ตอนที่ 125

โทสะพุ่งพล่าน

จี้เทียนซิงเห็นเต็มสองตาว่าจี้เค่อถูกผลักตกหน้าผา  ดวงตาของเขาปรากฏเส้นเลือดฝอยสีแดงจนแทบปริแตก

เขาตกตะลึงต่อความโหดเหี้ยมของจี้หลิง

หน้าอกของเขาพองเป่งจนแทบระเบิดไปด้วยโทสะและเจตนาฆ่าฟัน

ในขณะนั้นเอง

ความโกรธแค้นและจิตสังหารอันรุนแรงพลันปะทุซ่านจนทำให้ชายหนุ่มเสียสติไปโดยสิ้นเชิงและกลายเป็นดั่งสัตว์ร้ายตัวหนึ่ง

“จี้....หลิง ! เจ้ามันชั่วช้า  ข้าจะฆ่าเจ้า !!”

จี้เทียนซิงกรีดร้องและพุ่งเข้าหาอีกฝ่ายทันที

“ปัง ปัง  ปัง  ปัง !”

เขายิงหมัดสีทองออกไปสี่หมัดทันที  แต่ละหมัดแฝงไว้ด้วยพลังที่เพียงพอทำให้ก้อนหินใหญ่ต้องปริแตก

จี้หลิงเชิดหน้าขึ้นและวาดกระบี่ออกไปสวนจนเกิดเป็นเงากระบี่สีดำที่ต้านรับกับพลังทำลายของจี้เทียนซิง

เงาหมัดและเงากระบี่ปะทะเข้าหากัน

ระเบิดเป็นเสียงอู้อี้ดังกึกก้อง

ท้ายที่สุดแล้วจี้เทียนซิงก็ยังไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตปราณจิตจึงยังไม่สามารถใช้พลังปราณควบแน่นเป็นคลื่นหมัดหรือคลื่นกระบี่ได้

หมัดลุ่นๆของเขาเต็มไปด้วยเนื้อและเลือด

ถึงแม้ว่าจะแฝงไว้ด้วยพลังปราณแต่มันก็ยังยากที่ต่อต้านคมกระบี่ของอีกฝ่ายได้

เขาถูกบีบให้ต้องถอยรูดและรับกระบี่หลายครั้งหลายคราจากจี้หลิงจนถึงใต้ศาลา

ด้วยความเกลียดชังอันรุนแรงและจิตสังหารที่ปะทุซ่าน

ทำให้เขาไม่คิดเก็บงำสิ่งใดอีกต่อไป

เขาปะทุปราณกระบี่และโคจรเพลงกระบี่ดาราเหินในทันควัน

“คมมีดพันขนนก !”

จี้เทียนซิงระเบิดปราณกระบี่สีทองหกสายออกมาทันทีและโจมตีเข้าหาจี้หลิงอย่างรวดเร็ว

ภายในช่วงเวลาสั้นๆปราณกระบี่หกเส้นสายพุ่งโจมตีออกไปทุกทิศทางนับร้อยครั้ง

จี้หลิงถูกปกคลุมไปด้วยลำแสงสีทองในรัศมีสามเมตรของร่างกาย มันดูวิจิตรงดงามมาก แต่สภาพของเขากลับน่าสังเวชยิ่ง

เขาต้านรับห่ากระบี่ที่โหมเข้าใส่อย่างสิ้นหวังแต่ก็ปัดป้องได้เพียงครึ่งเดียว

ฉึก ๆ ๆ ๆ ๆ...... !

ในพริบตาเขาถูกปราณกระบี่แทงมากกว่า

40 ครั้งและเสื้อคลุมสีฟ้าที่เคยสวมใส่ก็กลายเป็นขาดรุ่งริ่งดั่งกองผ้าขี้ริ้ว

ถึงแม้จะมีเกราะไหมทองคุ้มกันที่รับกระบี่ส่วนใหญ่แทน

แต่ช่วงแขนและขาของเขาก็ยังคงถูกแทงด้วยปราณกระบี่ที่เหลือจนเกิดหลุมเลือดไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง

เมื่อได้เห็นว่าปราณกระบี่ทั้งหกสายของจี้เทียนซิงยังคงกระหน่ำฟาดซัดออกไปไม่หยุด

และจี้หลิงกำลังจะถูกแทงจนพรุน

ช่วงเวลานั้นเองในป่าที่อยู่ไม่ไกลก็มีร่างเงาสูงใหญ่ในชุดขาวของชายหนุ่มพุ่งทะยานออกมาและสาดกระบี่เข้าหาร่างของจี้เทียนซิง

ชายหนุ่มเสื้อคลุมสีขาวก็คือเจียนอวี้นั่นเอง

ใบหน้าของเขายังคงซีดขาวและฝีเท้าก็ไม่คล่องแคล้วดั่งเดิม  แต่ดวงตาของเขากลับจดจ้องไปที่จี้เทียนซิงด้วยเจตนาฆ่าฟันอันเข้มข้น

ปากตะโกนคำรามลั่น

“จี้เทียนซิง ! วันนี้คือวันตายของเจ้า

!!”

เจียนอวี้ถีบร่างทะยานดุจลำแสงสายหนึ่งเข้าประชิดตัวจี้เทียนซิงและเสือกแทงออกไปเป็นลำแสงกระบี่สีเหลืองเข้มเก้าสาย

“ระยำ !  มันยังเรียกผู้ช่วยมาอีก !”

จี้เทียนซิงหน้าถอดสีทันทีและควบคุมปราณกระบี่ทั้งหมดกลับมาต้านรับการโจมตีของเจียนอวี้

แกร้ง แกร้ง แกร้ง .. !

ปราณกระบี่เบนเป้าเข้าปะทะกับลำแสงกระบี่ทั้งเก้าของอีกฝ่ายจนเกิดเสียงแหลมขึ้น

จี้เทียนซิงเห็นรูปร่างของเจียนอวี้และจดจำวิชากระบี่ชุดนี้ได้ในทันที

สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง

"เป็นเจ้า !  เจ้าก็คือชายชุดดำที่ลอบสังหารข้า !”

“เจ้าคือเจียนอวี้

!”

ตัวตนของเจียนอวี้ถูกค้นพบแล้ว

แต่เขาก็มิได้มีท่าทีตื่นตระหนกแต่อย่างใด

ดวงตาทอประกายโหดเหี้ยมและกล่าวอย่างเย้ยหยัน “เหอะๆ

ตอนนี้ก็รู้แล้วสินะ แต่ไม่สายไปหน่อยหรือ ?”

“วันนี้อย่าคิดฝันว่าจะรอดไปได้  เจ้าต้องตาย !”

เมื่อสิ้นเสียงอันเยือกเย็น

เจียนอวี้ก็โจมตีจี้เทียนซิงด้วยเพลงกระบี่อีกคำรบ

ในขณะเดียวกัน

จี้หลิงที่หลุดพ้นจากคมมีดพันขนนกก็รีบเข้ามาสมทบและฟาดซัดลำแสงกระบี่ออกไปประสานกับการโจมตีของเจียนอวี้เพื่อปิดล้อมจี้เทียนซิงอย่างมืดฟ้ามัวดิน

จี้เทียนซิงถูกกลุ้มรุมโจมตีโดยสองยอดฝีมือ

แต่เขาก็ยังมิได้ตื่นตระหนกมากนัก

“คมมีดพันขนนก !”

เขาสูดหายใจเข้าลึก

ควบคุมปราณกระบี่ทั้ง 6 กระจายการโจมตีออกไปรอบทิศเข้าหาทั้งสอง  เพียง 3 ลมหายใจปราณกระบี่ก็สาดซัดรัวถี่ยิบร่วม

300 กระบี่ !

ลำแสงกระบี่ของเจียนอวี้และจี้หลิงถูกทำลายสลายไปหมดสิ้นอย่างฉับพลันด้วยปราณกระบี่สีทอง

ทั้งสองถูกบีบให้ต้องล่าถอยซ้ำแล้วซ้ำอีกและเกิดหลุมบนร่างขึ้นหลายหลุม  ใบหน้าของพวกเขาซีดขาวดูน่าอเนถอนาถยิ่ง

"ระยำ ! ทำไมจี้เทียนซิงถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้

?”

“เพลงกระบี่ผีสางอันใด ? มันสามารถข่มการโจมตีของพวกเราได้อย่างหมดสิ้น”

ในขณะที่เจียนอวี้กับจี้หลิงกำลังสู้พลางถอยพลาง

สีหน้าของพวกเขาก็ดูหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ

เดิมทีพวกเขาคิดว่าด้วยการลงมือพร้อมกันย่อมสามารถฆ่าจี้เทียนซิงที่มีพลังยุทธ์ด้อยกว่าได้อย่างไม่ยากเย็นนัก แต่สิ่งที่พวกเขาคาดไม่ถึงก็คืออำนาจในการโจมตีและเพลงกระบี่ของจี้เทียนซิงที่ทรงพลานุภาพ

มันเป็นเพลงกระบี่ที่ทั้งรวดเร็วและรุนแรงจนไม่อาจคาดเดาได้

พวกเขาทั้งสองพ่ายแพ้จี้เทียนซิงอย่างน่าเหลือเชื่อ

!

หลังจากผ่านไปอีกไม่กี่ลมหายใจ

คมมีดพันขนนกก็สิ้นสุดกระบวนท่าลง

จี้เทียนซิงกระพริบแสงเย็นจับจิตและร่ายเพลงกระบี่วายุอัสนีกระหน่ำต่ออีกครั้งหมายจะปิดฉากการต่อสู้โดยเร็วที่สุดก่อนจะสิ้นพลัง

“วายุ... อัสนีกระหน่ำ !!”

ชายหนุ่มคำรามก้องและโคจรพลังเรียกปราณกระบี่ทั้งหกให้ผสานกันเป็นสอง

มัน ก่อรูปเป็นปราณกระบี่ยักษ์ที่ยาวสองเมตรครึ่งและผลักเข้าหาเจียนอวี้

ปราณกระบี่สองเล่มส่องแสงสว่างจ้าด้วยไอเย็นและหมุนวนเป็นพายุเฮอริเคนที่รุนแรงจนต้นไม้สองฝากข้างต่างก็โยกคลอนจนแทบจะหักโค่น

ต้นไม้ใบหญ้าเล็กๆมากมายถูกดูดพัดแทบหมดสิ้น

จากนั้นเส้นสายอัสนีบาตยาวครึ่งเมตรก็ฟาดซัดเข้าใส่เจียนอวี้เป็นรายแรก

"เปรี้ยง !!"

เจียนอวี้ตกตะลึงและยกกระบี่ขึ้นต้านรับแต่มันก็ไร้ประโยชน์

เสียงอัสนีผ่าเข้าใส่กระบี่ในมือจนหลุดกระเด็นออกไป

จากนั้นร่างสีขาวก็ลอยละลิ่วเป็นเส้นโค้งกลางอากาศและกลิ้งไปในป่าไกลถึงสามเมตร

เขาพยายามชันกายดิ้นรนอยู่ในป่าหลายครั้งคราแต่ก็ไม่อาจลุกขึ้นได้อีก

เขารู้สึกชาด้านมึนงงไปทั้งตัวจนเลือดลมตีกลับและศรโลหิตสีแดงเข้มฉีดพุ่งออกจากปากชโลมไปทั่วพื้นหญ้า

ถึงแม้เจียนอวี้จะยังไม่ตายแต่ก็บาดเจ็บสาหัส

จี้เทียนซิงจึงไม่สนใจอีกฝ่ายพลางถีบร่างพุ่งเข้าหาจี้หลิงดุจลำแสง

“จี้.... หลิง ! เจ้ามันเดรัจฉาน

! วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าเพื่อเค่อเค่อ !”

จี้เทียนซิงตะโกนอย่างบ้าคลั่งดุจคนเสียสติและปะทุปราณกระบี่ออกมาอีกรอบ

หมายล้างสังหารให้สิ้นซาก

จี้หลิงที่เห็นเจียนอวี้ถูกไอกระบี่อัสนีบาตฟาดซัดจนกระอักเลือดล้มฟุบอยู่ในพงหญ้าและไม่อาจลุกขึ้นมาอีกได้ก็เริ่มหวาดกลัวจนหน้าซีดเผือด

เมื่อจี้เทียนซิงควบรวมปราณกระบี่อีกครั้งหมายจู่โจม

เขาจะเอาอะไรไปต้านรับ ?

ขณะนี้

ในหัวเพียงคิดแต่ล่าถอยอย่างสิ้นหวัง ในใจกระวนกระวายอย่างรุนแรง

“ต้องหนี !  ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าสารเลวจี้เทียนซิงจะก้าวหน้าจนถึงขั้นนี้

!”

“พี่ลู่

ท่านต้องลงมือแล้ว หากท่านไม่มา

ข้าคงต้องทอดร่างเป็นศพที่นี่แล้ว !”

จี้หลิงร่ำร้องในใจหวังว่าลู่หมิงหยางจะปรากฏตัวมาช่วยกู้วิกฤติตรงหน้าเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้

ในขณะนั้นเองปราณกระบี่สองเล่มโจมตีจากซ้ายและขวา

ส่องสว่างเจิดจ้าหมุนวนเป็นพายุเฮอริเคนที่มีความรุนแรง

"เปรี้ยง !"

ลำแสงกระบี่ที่ผสานกับพายุเฮอริเคนทุบกระแทกเข้าใส่จี้หลิงดุจอัสนีบาตจนกระเด็นกลิ้งไปกับพื้นนับสิบรอบก่อนจะหยุดลงได้

จี้หลิงล้มลงที่ขอบหน้าผา

เปิดปากสำลักโลหิตกองโตออกมาและสั่นสะท้านไปทั่วสรรพางค์กาย

ถึงแม้จะมีเกราะอ่อนไหมทองคุ้มกาย

แต่ด้วยพลังทำลายล้างของวายุอัสนีกระหน่ำก็ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและไร้ซึ่งความสามารถในการต่อสู้อีกต่อไป

เมื่อเห็นว่าจี้เทียนซิงก็กำลังเดินเข้าหาด้วยดวงตาแดงก่ำเต็มไปด้วยจิตสังหาร

จี้หลิงก็เริ่มรู้สึกสิ้นหวัง

อย่างไรก็ตาม

ทันใดนั้นเองจี้หลิงก็ได้เห็นเงาร่างสองร่างที่พุ่งทะยานมาอย่างรวดเร็ว

นั่นก็คือลู่หมิงหยางกับชายในเสื้อคลุมสีดำอีกคน

จิตใจที่มืดมนเริ่มรู้สึกผ่อนคลาย

เขาแสยะยิ้มและแสร้งตะโกนออกมาด้วยความโกรธแค้น “จี้เทียนซิง ! เจ้ามันชั่วช้าสารเลวนัก เจ้าฆ่าศิษย์ร่วมนิกายเพียงเพราะความแค้นส่วนตัว

เจ้าต้องได้รับโทษตามกฏแน่ !”

จี้เทียนซิงชะงักฝีเท้าในทันทีและขมวดคิ้วแน่น

เขาหันหลังไปมองด้านหลังโดยสัญชาตญาณและได้เห็นลู่หมิงหยางกับชายเสื้อคลุมดำที่กำลังพุ่งทะยานมาอย่างรวดเร็วในทันที

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้จักชายเสื้อคลุมสีดำผู้นี้

แต่ก็รับรู้ได้โดยอัตโนมัติว่าคนผู้นี้เป็นหนึ่งในผู้ดูแลของนิกายพันธมิตรสวรรค์

แน่นอนว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนของจี้หลิง

ลู่หมิงหยางกับผู้ดูแลชุดดำได้เห็นสภาพเลือดท่วมตัวของจี้หลิงก็คำรามอย่างขุ่นเคือง  “ผู้อาวุโส

ท่านดูนั่นสิ ! จี้เทียนซิงผู้นี้โหดเหี้ยมอำมหิต

แม้กระทั่งอยู่ในนิกายมันก็ยังกล้าลงมือทำร้ายศิษย์ร่วมสำนัก !“