ตอนที่ 246

แพร่สะพัดทั่วนิกายชั้นใน

ถึงแม้ไป๋หวู่เชินจะใช้เล่ห์เหลี่ยม

แต่จี้เทียนซิงก็คร้านจะใส่ใจและไม่คิดตอบโต้ด้วยวิธีการเดียวกัน

เขาต้องการตอบโต้อีกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมาและเอาชนะซึ่งหน้าบนเวทีใหญ่

!

ตอนนี้เขามีพลังเพียงขอบเขตปราณจิตขั้นที่สองเท่านั้น

แต่ไป๋หวู่เชินติดหนึ่งในสี่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในรายชื่อขั้นสวรรค์

อีกทั้งยังเป็นยอดฝีมือในขอบเขตปราณจิต

ในมุมมองของไป๋หวู่เชิน

แน่นอนว่าเขาย่อมมองการท้าทายครั้งนี้เป็นเรื่องไร้สาระอันน่าขัน

อย่างไรก็ตาม

จี้เทียนซิงมีความมั่นใจและสัมผัสได้ว่า

หากมีเวลาอีกหนึ่งเดือนเขาจะสามารถก้าวข้ามไป๋หวู่เชินและสร้างชื่อให้ตัวเองได้อีกครั้ง

!

หลังจากประกาศท้าทายอีกฝ่ายอย่างเป็นทางการ

จี้เทียนซิงก็ไม่คิดสนใจปฏิกิริยาของมันและหันหลังเดินออกจากตำหนักไม่จีรัง

มุ่งหน้าไปยังจัตุรัสชั้นใน

ไป๋หวู่เชินหรี่ตามองเงาหลังของอีกฝ่ายด้วยแววตาดูถูกเหยียดหยาม

“หึๆๆ จี้เทียนซิงเอยจี้เทียนซิง

ข้ามองเจ้าเป็นศัตรูตัวฉกาจที่ทำได้เพียงลอบวางแผนจัดการเจ้าอย่างช้าๆ

มิคาดว่าเจ้าจะโง่เง่าถึงเพียงนี้

กลับกล้ามาท้าทายข้าไป๋หวู่เชินและมอบโอกาสงามๆให้ข้า”

“ในการจัดอันดับรายชื่อขั้นสวรรค์ในเดือนหน้า

ข้าจะทำลายเจ้าให้แพ้พ่ายและกลายเป็นตัวตลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอาณาจักรเทียนเฉิน !”

จี้เทียนซิงไม่สนใจเสียงร่ำร้องของไป๋หวู่เชินและยังคงมุ่งหน้าไปที่จัตุรัสชั้นใน

..........

จัตุรัสชั้นในตั้งอยู่ที่เชิงเขาของนิกายพันธมิตรสวรรค์

มันล้อมรอบไปด้วยตำหนักงดงามมากมาย

จัตุรัสแห่งนี้ไม่ใหญ่นัก

มันมีพื้นที่เพียงสามร้อยเมตรเท่านั้นและโดยปกติจะมีศิษย์ไม่กี่คนที่มาทำธุระที่นี่

แต่ที่นี่คือแหล่งรวมข้อมูลข่าวสารและประกาศภารกิจต่างๆของนิกาย

รวมถึงเป็นที่ตั้งของการชุมนุม

ทางทิศเหนือมีเวทีจัตุรัสที่ปูด้วยหินอ่อนและมีแท่นสูงตั้งอยู่

โดยปกติของฝ่ายใน หากมีการเฉลิมฉลองหรือการประชุมผู้อาวุโสจะยืนอยู่บนแท่นสูง

ริมขอบของแท่นมีแผ่นศิลาสูงสิบเมตรตั้งอยู่

มันมีข่ายอาคมลึกลับเคลือบทับเอาไว้จนทำให้แผ่นศิลานี้ดูเหมือนหน้าจอขนาดใหญ่ ซึ่งในอดีตหากมีภารกิจและข้อความที่จะต้องป่าวประกาศ

ผู้อาวุโสหรือผู้ดูแลจะส่งข้อมูลเหล่านั้นไปยังแผ่นศิลาและมันจะปรากฏเป็นตัวอักษรสีขาวกระพริบ

เมื่อมีการท้าทายระหว่างศิษย์สาวก

บุคลเหล่านั้นก็สามารถป้อนข้อมูลลงไปบนแผ่นศิลาเพื่อเผยแพร่สู่สาธารณะได้ทันที

ซึ่งเนื้อหาที่มีผู้ป้อนข้อมูลไว้จะขึ้นประกาศเป็นเวลาสามวัน

หลังจากครบสามวันข้อความบนแผ่นศิลาก็จะหายไปโดยอัตโนมัติ

แน่นอนว่าในช่วงหลายวันที่ผ่านมาไม่มีการประกาศคือข้อความใดๆภายในนิกายฝ่ายใน

ถึงแม้จะมีการกระทบกระทั่งกันอยู่บ้างของเหล่าศิษย์

แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะอดทนหรือยอมปล่อยผ่านกันไปจึงไม่เกิดปัญหาใดๆขึ้น

ทว่าวันนี้ต่างออกไป  จี้เทียนซิงคือชายที่ถูกกำหนดมาให้ทำลายความเงียบสงบของนิกายชั้นในและนำมาซึ่งพายุลูกใหญ่

!

เขาขึ้นไปบนแท่นสูง

กางฝ่ามือขวาทาบกดลงไปบนเม็ดหินสีดำ จากนั้นก็อัดพลังลมปราณลงไปในแผ่นศิลาเพื่อเริ่มการทำงานของข่ายอาคม

เขาใช้สัมผัสญาณเพื่อป้อนข้อมูลลงไปในอาคมเพื่อขึ้นประกาศ

ในเวลาไม่นานตัวอักษรสีขาวใสหลายสิบตัวก็ปรากฏขึ้นบนแผ่นศิลาว่า

[ข้าคือจี้เทียนซิง

วันนี้ข้าได้ไปพบศิษย์หัวกะทิไป๋หวู่เชินเพื่อท้าสู้ในการจัดอันดับรายชื่อขั้นสวรรค์ที่จะมีขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า]

[นอกจากนี้ ผู้แพ้จะต้องยอมเป็นศิษย์รับใช้ของผู้ชนะเป็นเวลาหนึ่งปี

!]

หลังจากใช้เวลาอยู่นาน

เมื่อเนื้อหาถูกถ่ายทอดและนำเสนออย่างสมบูรณ์ จี้เทียนซิงก็ถอนฝ่ามือออก

เขาเหลือบมองไปที่ข้อความปรากฏบนแผ่นศิลา

จากนั้นก็เบือนหน้าหันหลังเดินออกจากจัตุรัสชั้นใน

ระหว่างเดินกลับตำหนักเทียนซิง

เขาได้เดินสวนกับศิษย์ฝ่ายในที่เหลือบมองไปยังแผ่นศิลาโดยไม่ตั้งใจ

โดยปกติ

ทุกครั้งที่ศิษย์ฝ่ายในเดินผ่านระแวกนี้ก็มักจะเหลือบมองแผ่นศิลานั้นเพื่อดูว่ามีข้อความประกาศใดๆหรือไม่  ทันทีที่เขาได้เห็นแผ่นศิลาปรากฏข้อความขึ้น

เขาก็เบิกตากว้างอย่างไม่น่าเชื่อพลางอุทานว่า

“จี้เทียนซิง ? ศิษย์สายตรงคนใหม่ของท่านประมุขฉู่ที่เพิ่งย้ายเข้ามาฝ่ายในได้ไม่นานมิใช่หรือ

?”

“นี่เขาต้องการท้าศิษย์พี่ไป๋หวู่เชินในการจัดอันดับรายชื่อขั้นสวรรค์ในเดือนหน้า

? สวรรค์ ! หมอนี่ช่างน่าเหลือเชื่อนัก!”

“ศิษย์สายตรงประมุขนิกายประกาศท้าทายศิษย์หัวกะทิกลางที่สาธารณะ

ตั้งแต่เข้ามาอยู่ฝ่ายในข้าไม่เคยพบเจอมาก่อนเลย !”

ศิษย์ฝ่ายในที่เห็นข้อความเป็นคนแรกผู้นั้นตกตะลึงจนแทบหงายหลัง

เขารีบผละจากจัตุรัสอย่างรวดเร็วและรีบกลับไปที่ตำหนัก

เขาตะโกนอยู่หลายครั้งกลางสนาม

ซึ่งศิษย์หลายคนที่ได้ยินข่าวต่างก็ตกใจและรู้สึกเหลือเชื่อ

บางคนไม่เชื่อว่านี่เป็นเรื่องจริง

ดังนั้นพวกเขาจึงรีบบึ่งไปที่จัตุรัสและต้องการดูประกาศด้วยตาตัวเอง  และเมื่อศิษย์หลายคนได้เห็นข้อความบนแผ่นศิลา

พวกเขาก็ยิ่งตื่นเต้นและกลับไปยังตำหนักของตัวเองเพื่อกระจายข่าวไปอีกทอด

หลังจากประกาศผ่านไปได้แค่ไม่กี่ชั่วยาม

ข่าวศิษย์สายตรงประมุข, จี้เทียนซิงส่งสาสน์ท้าทายถึงศิษย์หัวกะทิไป๋หวู่เชินก็ได้แพร่สะบัดไปทั่วทั้งนิกายชั้นใน

!

ภายในเวลาไม่นานจัตุรัสชั้นในก็เต็มไปด้วยศิษย์ในชุดเสื้อคลุมสีขาวหลายสิบคนที่มาออกันด้วยความตื่นเต้น

แม้แต่ผู้ดูแลหลายคนก็ตื่นตระหนกและรีบทะยานไปที่จัตุรัสชั้นในเพื่อดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

เมื่อพวกเขาได้เห็นตัวอักษรข้อความที่ปรากฏบนแผ่นศิลา

สีหน้าของพวกเขาก็กลายเป็นซับซ้อนและรีบร้อนออกจากจัตุรัสเพื่อไปรายงานข่าวแก่เหล่าผู้อาวุโส

ในช่วงเวลานั้น

ทั่วทั้งนิกายฝ่ายในตกอยู่ในความอลหม่าน

ศิษย์นับร้อยต่างพูดคุยกันอย่างไม่หยุดหย่อนและดูอึกทึกวุ่นวาย แม้กระทั่งผู้อาวุโสฝ่ายในและผู้ดูแลก็ยังพูดถึงเรื่องนี้

........

ตกเย็น

ดวงอาทิตย์ส่องประกายไปที่จัตุรัสชั้นในบนเชิงเขา ผ่านตัวอักษรสีขาวหลายสิบตัวบนแผ่นศิลาจนย้อมมันกลายเป็นสีทอง

ท่ามกลางการถกเถียงกันยกใหญ่ในหมู่ศิษย์สาวกทั้งหลาย

ศิษย์สองคนในชุดคลุมสีขาวที่มีสีหน้าโอ่อ่าดูทะเยอทะยานได้เดินเข้ามาในจัตุรัส

เมื่อทั้งสองมาถึงและเงยหน้าขึ้นมองคำประกาศบนแผ่นศิลา

สีหน้าก็เผยรอยยิ้มขึ้น

ศิษย์รอบๆที่ได้เห็นชายสองคนนี้

พวกเขาเผยสีหน้าหวาดกลัวและตกตะลึงออกมาทันที

“ดูสิ

นั่นมันศิษย์พี่เฉินซู่กับศิษย์พี่ถังอี้ลั่วนี่นา ?!”

“เหอๆ ดูเหมือนว่าเฉินซู่กับถังอี้ลั่วก็สนใจเรื่องนี้ไม่น้อย”

“เฉินซู่ติดอันดับสองบนรายชื่อขั้นสวรรค์

ส่วนถังอี้ลั่วอยู่อันดับสาม พวกเขาทั้งสองมีพลังยุทธ์ใกล้เคียงกับไป๋หวู่เชิน”

“จี้เทียนซิงได้กลายเป็นศิษย์ฝ่ายใน

อีกทั้งยังได้เป็นศิษย์สายตรงของท่านประมุข

แน่นอนว่าย่อมทำให้ศิษย์พี่ไป๋หวู่เชินไม่พอใจ

ทั้งสองมีเรื่องบาดหมางกันจนต้องตัดสินกันด้วยการประลองยุทธ์”

“ถูกต้อง เรื่องนี้ไม่เพียงทำให้ศิษย์พี่ไป๋ไม่พอใจ

แต่มันยังทำให้ศิษย์พี่เฉินและศิษย์ถังขุ่นเคืองเช่นกัน

ข้าไม่รู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่เมื่อได้เห็นคำประกาศของจี้เทียนซิงในตอนนี้”

ศิษย์ฝ่ายในหลายคนซุบซิบกันพลางจ้องมองไปที่เฉินซู่กับถังอี้ลั่ว

พวกเขาเว้นระยะห่างและไม่เข้าไปไกลหรือทักทาย

จากนั้น ทั้งเฉินซู่และถังอี้ลั่วที่ได้อ่านคำประกาศบนแผ่ศิลา พวกเขาก็หันหลังเดินลึกเข้าไปในตำหนักด้วยสีหน้าเฉยชา

ระหว่างทาง

ถังอี้ลั่วแสยะยิ้มและพูดอย่างเย้ยหยันว่า “เฮอะๆ

เฉินซู่ ข้าไม่คิดฝันว่าเจ้าจี้เทียนซิง ศิษย์สายตรงคนใหม่ของท่านประมุขจะเป็นพวกปีนเกลียวและงี่เง่าขนาดนี้

มันเพิ่งเข้ามาอยู่ฝ่ายในได้ไม่ถึงสามวันก็ริอาจมาท้าทายไป๋หวู่เชิน!”

เฉินซู่พยักหน้าและพูดด้วยเสียงหัวเราะ

“จี้เทียนซิงเป็นศิษย์สายตรงท่านประมุข ไป๋หวู่เชินเป็นหนึ่งให้ห้าอาวุโส

งานนี้คงมีอะไรสนุกๆให้ดูชมเสียแล้ว หึๆๆ....”