ถึงแม้จี้เทียนซิงจะเริ่มตระหนักได้ว่าการตายของซื่อเหวินหยูนั้นแปลกประหลาดมาก
แต่ร่างไร้วิญญาณของซื่อเหวินหยูที่นอนอยู่บนเวทีก็เป็นข้อยืนยันต่อหน้าแขกเหรื่อหลายร้อยคนจากนิกายต่างๆ
ทุกคนเห็นชัดเจนว่าซื่อเหวินหยูตายหลังจากโดนฝ่ามือของจี้เทียนซิง
ที่คือข้อเท็จจริงที่ปรากฏ
จี้เทียนซิงมิอาจโต้เถียงได้เต็มปาก !
ผู้เฒ่าทั้งสี่ของนิกายกระบี่ฟ้าเต็มไปด้วยจิตสังหาร
ทั้งหมดโคจรพลังลมปราณเตรียมจะลงมือ
หัตถ์ปราณ, คลื่นกระบี่,
เพลงหมัดที่แฝงไปด้วยปราณแท้อันมหาศาล
ทั้งหมดทั้งมวลระดมเข้าใส่จี้เทียนซิง หมายจะทำร้ายคร่ากุมเขาให้สิ้นฤทธิ์อย่างรวดเร็ว
คนทั้งสี่เป็นยอดฝีมือผู้ทรงพลังในขอบเขตปราณโอสถ
ปราณแท้ที่ปะทุจากร่างของพวกมันนั้นทรงอำนาจและน่าทึ่งมาก
เวทีที่มีรัศมียี่สิบเมตรนั้นเต็มไปด้วยพลังงานรุนแรงและดูโกลาหลมาก
ท่ามกลางการกรุ้มรุมของผู้เฒ่าทั้งสี่
จี้เทียนซิงถูกกดดันจนแทบหายใจไม่ออกจากคลื่นพลังลมปราณมากมาย
เขาตกอยู่ในวิกฤติเป็นตายในทันทีและสามารถตกตายได้ในพริบตา !
ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งเพียงใดหรือเก่งแค่ไหน
ทั้งหมดล้วนไร้ประโยชน์ในขณะนี้
พลังของผู้เฒ่าทั้งสี่นั้นอยู่ห่างไกลเกินกว่าเขาหลายเท่า
เขาไม่มีเวลาพอที่จะหลบหนีหรือต่อต้าน
ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย
จี้เทียนซิงหยิบลูกบอลสีเงินลูกหนึ่งออกมาจากมิติ
ลูกบอลทรงกลมสีเงินเข้มนี้เป็นสมบัติชิ้นหนึ่งที่ฉู่เทียนเซิงมอบให้เขาตอนที่ไปขอยืมโลงหยกวิญญาณ
ตอนที่อยู่ในหอคอยเจ็ดดาว จี้เทียนซิงไม่เคยใช้งานมันเพราะไม่มีอันตรายใดๆที่มากพอจะคุกคามชีวิตของเขาได้ แต่ในที่สุดโอกาสนั้นก็มาถึง
เขาถือลูกบอลสีเงินไว้ในมือขวา
โคจรปราณแท้ถ่ายเทเข้าไปในนั้นเพื่อเปิดใช้งาน
วู้ม !
ลูกบอลทรงกลมสีเงินส่องสว่างขึ้นเป็นแสงสีเงินอันพร่างพราวในทันทีและขยายวงกว้างเป็นก้อนลำแสงที่ล้อมรอบเขาไว้
"วูบ !"
