกเพียงผู้เดียว
ฉู่เทียนเซิงจ้องมองไปยังชูไฮว่ซานและถามว่า
“อาวุโสชู เหลือท่านเพียงผู้เดียวแล้ว
มีเรื่องอะไรจะพูดกับข้าหรือไม่ ?”
ชูไฮว่ซานประสานมือคารวะและพยักหน้าพลางกล่าวว่า
“มีเรื่องสำคัญที่ข้ารอรายงานต่อท่านประมุขขอรับ”
“เช้าวันนี้ผู้ดูแลเหล่าศิษย์ฝ่ายนอกของนิกายกระบี่ฟ้าได้มาถึงนิกายเราพร้อมกับศิษย์อัจฉริยะสามคน
พวกข้าได้เตรียมที่พักให้พวกเขาไว้ที่หอฉิงซ่ง”
ฉู่เทียนเซิงเลิกคิ้วขึ้นและผงกศีรษะ
“อืม ก็ดี, อาวุโสชู
ท่านมีหน้าที่รับผิดชอบดูแลแขกเหรื่อเหล่านั้นและสร้างความบันเทิงให้พวกเขา
พวกเขาอยากได้อะไรก็จัดหาให้ซะ
อย่าได้ทำให้ชื่อเสียงของนิกายพันธมิตรสวรรค์เราต้องมัวหมอง”
“นอกจากนี้ ส่งคนคอยจับตาดูพวกเขาไว้ด้วย
อย่าปล่อยให้พวกเขาสร้างปัญหาความเดือดร้อน”
“ทราบแล้วท่านประมุข !”
ชูไฮว่ซานกำหมัดรับคำสั่ง หลังจากเผยสีหน้าลังเลเล็กน้อยก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า
“ท่านประมุข ข้าน้อยขออนุญาตเรียนถาม นิกายกระบี่ฟ้ารีบร้อนส่งศิษย์เข้ามาในนิกายเราเช่นนี้
เห็นได้ชัดว่าไม่มีเจตนาดีเป็นแน่
ทำไมท่านประมุขถึงได้ตอบรับคำท้าของพวกเขาละขอรับ ?”
มุมปากของฉู่เทียนเซิงเชิดขึ้นด้วยรอยยิ้มอันพึงพอใจและกล่าวด้วยน้ำเสียงผ่าเผย
“นิกายของเรามีข้อตกลงกับนิกายกระบี่ฟ้ามานานนับร้อยปี
แน่นอน เหล่าประมุขรุ่นก่อนๆรวมถึงข้าย่อมรู้ดีว่าความทะเยอทะยานของพวกเขาไม่ใช่น้อยๆแถมยังมีแผนการบางอย่าง”
“แต่วันนี้ต่างออกไป ในช่วงสามปีที่ผ่านมานิกายกระบี่ฟ้าได้ครอบครองภูเขามังกรและขุดค้นทรัพยากรบ่มเพาะได้เป็นจำนวนมากจนพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว”
“ผู้คนของนิกายกระบี่ฟ้าได้ไปยังอาณาจักรหยงอันเพื่อเลือกเฟ้นยอดอัจฉริยะจากทั่วทั้งอาณาจักร
ซึ่งผลที่ได้รับก็ค่อนข้างคุ้มค่า
มีข่าวลือว่าพวกเขาพบรุ่นเยาว์อัจฉริยะมากพรสวรรค์หลายคนในปีนี้”
“ดังนั้น
ในเมื่อนิกายกระบี่ฟ้าส่งศิษย์ใหม่มาคิดหมายจะอวดเบ่งพลังยุทธ์ เช่นนั้นข้าก็จะวัดกับพวกเขาด้วยศักยภาพเหล่าศิษย์ใหม่ของนิกายเราในปีนี้เช่นกัน
! ให้ข้าชมเป็นขวัญตาหน่อยเถิดว่าศิษย์ใหม่ฝั่งไหนมันจะแน่กว่ากัน
ถึงแพ้ก็มิเสียหายอันใด อย่างไรก็แค่ประลองชี้แนะ”
ชูไฮว่ซานพยักหน้าพลางกล่าวว่า
“ที่แท้ท่านประมุขก็มีความคิดอ่านอยู่แล้ว”
จากนั้นชูไฮว่ซานก็รีบหยิบบัญชีรายชื่อออกจากแขนเสื้อและส่งไปให้ฉู่เทียนเซิง
“เรียนท่านประมุข นี่คือข้อมูลของเหล่าศิษย์นิกายกระบี่ฟ้าทั้งสามคนที่มาเยือนนิกายเรา ขอท่านประมุขโปรดอ่านดู”
“จากข้อสังเกตพื้นฐาน ศิษย์ทั้งสามที่มาแลกเปลี่ยนในครั้งนี้คือหนุ่มสาวที่มีคุณสมบัติยอดเยี่ยม
อีกทั้งระดับพลังของพวกมันก็ทะลวงผ่านสู่ขอบเขตปราณจิตเรียบร้อยแล้ว พวกมันทั้งหมดล้วนมาจากอาณาจักรหยงอัน”
ในขณะที่ฉู่เทียนเซิงกำลังกวาดสายตาอ่านข้อมูล
ชูไฮว่ซานก็กล่าวเสริมว่า “ศิษย์ทั้งสามนั้นมีชื่อว่าฮั่งเชิน, หยานตงไหลและหยินเฟยหยาง”
“คนแรก หยานตงไหลมีพลังยุทธ์ในขอบเขตปราณจิตขั้นที่สอง
มันมาจากตระกูลขุนนางผู้ฝึกกระบี่ในอาณาจักรหยงอันและมีพรสวรรค์โดยกำเนิดที่ยอดเยี่ยม”
“คนที่สอง
หยินเฟยหยางมีพลังในขอบเขตปราณจิตขั้นที่สาม มันเป็นคนของตระกูลราชวงศ์ที่เกิดในราชอาณาจักรของอาณาจักรหยงอัน”
“ส่วนคนสุดท้าย ฮั่งเชิน
บุคลผู้นี้แข็งแกร่งที่สุด มันมีการฝึกปรือในระดับปราณจิตขั้นที่ห้า !
พรสวรรค์โดยกำเนิดก็ล้ำลึกสุดกู่ มันเป็นยอดอัจฉริยะรุ่นเยาว์อันดับต้นๆของอาณาจักรหยงอันที่นิกายกระบี่ฟ้าได้ค้นพบในปีนี้
!”
“จากที่ข้าสืบข่าวมา ฮั่งเชินเคยอยู่ในนิกายระดับสามของอาณาจักรหยงอัน
แต่ไม่ปรากฏว่าเป็นศิษย์ของนิกายใด
ข้อมูลทุกอย่างของคนผู้นี้ถูกเก็บเป็นความลับหมดสิ้น”
เมื่อได้ยินคำอธิบายของชูไฮว่ซาน
ฉู่เทียนเซิงก็ยกคิ้วขึ้นและมีสีหน้าสนอกสนใจพลางเงยหน้าขึ้นถามอีกฝ่ายว่า
“ในเมื่อฮั่งเชินเป็นยอดอัจฉริยะเช่นนี้
ทำไมมันถึงได้กบดานอยู่ในนิกายระดับสามมาตั้งเนิ่นนาน ? ทำไมนิกายกระบี่ฟ้าถึงไม่พบตัวมันเสียแต่เนิ่นๆ ?”
ชูไฮว่ซานอธิบายอย่างรวดเร็วว่า
“โดยปกติแล้วนิกายระดับสามจะเน้นศึกษาเกี่ยวค่ายกลและข่ายปราณเป็นหลัก
พวกมันมีอาณาเขตน้อยและทรัพยากรที่มีให้เก็บเกี่ยวก็น้อยลงเป็นเงาตามตัว
พวกมันมักจะตกเป็นเป้าโจมตีของสำนักนิกายอื่นเป็นประจำ
สุดท้ายก็จะถึงจุดจบและล่มสลาย"
“ฮั่งเชินนับเป็นตัวประหลาด
มันมีพลังสายเลือดกระบี่ยุทธ์และมีพรสวรรค์ในเชิงกระบี่ที่โดดเด่นเหนือผู้ใด แต่ทว่าความสามารถทางด้านข่ายปราณกลับธรรมดาสามัญทั้งๆที่อยู่ในนิกายที่มุ่งเน้นในด้านข่ายปราณ”
“การต่อสู้ของคนผู้นี้เกรี้ยวกราดดุดันและล้มยอดฝีมือมาแล้วมากมายนับไม่ถ้วน
นอกจากนี้ตอนอยู่ในนิกาย ฮั่งเชินก็ยโสโอหังไม่ไว้หน้าผู้ใด บางครั้งก็หาเรื่องทะเลาะวิวาทกับศิษย์นิกายอื่นแบบไร้เหตุผล”
“ด้วยความที่มันได้ยั่วยุและเพาะสร้างศัตรูมากมาย
สุดท้ายนิกายที่ใหญ่กว่าก็ใช้เหตุนี้เป็นข้ออ้างบุกทำลายนิกายเดิมของมันจนล่มสลาย"
เมื่อได้ยินประวัติของฮั่งเชิน
ฉู่เทียนเซิงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและเผยรอยยิ้ม
“หึๆ
มีพลังแค่ขอบเขตปราณจิตขั้นที่ห้าแต่กลับกล้ากำแหงหาเรื่องวิวาทกับนิกายอื่นไปทั่ว
เด็กคนนี้เป็นดั่งดาวหางที่เจิดจรัสไม่น้อย”
ชูไฮว่ซานส่ายหัวและกล่าวอย่างจริงจังว่า
“ท่านประมุข ฮั่งเชินมีทั้งพรสวรรค์และครองสายเลือดกระบี่ยุทธ์แต่กลับอาศัยอยู่ในนิกายระดับสามที่มุ่งเน้นทางข่ายปราณ คนผู้นี้เป็นดั่งไข่มุกล้ำค่าหากให้เวลามันได้เติบโตและบ่มเพาะมากยิ่งขึ้น”
“นิกายระดับสามนั้นมิอาจมองเห็นความสามารถและพรสวรรค์โดยธรรมชาติของมัน
แต่นิกายกระบี่ฟ้ามองออกและสามารถเลี้ยงดูปูเสื่อฮั่งเชินจนมันกลายเป็นอัจฉริยะระดับแนวหน้าได้”
ฉู่เทียนเซิงยิ้มและพยักหน้าพลางกล่าวเสริมว่า
“ถูกต้องตามนั้น
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่เป็นอัจฉริยะมักจะมีนิสัยแปลกๆและแตกต่างจากคนทั่วไป มีเพียงนิกายใหญ่เท่านั้นที่อดทนและควบคุมบุคลประเภทนั้นได้”
“อาวุโสชู ท่านว่าต่อไป”
ชูไฮว่ซานพยักหน้าและกล่าวต่อไปว่า
“หลังจากนิกายเดิมถูกทำลาย
ฮั่งเชินไม่เพียงแค่รอดพ้นจากการถูกกรุ้มรุมเท่านั้นแต่มันยังขโมยสมบัติของนิกายออกมาด้วย
มันเดินทางไปทั่วอาณาจักรหยงอันและหลบหนีการไล่ล่ามาโดยตลอด”
“จากนั้นเมื่อนิกายกระบี่ฟ้าไปเปิดรับสมัครศิษย์ใหม่ที่อาณาจักรหยงอัน
ฮั่งเชินจึงสบโอกาสและได้เข้าร่วมกับนิกายกระบี่ฟ้าในที่สุด”
“หลังจากเข้านิกายไปได้ไม่นานเด็กคนนี้ก็ถูกค้นพบชีพจรกระบี่โลหิตและสายเลือดกระบี่ยุทธ์ นิกายกระบี่ฟ้าไม่เพียงแค่อุ้มชูมันอย่างมาก
แต่พวกมันยังมอบเคล็ดวิชาและทรัพยากรบ่มเพาะให้อีกมากมาย”
“แม้กระทั่งประมุขนิกายกระบี่ฟ้ายังรับมันเป็นศิษย์สายตรงและบ่มเพาะเต๋ากระบี่ให้มันเป็นการส่วนตัว เขาคาดหวังกับฮั่งเชินไว้สูงมาก !”
ฉู่เทียนเซิงขมวดคิ้วและกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า
"สายเลือดกระบี่ยุทธ์นั้นหาได้ยากยิ่งและเป็นสายเลือดระดับล้ำลึกในขั้นสูง
แต่ทว่าสายเลือดกระบี่ลี้ลับนั้นทรงพลังยิ่งกว่า”
“นอกจากนี้สิบอัจฉริยะจากทั่วทั้งอาณาจักรเทียนเฉินล้วนอยู่ในนิกายนี้
หากเทียบกับจอมยุทธ์อัจฉริยะฮั่งเชินของนิกายกระบี่ฟ้าที่มีสายเลือดกระบี่ยุทธ์นั้นนับว่าไม่มีค่าให้เอ่ยถึง
!”
เมื่อฉู่เทียนเซิงพูดถึงระดับขั้นสายเลือด
ชูไฮว่ซานก็แสดงรอยยิ้มอันภาคภูมิใจและพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ถูกอย่างที่ท่านประมุขกล่าว
อัจฉริยะส่วนใหญ่ของอาณาจักรเทียนเฉินล้วนมารวมตัวกันอยู่ในนิกายนี้”
“ถึงแม้สายเลือดกระบี่ยุทธ์จะหาได้ยาก
แต่มันก็เป็นแค่สายเลือดระดับล้ำลึก หากเทียบกับหัวหน้าศิษย์หยุนเหยาของนิกายเราที่ครองสายเลือดกายจิตจักรพรรดิในระดับสวรรค์นั้น
มันต่างกันราวท้องนภากับผืนดิน !”
“พลังสายเลือดในระดับล้ำลึกนั้นมีส่วนช่วยให้ฮั่งเชินมีโอกาสเก้าส่วนที่จะตัดผ่านไปถึงขอบเขตปราณจิต
แต่สายเลือดกายจิตจักรพรรดิของหยุนเหยานั้นช่วยให้นางทะลุขีดขั้นที่เหนือล้ำยิ่งกว่าขอบเขตปราณฟ้า ! อนาคตของนางจะไร้ที่สิ้นสุด ภายในระยะเวลาไม่เกินสิบปี
นิกายเราจะมีผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตปราณฟ้าเพิ่มขึ้นอีกสามคน
เช่นนี้นิกายกระบี่ฟ้าจะเทียบกับนิกายเราได้อย่างไร ?”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved