ตอนที่ 267

มนุษย์อสูรหมาป่าอันหยิง

ในห้องลับอันมืดมิดมีเพียงแสงไฟจากตะเกียงหินสองดวงเท่านั้นที่ส่องแสงสลัวออกมา

หินชนวนบนพื้นดินของห้องลับเกิดรอยเป็นร่องหลายหลุมและมีรอยปริแตกขนาดใหญ่จำนวนมาก อีกทั้งยังมีรอยกรงเล็บปรากฏอยู่ทั่ว

จี้เทียนซิงสามารถเห็นได้อย่างชัดแจ้งว่าร่องรอยเหล่านี้ล้วนเกิดจากการน้ำมือของเผ่าอสูรหรือสัตว์อสูร

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเผ่าอสูรหรือไม่ก็สัตว์อสูรที่กำลังจะต่อสู้กันได้ถูกกักไว้ในห้องนี้ก่อนการแข่งขันจะเริ่มต้นขึ้น

เขานั่งอยู่บนม้านั่งหินที่มุมห้องด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“ผู้คุมบัดซบนั่นดันขังข้าไว้ในนี้ยังกับข้าเป็นสัตว์อสูร”

“…ดูเหมือนว่าที่นี่มักจะมีการต่อสู้ของเหล่าสัตว์อสูรเพื่อดึงดูดให้ผู้ชมมากมายมาเดิมพนันกัน”

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เขาหรี่ตามองไปที่ประตูเหล็กสีดำที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าห้องที่อยู่ด้านหลังประตูเหล็กสีดำอีกฝั่งหนึ่งสมควรเป็นห้องของมนุษย์หมาป่าที่เขาจะท้าทายในค่ำคืนนี้

จี้เทียนซิงเคยอ่านตำราโบราณเกี่ยวกับลักษณะของเผ่าอสูรมาก่อน

เผ่าอสูรไม่เหมือนสัตว์อสูรทั้งหมดแต่มันเป็นการผสมผสานระหว่างมนุษย์และอสูร

พวกเขาจะดูเหมือนมนุษย์แต่ก็มีลักษณะทั้งหมดของอสูรด้วย

มีการกล่าวกันว่าความแข็งแกร่งและการป้องกันทางกายภาพของเผ่าอสูรนั้นทรงพลังเทียบเท่ากับสัตว์อสูร

พวกเขาไม่เพียงแค่มีปฏิกิริยาตอบสนองอันรวดเร็วยิ่ง แต่ยังทนทรหดต่อการโจมตี

ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปหากไม่ใช้อาวุธวิเศษย่อมไม่มีทางทำร้ายเผ่าอสูรได้ในขอบเขตพลังเดียวกัน

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้จี้เทียนซิงก็ยกคิ้วขึ้น

มุมปากผุดยิ้มบางขึ้นสายหนึ่ง

“มนุษย์หมาป่าอันหยิงมีพลังในขอบเขตปราณจิตขั้นที่ห้า

ไม่ว่าจะเป็นพลังและความรวดเร็วล้วนแต่แข็งแกร่งทรงพลังมาก

ผู้ฝึกยุทธ์เผ่ามนุษย์ทั่วไปหากใช้มือเปล่าสู้ย่อมไม่มีทางทำร้ายอีกฝ่ายได้แน่นอน”

“โชคดีที่ข้าแตกต่างจากผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไป

ข้าไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธภายนอกก็สามารถใช้กระบวนท่าที่ทรงพลังยิ่งกว่าออกมาได้ !”

...........

ห้องลับเงียบสงบและเวลาผ่านไปเล็กน้อย

ไม่นานหลังจากนั้นรอบตัวก็เกิดเสียงอึกทึกดังขึ้น

มันเป็นเสียงของผู้คนที่กำลังพูดคุยกัน

เมื่อเวลาผ่านไป

เสียงฝีเท้าจากรอบข้างก็เริ่มถี่ขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่ามีผู้คนจำนวนมากกำลังหลั่งไหลเข้ามาในเวที

จี้เทียนซิงลอบฟังการสนทนาอยู่พักใหญ่จนจับใจความถึงที่มาที่ไปได้

ปรากฎว่าหลังจากที่พ่อบ้านเทียนนำเขามานั่งรอในห้องลับเสร็จแล้วก็ส่งข้อความออกไปทั่วเมืองว่า

ค่ำคืนนี้มีมนุษย์ประกาศท้าทายมนุษย์หมาป่าอันหยิง

เมื่อชาวยุทธ์ทั้งหลายได้ยินข่าวนี้ก็รีบมุ่งหน้าไปยังตึกพนันเหยี่ยวเวหาอย่างรวดเร็วเพื่อรอชมการต่อสู้และพนันขันต่อ

เมื่อผู้ชมแห่กันไปที่ลานต่อสู้มากขึ้นเสียงภายในลานก็ยิ่งดังขึ้นและดูมีชีวิตชีวามากขึ้น

จี้เทียนซิงหลับตาและตั้งใจสดับรับฟังเสียงรอบตัวจนได้ยินเสียงที่อยู่ห่างจากเขาไปราวๆ20 เมตร มันเป็นกลุ่มชาวยุทธ์รุ่นเยาว์หลายคนที่มารวมตัวกันสนทนา

“เฮ้

มันแปลกๆนะการพนันจ้าวสัตว์เปิดขึ้นทุกๆสิบวันเท่านั้นนี่นา  วันนี้เพิ่งจะวันที่หกเอง

ทำไมมันถึงเปิดอีกครั้งได้ ?”

“ที่ผ่านๆมามีแต่น่าเบื่อ

เป้าจ้งกับอันหยิงชนะตลอด ไม่มีอะไรให้ลุ้นเลย”

"ก็ถูก แต่คืนนี้ไม่เหมือนกัน มันน่าตื่นเต้นกว่า

! ข่าวว่ามีเจ้าหนุ่มไม่รักชีวิตคนหนึ่งต้องการท้าทายมนุษย์หมาป่าอันหยิง

!”

“ฮ้า ? จริงรึ

? เท่าที่ข้าจำได้

ไม่มีผู้ใดกล้าท้าทายอันหยิงมาร่วมครึ่งปีแล้วนี่นา ?”

"ใช่

ครั้งที่แล้วมีผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งมาท้าทายอันหยิง ชายคนนั้นดูเหมือนจะเป็นลูกศิษย์ของนิกายเจิ้นหวู่ที่มีพลังในขอบเขตปราณจิตขั้นที่ห้า

ก่อนขึ้นลานประลองข้าจำได้ติดตาเลยว่ามันโคตรมั่นหน้าเลย !”

“นายน้อยหลิว แล้วผลวันนั้นเป็นอย่างไรหรือ ? เจ้าหนูคนนั้นท้าทายสำเร็จหรือไม่ ?”

“เพ้ย ! จะสำเร็จได้ไง

? ฝันเฝื่อง

ผลปรากฏว่าเจ้าหนูนั่นได้ไปเยี่ยมบรรพบุรุษเลย

ไม่เพียงแค่แพ้อย่างอนาถเท่านั้น แต่มนุษย์หมาป่าอันหยิงฉีกร่างมันเป็นชิ้นๆตรงนั้นทันทีเลยด้วย

!”

หลังจากได้ยินเรื่องนี้ชาวยุทธ์ทั้งหลายก็แสดงท่าทางตกใจและเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

หลังจากสูดหายใจลึกกันหลายเฮือกอย่างใจหายใจคว่ำ

กลุ่มผู้ฝึกยุทธ์รุ่นเยาว์ที่จี้เทียนซิงกำลังแอบฟังการสนทนาก็พูดคุยกันต่อไปว่า

“นายน้อยหลิว แล้วผู้ท้าชิงคนต่อไปนี่หากมันเป็นลูกศิษย์หัวแก้วหัวแหวนของนิกายใหญ่โตขึ้นมาเล่า

?    .....หากมันถูกมนุษย์หมาป่าอันหยิงฉีกเป็นชิ้นๆในลานประลอง

นิกายใหญ่นั่นมิใช่เอาเรื่องกันตายเลยหรือ ?”

“ผายลม ! ผู้ฝึกยุทธ์ที่แท้จริงของนิกายใหญ่ล้วนเข้าใจกฎของที่นี่ดี

ต่อให้คิดทวงถามหนี้แค้นให้ลูกศิษย์ก็ตาม

พวกเขาก็ไม่กล้าล่วงเกินตึกพนันเหยี่ยวเวหาอยู่ดี !”

“เจ้าหนูนั่นประกาศท้าทายโดยความสมัครใจเอง

พ่อบ้านเทียนย่อมแจ้งกฎก่อนการท้าทายอยู่แล้วว่ามันคือการสู้กันถึงชีวิต  ในเมื่อคนผู้นั้นแสดงเจตจำนงออกมาเอง

เช่นนั้นนิกายใหญ่ต้นสังกัดของมันจะมาเอาเรื่องได้อย่างไร ?”

“เคะ เคะ เคะ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้,  ผู้ท้าชิงคืนนี้ย่ำแย่แล้ว

ดูท่าคงศพไม่สวยเป็นแน่”

“ถูกต้อง มนุษย์หมาป่าอันหยิงมิได้คลายเสี้ยนมาร่วมครึ่งปีแล้ว

เขาจะต้องกระหายเลือดจนคลั่งแน่นอน”

“ข้าจะเตือนพวกเจ้าไว้ก่อนนะ

หลังจากนี้อีกไม่นานเจ้าจะได้เห็นผู้ท้าชิงถูกมนุษย์หมาป่าอันหยิงฉีกกระชากร่างเป็นชิ้นๆ อย่าหวาดกลัวจนอุจจาระราดเสียล่ะ คิดซะว่ามันเป็นหมั่นโถวก็แล้วกัน”

ผู้ฝึกยุทธ์รุ่นเยาว์หลายคนพยักหน้าอย่างรวดเร็วต่อคำพูดของนายน้อยหลิวผู้นั้น

................

จี้เทียนซิงที่อยู่ในห้องลับได้ยินคำพูดของพวกเขาทั้งหมดอย่างชัดเจน

ใบหน้าของเขาหม่นหมองลงทันที

ดวงตากระพริบด้วยแสงเย็นเยียบ

“เช่นนี้แสดงว่าอำนาจในการต่อสู้และความกระหายเลือดดุร้ายของมนุษย์หมาป่าอันหยิงย่อมเหนือความคาดหมายของข้าโดยสิ้นเชิง  ข้าต้องระวังให้มาก !”

เขาตระหนักได้ในทันทีว่ากฏของการพนันจ้าวสัตว์นั้นโหดร้ายทารุณมาก

อย่างไรก็ตามเขามิได้สำนึกเสียใจที่มายังสถานที่แห่งนี้

เมื่อเขาตัดสินใจที่จะตามหาเบาะแสของเทือกเขาหมอกเร้นลับและลูกปัดแห่งดวงดาราแล้ว  เขาก็พร้อมที่จะรับมือกับอันตรายทุกชนิด !

การพนันในคืนนี้เป็นเพียงการทดสอบครั้งแรกสำหรับเขาในการค้นหาเบาะแสของสิ่งที่ตามหาเท่านั้นเอง

ในที่สุดเวลาก็ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม

มันเป็นยามราตรีแล้ว

แต่แสงไฟจากโคมไฟของตึกพนันเหยี่ยวเวหากลับสว่างไสวและมีชีวิตชีวามากที่สุด

บนอัฒจันทร์รอบเวทีเต็มไปด้วยผู้ชมที่พร้อมชมดูการต่อสู้อย่างแน่นขนัด

แม้กระทั่งในห้องที่หรูหราบนชั้นสองของห้องโถงก็ยังเต็มไปด้วยแขกเหรื่อหนาตา

ผู้คนหลายพันคนรอบๆลานประลองเต็มไปด้วยอารมณ์คึกครื้นตื่นเต้นและรอคอยการการต่อสู้ที่กำลังจะเริ่มต้น

ในเวลานี้ชายชราร่างใหญ่สวมเสื้อคลุมสีดำคนหนึ่งและชายสี่คนในชุดเกราะหนักก็เดินไปลานประลอง

ชายชราร่างใหญ่ผู้นี้เต็มไปด้วยเย่อหยิ่ง

เส้นผมเต็มไปด้วยสีขาวดอกเลา ทั่วร่างแผ่ซ่านกลิ่นอายอันแข็งแกร่งน่าเกรงขามออกมา

ดวงตาประดุจเหยี่ยวจับจ้องไปที่ผู้ชมทั้งหลาย

ด้านหลังของชายชรายืนตะหง่านไว้ด้วยชายสี่คนในชุดเกราะหนัก

พวกเขามีพลังในขอบเขตปราณจิตและยืนหลังเหยียดตรงประดุจหอก ทั่วร่างประดับประดาไว้ด้วยกลิ่นอายกระบี่อันแหลมคม

เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้คุ้มกันฝีมือดีกลุ่มหนึ่ง

เสียงอึกทึกของฝูงชนนับพันในอัฒจันทร์เงียบลงทันที

ดวงตาของพวกเขารวมศูนย์ไปที่ชายชราร่างกำยำผู้นั้นเป็นจุดเดียว

หลายๆคนรู้จักชายชราผู้นี้ดี

เขาคือหัวหน้าผู้ดูของตึกพนันเหยี่ยวเวหาแซ่เหลยและมีฐานะเป็นมือขวาของเทียนอิงฟางจู้ผู้ลึกลับ

เมื่อหัวหน้าเหลยเห็นว่าฝูงชนเงียบลงแล้ว

เขาก็ประกาศออกมาเสียงดังว่า

“ข้าคือเหลยเฉียนจวิน ขอบคุณทุกท่านที่มาในวันนี้

!”

“ค่ำคืนนี้หมู่ตึกของเรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะนำเสนอการต่อสู้อันยอดเยี่ยมและน่าตื่นเต้นมาให้พวกท่านได้ชม

!”

“ผู้ฝึกยุทธ์รุ่นเยาว์ระดับปราณจิตขั้นที่สามต้องการพบหน้าเทียนอิงฟางจู้ของพวกเรา

ดังนั้นเขาจึงประกาศท้าทายมนุษย์หมาป่าอันหยิงที่นี่ !”

เมื่อเสียงของเหลยเฉียนจวินแพร่กระจายไปทั่ว

ผู้ชมเกือบหนึ่งพันคนก็รู้สึกตื่นเต้นทันทีและพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้กันอย่างเอิกเกริก

เหลยเฉียนจวินกล่าวต่อไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า

“ชายหนุ่มไร้ความกลัวผู้นี้เป็นใครมาจากไหน ? เขามีความสามารถพิเศษอะไร ?”

“ศักยภาพของมนุษย์หมาป่าอันหยิงในช่วงหกเดือนที่ผ่านมานี้จะเป็นอย่างไร

? ขอให้ทุกท่านโปรดรอดู !”

“หลังจากสิ้นเสียงของข้า ทุกท่านสามารถเริ่มเดิมพันได้

แล้วหลังจากครึ่งชั่วยามผ่านไป

ทางหมู่ตึกพนันเหยี่ยวเวหาเราจะปิดรับเดิมพันและการต่อสู้จะเริ่มขึ้นทันที

ทุกท่านโปรดเลือกแทงกันให้ดี !”