เพียงครู่เดียว
ร่างกายของจี้เทียนซิงก็ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยชุดเกราะสีเงินเข้ม
ชุดเกราะนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายอันหาญกล้าและกดขี่ผู้คน
มันส่องแสงระยิบระยับดุจดั่งแสงสีเงินจากดวงดาวบนท้องฟ้าที่เปล่งประกายความลึกลับอันกว้างใหญ่ไพศาล
ชุดเกราะนี้ห่อหุ้มเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า พร้อมเกราะหมวก
เกราะแขนและถุงมือ รวมไปถึงรองเท้าอีกคู่หนึ่ง
ชุดเกราะนี้ไม่เพียงแค่ปกป้องเขาจากการโจมตีในทุกทิศทาง
แต่มันยังซ่อนอาวุธไว้ทุกที่ในร่างกายของเขาอีกด้วย
มีคมดาบสามเล่มซ่อนอยู่ในหมวก
มีคมมีดมากมายซ่อนอยู่ในเกราะแขน มีหนามแหลมซ่อนอยู่ในถุงมือ
แม้แต่ช่วงหัวเข่าของเกราะและใต้ฝ่าเท้าของรองเท้าก็ยังซ่อนคมดาบเอาไว้หลายอัน
โดยสรุปแล้วหลังจากที่จี้เทียนซิงได้ใส่ชุดเกราะนี้
เขาไม่เพียงแค่ได้รับการปกป้องเต็มพิกัด แต่ยังมีอาวุธรอบด้านอีกด้วย !
ในเวลาต่อมาผู้เฒ่าทั้งสี่โจมตีพร้อมกันจนเกิดเสียงดัง
‘เป้ง เป้ง
เป้ง’ จากการกระทบร่างจี้เทียนซิง
เขาสั่นไปทั่วร่างในทันที ทว่าร่างกายกลับเปล่งแสงสีเงินบาดลูกตาออกมา
เวทีวงแหวนกว้าง 20 เมตรเต็มไปด้วยริ้วลำแสงปราณแท้อันสดใส
ก่อเกิดเป็นความอึกทึกวุ่นวายในทันที
คนส่วนใหญ่ประเมินว่าจี้เทียนซิงที่ยังมิได้ตัดผ่านขอบเขตปราณโอสถ
ย่อมไม่สามารถหยุดการบุกโจมตีของผู้เฒ่าที่แข็งแกร่งในขอบเขตปราณโอสถทั้งสี่คนนี้ได้
ถึงแม้เขาจะมีชุดเกราะคุมกายและไม่ตกตายในทันที
แต่อย่างน้อยก็ต้องได้ผลกระทบอย่างรุนแรง
แต่สิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึงก็คือ
จี้เทียนซิงไร้รอยขีดข่วนและยืนหยัดอย่างมั่นคงอยู่กลางเวทีเหมือนเดิม !
เกราะสีเงินที่เขาสวมใส่นั้นสามารถหยุดการโจมตีของผู้เฒ่าทั้งสี่ได้
!
ภาพนี้ทำให้แขกหลายร้อยคนต้องตกตะลึง
เทียนเจี้ยนจงสีหน้าเปลี่ยนไป
ประกายแห่งความประหลาดใจกระพริบผ่านดวงตาของมันพลางกระซิบแผ่วเบาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
“ที่แท้ก็เป็นเกราะดารา
?”
"สารเลวฉู่เทียนเซิงมอบสมบัติให้เจ้าเด็กนี่ มันถึงขั้นมอบเกราะดาราให้จี้เทียนซิงเลยหรือ ? เป็นไปได้อย่างไร ?!“
คนอื่นๆอาจจะไม่รู้จักชุดเกราะนี้
แต่เทียนเจี้ยนจงรู้ดี มันเคยต่อสู้กับฉู่เทียนเซิงมาแล้วหลายครั้ง
มันย่อมรู้โดยธรรมชาติว่าชุดเกราะสีเงินเข้มชุดนี้เป็นหนึ่งในสุดยอดสมบัติของนิกายพันธมิตรสวรรค์, เกราะแห่งดวงดารา !
เกราะดาราเป็นสมบัติในระดับปราณฟ้า
มีเพียงยอดฝีมือในระดับปราณฟ้าขั้นสูงสุดเท่านั้นจึงจะสามารถปรับแต่งหรือทำลายมันได้
แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จอมยุทธ์ระดับต่ำกว่าปราณฟ้าจะทำลายการป้องกันของเกราะดารา
จี้เทียนซิงที่ได้สวมเกราะดาราก็เป็นดั่งบุรุษผู้อยู่ยงคงกระพันในยามนี้
เว้นเสียแต่จะมีการโจมตีอันแข็งแกร่งในระดับปราณฟ้าจึงจะสามารถทำลายการป้องกันของเกราะดาราได้
เป็นเวลานานมาแล้ว, เกราะดาราเป็นสมบัติที่ฉู่เทียนเซิงพกติดตัวอยู่ตลอดเวลาไม่เคยห่าง
อีกทั้งยังไม่แสดงออกมาง่ายๆนัก
เทียนเจี้ยนจงคาดไม่ถึงอย่างแท้จริงว่าฉู่เทียนเซิงจะมอบสมบัติล้ำค่าเพียงนี้ให้แก่จี้เทียนซิง
!
การกระทำนี้หมายความว่าอย่างไร ?
มันหมายความว่าในสายตาของฉู่เทียนเซิง ความปลอดภัยและชีวิตของจี้เทียนซิงมีความสำคัญสูงสุด เทียบเท่ากับผู้สืบทอดอย่างเป็นทางการ ?!
ในเวลานี้ไม่เพียงแค่เทียนเจี้ยนจงเท่านั้นที่เต็มไปด้วยความตกใจ
แต่ผู้เฒ่าทั้งสี่บนเวทีก็ตะลึงงันเช่นกัน
ทั้งสี่คนจ้องมองไปที่ชุดเกราะดาราที่จี้เทียนซิงสวมใส่ ใบหน้าของพวกมันเต็มไปด้วยความโกรธกริ้วพลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันคำรามออกมา
"เจ้าเดรัจฉานน้อยตัวนี้มีสมบัติคุ้มกาย
!"
"ชุดเกราะของมันคืออะไรกันแน่ ? ถึงกลับสามารถต้านทานการโจมตีของพวกเราทั้งสี่ได้เชียวหรือ
?"
"ช่างหัวมัน ไม่ว่าจะเป็นชุดเกราะผีสางอันใดพวกเราก็ต้องสยบจี้เทียนซิงให้ได้โดยเร็วที่สุด
!"
"ถูกต้อง สังหารมันซะ ล้างแค้นให้เหวินหยู !"
สิ้นเสียงคำรามอันเกรี้ยวกราด
สี่ผู้เฒ่าพลันยกมือขึ้นโคจรลมปราณโจมตีปิดล้อมจี้เทียนซิงอีกระลอก
ทันใดนั้นเอง
น้ำเสียงเจื้อยแจ้วไพเราะของสตรีนางหนึ่งลอยมากับสายลมเย็นหอบหนึ่ง
ดังก้องไปทั่วห้องโถง
"นิกายกระบี่ฟ้าช่างไร้เหตุผลสิ้นดี
พวกท่านคิดจะก่อสงครามกับพวกเราเช่นนั้นหรือ
?"
ฟุ่บ !
สิ้นเสียงเย็นชา เงาร่างสีขาวสายหนึ่งพลันโผล่ขึ้นบนเวทีราวกับภูติพรายเพื่อปกป้องจี้เทียนซิง
สตรีผู้นี้ก็คือหยุนเหยานั่นเอง
นางสวมอาภรณ์ขาวพิสุทธิ์ ดวงหน้าเย็นชาราวกับน้ำแข็ง
ในมือกุมกระบี่ที่ชักออกจากฝักตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่มีผู้ทราบ
ถึงแม้ตอนนี้นางจะเผชิญหน้ากับสี่ผู้เฒ่าของนิกายกระบี่ฟ้าเพียงลำพัง
แต่นางก็มิได้สะดุ้งสะเทือน
อารมณ์ของนางสงบเยือกเย็นราวกับบัวหิมะที่สูงส่งและศักดิ์สิทธิ์
ผู้คนนับไม่ถ้วนในห้องโถงล้วนแต่ทอดถอนใจด้วยความชื่นชมต่อรูปลักษณ์ที่ไม่มีผู้ใดเสมือนเหมือนของนาง
หลังจากนั้น
เสียงเล็กแหลมด้วยความโกรธเกรี้ยวอีกสายหนึ่งก็ดังขึ้น
"ไอ้พวกบ้า น่ารังเกียจนัก
คิดจะใส่ความศิษย์พี่เทียนซิงของข้าก็ต้องผ่านมือข้าไปก่อน !”
ฟุ่บ !
สิ้นเสียงโมโหขุ่นเคือง
เด็กชายตัวน้อยในอาภรณ์สีขาวเส้นผมสีแดงก็หอบเอาสายลมเพลิงพุ่งไปที่เวทีอย่างห้าวหาญ
มันยืนหยัดอยู่เคียงข้างจี้เทียนซิงด้วยสีหน้าเดือดดาลเต็มพิกัด
ในมือกุมกระบี่สีม่วงเล่มหนึ่งที่ยาวเท่ากับส่วนสูงของมัน ดวงตาจับจ้องมองไปที่สี่ผู้เฒ่านิกายกระบี่ฟ้าอย่างโกรธเคือง
ทันใดนั้นบรรยากาศบนเวทีก็ตึงเครียดถึงขีดสุด
จิตสังหารและเจตนาฆ่าฟันแผ่กระจายอลอวลไปทั่ว
เหล่าผู้ดูแลของนิกายกระบี่ฟ้าฉวยโอกาสนี้รีบขึ้นไปบนเวที
นำร่างของซื่อเหวินหยูออกไป
จี้เทียนซิง
หยุนเหยาและเอี๋ยนเอ๋อร์เผชิญหน้ากับสี่ผู้เฒ่าอย่างไม่ยำเกรง
ไอสงครามของทั้งสามแผ่พุ่งออกมาอย่างรุนแรง พร้อมจะห้ำหั่นได้ทุกเมื่อ
เมื่อได้เห็นภาพนี้ผู้คนมากมายจากกองกำลังระดับสอง-สาม
เช่นเดียวกับประมุขและหัวหน้าศิษย์อื่นๆต่างก็รู้สึกชื่นชมในใจ
นิกายพันธมิตรสวรรค์เป็นนิกายอันดับหนึ่งของอาณาจักรเทียนเฉิน
แม้แต่ศิษย์ทั้งสามของนิกายก็ยังเต็มไปด้วยความห้าวหาญและความเย่อหยิ่งถือดีที่คนทั่วไปไม่สามารถเทียบเคียงได้
เมื่อได้เห็นฉากนี้
แววตาของเทียนเจี้ยนจงก็เปล่งประกายและลอบสบใจ มันคิดในใจลับๆว่า “เฮอะ
พวกเจ้าทั้งสามคิดช่วยเหลือกันงั้นหรือ ?
เช่นนี้ก็ดี ข้าจะไม่ให้พวกเจ้าได้กลับออกไป !”
ฉากหน้ามันยังคงแสร้งทำเป็นโศกเศร้าพลางตะโกนอย่างหดหู่
“จี้เทียนซิง
หนี้เลือดต้องล้างด้วยเลือด เจ้าต้องชดใช้ชีวิตศิษย์รักของข้า !”
"หยุนเหยา เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า
จงล่าถอยไปให้ข้าประมุขเดี๋ยวนี้ หากยังดื้อรั้นก็อย่าได้โทษว่าข้าหนักมือ !”
หยุนเหยาและเอี๋ยนเอ๋อร์มีสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับจี้เทียนซิง
ทั้งสามมาด้วยกันก็ย่อมกลับด้วยกัน
พวกเขาจะทิ้งจี้เทียนซิงไว้เพียงลำพังได้อย่างไร ?
ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาก็เห็นพ้องต้องกันว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นแผนการสมรู้ร่วมคิดของเทียนเจี้ยนจง
!
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved