โทสะพุ่งพล่าน
จี้เทียนซิงเห็นเต็มสองตาว่าจี้เค่อถูกผลักตกหน้าผา ดวงตาของเขาปรากฏเส้นเลือดฝอยสีแดงจนแทบปริแตก
เขาตกตะลึงต่อความโหดเหี้ยมของจี้หลิง
หน้าอกของเขาพองเป่งจนแทบระเบิดไปด้วยโทสะและเจตนาฆ่าฟัน
ในขณะนั้นเอง
ความโกรธแค้นและจิตสังหารอันรุนแรงพลันปะทุซ่านจนทำให้ชายหนุ่มเสียสติไปโดยสิ้นเชิงและกลายเป็นดั่งสัตว์ร้ายตัวหนึ่ง
“จี้....หลิง ! เจ้ามันชั่วช้า ข้าจะฆ่าเจ้า !!”
จี้เทียนซิงกรีดร้องและพุ่งเข้าหาอีกฝ่ายทันที
“ปัง ปัง ปัง ปัง !”
เขายิงหมัดสีทองออกไปสี่หมัดทันที แต่ละหมัดแฝงไว้ด้วยพลังที่เพียงพอทำให้ก้อนหินใหญ่ต้องปริแตก
จี้หลิงเชิดหน้าขึ้นและวาดกระบี่ออกไปสวนจนเกิดเป็นเงากระบี่สีดำที่ต้านรับกับพลังทำลายของจี้เทียนซิง
เงาหมัดและเงากระบี่ปะทะเข้าหากัน
ระเบิดเป็นเสียงอู้อี้ดังกึกก้อง
ท้ายที่สุดแล้วจี้เทียนซิงก็ยังไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตปราณจิตจึงยังไม่สามารถใช้พลังปราณควบแน่นเป็นคลื่นหมัดหรือคลื่นกระบี่ได้
หมัดลุ่นๆของเขาเต็มไปด้วยเนื้อและเลือด
ถึงแม้ว่าจะแฝงไว้ด้วยพลังปราณแต่มันก็ยังยากที่ต่อต้านคมกระบี่ของอีกฝ่ายได้
เขาถูกบีบให้ต้องถอยรูดและรับกระบี่หลายครั้งหลายคราจากจี้หลิงจนถึงใต้ศาลา
ด้วยความเกลียดชังอันรุนแรงและจิตสังหารที่ปะทุซ่าน
ทำให้เขาไม่คิดเก็บงำสิ่งใดอีกต่อไป
เขาปะทุปราณกระบี่และโคจรเพลงกระบี่ดาราเหินในทันควัน
“คมมีดพันขนนก !”
จี้เทียนซิงระเบิดปราณกระบี่สีทองหกสายออกมาทันทีและโจมตีเข้าหาจี้หลิงอย่างรวดเร็ว
ภายในช่วงเวลาสั้นๆปราณกระบี่หกเส้นสายพุ่งโจมตีออกไปทุกทิศทางนับร้อยครั้ง
จี้หลิงถูกปกคลุมไปด้วยลำแสงสีทองในรัศมีสามเมตรของร่างกาย มันดูวิจิตรงดงามมาก แต่สภาพของเขากลับน่าสังเวชยิ่ง
เขาต้านรับห่ากระบี่ที่โหมเข้าใส่อย่างสิ้นหวังแต่ก็ปัดป้องได้เพียงครึ่งเดียว
ฉึก ๆ ๆ ๆ ๆ...... !
ในพริบตาเขาถูกปราณกระบี่แทงมากกว่า
40 ครั้งและเสื้อคลุมสีฟ้าที่เคยสวมใส่ก็กลายเป็นขาดรุ่งริ่งดั่งกองผ้าขี้ริ้ว
ถึงแม้จะมีเกราะไหมทองคุ้มกันที่รับกระบี่ส่วนใหญ่แทน
แต่ช่วงแขนและขาของเขาก็ยังคงถูกแทงด้วยปราณกระบี่ที่เหลือจนเกิดหลุมเลือดไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง
เมื่อได้เห็นว่าปราณกระบี่ทั้งหกสายของจี้เทียนซิงยังคงกระหน่ำฟาดซัดออกไปไม่หยุด
และจี้หลิงกำลังจะถูกแทงจนพรุน
ช่วงเวลานั้นเองในป่าที่อยู่ไม่ไกลก็มีร่างเงาสูงใหญ่ในชุดขาวของชายหนุ่มพุ่งทะยานออกมาและสาดกระบี่เข้าหาร่างของจี้เทียนซิง
ชายหนุ่มเสื้อคลุมสีขาวก็คือเจียนอวี้นั่นเอง
ใบหน้าของเขายังคงซีดขาวและฝีเท้าก็ไม่คล่องแคล้วดั่งเดิม แต่ดวงตาของเขากลับจดจ้องไปที่จี้เทียนซิงด้วยเจตนาฆ่าฟันอันเข้มข้น
ปากตะโกนคำรามลั่น
“จี้เทียนซิง ! วันนี้คือวันตายของเจ้า
!!”
เจียนอวี้ถีบร่างทะยานดุจลำแสงสายหนึ่งเข้าประชิดตัวจี้เทียนซิงและเสือกแทงออกไปเป็นลำแสงกระบี่สีเหลืองเข้มเก้าสาย
“ระยำ ! มันยังเรียกผู้ช่วยมาอีก !”
จี้เทียนซิงหน้าถอดสีทันทีและควบคุมปราณกระบี่ทั้งหมดกลับมาต้านรับการโจมตีของเจียนอวี้
แกร้ง แกร้ง แกร้ง .. !
ปราณกระบี่เบนเป้าเข้าปะทะกับลำแสงกระบี่ทั้งเก้าของอีกฝ่ายจนเกิดเสียงแหลมขึ้น
จี้เทียนซิงเห็นรูปร่างของเจียนอวี้และจดจำวิชากระบี่ชุดนี้ได้ในทันที
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง
"เป็นเจ้า ! เจ้าก็คือชายชุดดำที่ลอบสังหารข้า !”
“เจ้าคือเจียนอวี้
!”
ตัวตนของเจียนอวี้ถูกค้นพบแล้ว
แต่เขาก็มิได้มีท่าทีตื่นตระหนกแต่อย่างใด
ดวงตาทอประกายโหดเหี้ยมและกล่าวอย่างเย้ยหยัน “เหอะๆ
ตอนนี้ก็รู้แล้วสินะ แต่ไม่สายไปหน่อยหรือ ?”
“วันนี้อย่าคิดฝันว่าจะรอดไปได้ เจ้าต้องตาย !”
เมื่อสิ้นเสียงอันเยือกเย็น
เจียนอวี้ก็โจมตีจี้เทียนซิงด้วยเพลงกระบี่อีกคำรบ
ในขณะเดียวกัน
จี้หลิงที่หลุดพ้นจากคมมีดพันขนนกก็รีบเข้ามาสมทบและฟาดซัดลำแสงกระบี่ออกไปประสานกับการโจมตีของเจียนอวี้เพื่อปิดล้อมจี้เทียนซิงอย่างมืดฟ้ามัวดิน
จี้เทียนซิงถูกกลุ้มรุมโจมตีโดยสองยอดฝีมือ
แต่เขาก็ยังมิได้ตื่นตระหนกมากนัก
“คมมีดพันขนนก !”
เขาสูดหายใจเข้าลึก
ควบคุมปราณกระบี่ทั้ง 6 กระจายการโจมตีออกไปรอบทิศเข้าหาทั้งสอง เพียง 3 ลมหายใจปราณกระบี่ก็สาดซัดรัวถี่ยิบร่วม
300 กระบี่ !
ลำแสงกระบี่ของเจียนอวี้และจี้หลิงถูกทำลายสลายไปหมดสิ้นอย่างฉับพลันด้วยปราณกระบี่สีทอง
ทั้งสองถูกบีบให้ต้องล่าถอยซ้ำแล้วซ้ำอีกและเกิดหลุมบนร่างขึ้นหลายหลุม ใบหน้าของพวกเขาซีดขาวดูน่าอเนถอนาถยิ่ง
"ระยำ ! ทำไมจี้เทียนซิงถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้
?”
“เพลงกระบี่ผีสางอันใด ? มันสามารถข่มการโจมตีของพวกเราได้อย่างหมดสิ้น”
ในขณะที่เจียนอวี้กับจี้หลิงกำลังสู้พลางถอยพลาง
สีหน้าของพวกเขาก็ดูหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ
เดิมทีพวกเขาคิดว่าด้วยการลงมือพร้อมกันย่อมสามารถฆ่าจี้เทียนซิงที่มีพลังยุทธ์ด้อยกว่าได้อย่างไม่ยากเย็นนัก แต่สิ่งที่พวกเขาคาดไม่ถึงก็คืออำนาจในการโจมตีและเพลงกระบี่ของจี้เทียนซิงที่ทรงพลานุภาพ
มันเป็นเพลงกระบี่ที่ทั้งรวดเร็วและรุนแรงจนไม่อาจคาดเดาได้
พวกเขาทั้งสองพ่ายแพ้จี้เทียนซิงอย่างน่าเหลือเชื่อ
!
หลังจากผ่านไปอีกไม่กี่ลมหายใจ
คมมีดพันขนนกก็สิ้นสุดกระบวนท่าลง
จี้เทียนซิงกระพริบแสงเย็นจับจิตและร่ายเพลงกระบี่วายุอัสนีกระหน่ำต่ออีกครั้งหมายจะปิดฉากการต่อสู้โดยเร็วที่สุดก่อนจะสิ้นพลัง
“วายุ... อัสนีกระหน่ำ !!”
ชายหนุ่มคำรามก้องและโคจรพลังเรียกปราณกระบี่ทั้งหกให้ผสานกันเป็นสอง
มัน ก่อรูปเป็นปราณกระบี่ยักษ์ที่ยาวสองเมตรครึ่งและผลักเข้าหาเจียนอวี้
ปราณกระบี่สองเล่มส่องแสงสว่างจ้าด้วยไอเย็นและหมุนวนเป็นพายุเฮอริเคนที่รุนแรงจนต้นไม้สองฝากข้างต่างก็โยกคลอนจนแทบจะหักโค่น
ต้นไม้ใบหญ้าเล็กๆมากมายถูกดูดพัดแทบหมดสิ้น
จากนั้นเส้นสายอัสนีบาตยาวครึ่งเมตรก็ฟาดซัดเข้าใส่เจียนอวี้เป็นรายแรก
"เปรี้ยง !!"
เจียนอวี้ตกตะลึงและยกกระบี่ขึ้นต้านรับแต่มันก็ไร้ประโยชน์
เสียงอัสนีผ่าเข้าใส่กระบี่ในมือจนหลุดกระเด็นออกไป
จากนั้นร่างสีขาวก็ลอยละลิ่วเป็นเส้นโค้งกลางอากาศและกลิ้งไปในป่าไกลถึงสามเมตร
เขาพยายามชันกายดิ้นรนอยู่ในป่าหลายครั้งคราแต่ก็ไม่อาจลุกขึ้นได้อีก
เขารู้สึกชาด้านมึนงงไปทั้งตัวจนเลือดลมตีกลับและศรโลหิตสีแดงเข้มฉีดพุ่งออกจากปากชโลมไปทั่วพื้นหญ้า
ถึงแม้เจียนอวี้จะยังไม่ตายแต่ก็บาดเจ็บสาหัส
จี้เทียนซิงจึงไม่สนใจอีกฝ่ายพลางถีบร่างพุ่งเข้าหาจี้หลิงดุจลำแสง
“จี้.... หลิง ! เจ้ามันเดรัจฉาน
! วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าเพื่อเค่อเค่อ !”
จี้เทียนซิงตะโกนอย่างบ้าคลั่งดุจคนเสียสติและปะทุปราณกระบี่ออกมาอีกรอบ
หมายล้างสังหารให้สิ้นซาก
จี้หลิงที่เห็นเจียนอวี้ถูกไอกระบี่อัสนีบาตฟาดซัดจนกระอักเลือดล้มฟุบอยู่ในพงหญ้าและไม่อาจลุกขึ้นมาอีกได้ก็เริ่มหวาดกลัวจนหน้าซีดเผือด
เมื่อจี้เทียนซิงควบรวมปราณกระบี่อีกครั้งหมายจู่โจม
เขาจะเอาอะไรไปต้านรับ ?
ขณะนี้
ในหัวเพียงคิดแต่ล่าถอยอย่างสิ้นหวัง ในใจกระวนกระวายอย่างรุนแรง
“ต้องหนี ! ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าสารเลวจี้เทียนซิงจะก้าวหน้าจนถึงขั้นนี้
!”
“พี่ลู่
ท่านต้องลงมือแล้ว หากท่านไม่มา
ข้าคงต้องทอดร่างเป็นศพที่นี่แล้ว !”
จี้หลิงร่ำร้องในใจหวังว่าลู่หมิงหยางจะปรากฏตัวมาช่วยกู้วิกฤติตรงหน้าเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้
ในขณะนั้นเองปราณกระบี่สองเล่มโจมตีจากซ้ายและขวา
ส่องสว่างเจิดจ้าหมุนวนเป็นพายุเฮอริเคนที่มีความรุนแรง
"เปรี้ยง !"
ลำแสงกระบี่ที่ผสานกับพายุเฮอริเคนทุบกระแทกเข้าใส่จี้หลิงดุจอัสนีบาตจนกระเด็นกลิ้งไปกับพื้นนับสิบรอบก่อนจะหยุดลงได้
จี้หลิงล้มลงที่ขอบหน้าผา
เปิดปากสำลักโลหิตกองโตออกมาและสั่นสะท้านไปทั่วสรรพางค์กาย
ถึงแม้จะมีเกราะอ่อนไหมทองคุ้มกาย
แต่ด้วยพลังทำลายล้างของวายุอัสนีกระหน่ำก็ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและไร้ซึ่งความสามารถในการต่อสู้อีกต่อไป
เมื่อเห็นว่าจี้เทียนซิงก็กำลังเดินเข้าหาด้วยดวงตาแดงก่ำเต็มไปด้วยจิตสังหาร
จี้หลิงก็เริ่มรู้สึกสิ้นหวัง
อย่างไรก็ตาม
ทันใดนั้นเองจี้หลิงก็ได้เห็นเงาร่างสองร่างที่พุ่งทะยานมาอย่างรวดเร็ว
นั่นก็คือลู่หมิงหยางกับชายในเสื้อคลุมสีดำอีกคน
จิตใจที่มืดมนเริ่มรู้สึกผ่อนคลาย
เขาแสยะยิ้มและแสร้งตะโกนออกมาด้วยความโกรธแค้น “จี้เทียนซิง ! เจ้ามันชั่วช้าสารเลวนัก เจ้าฆ่าศิษย์ร่วมนิกายเพียงเพราะความแค้นส่วนตัว
เจ้าต้องได้รับโทษตามกฏแน่ !”
จี้เทียนซิงชะงักฝีเท้าในทันทีและขมวดคิ้วแน่น
เขาหันหลังไปมองด้านหลังโดยสัญชาตญาณและได้เห็นลู่หมิงหยางกับชายเสื้อคลุมดำที่กำลังพุ่งทะยานมาอย่างรวดเร็วในทันที
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้จักชายเสื้อคลุมสีดำผู้นี้
แต่ก็รับรู้ได้โดยอัตโนมัติว่าคนผู้นี้เป็นหนึ่งในผู้ดูแลของนิกายพันธมิตรสวรรค์
แน่นอนว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนของจี้หลิง
ลู่หมิงหยางกับผู้ดูแลชุดดำได้เห็นสภาพเลือดท่วมตัวของจี้หลิงก็คำรามอย่างขุ่นเคือง “ผู้อาวุโส
ท่านดูนั่นสิ ! จี้เทียนซิงผู้นี้โหดเหี้ยมอำมหิต
แม้กระทั่งอยู่ในนิกายมันก็ยังกล้าลงมือทำร้ายศิษย์ร่วมสำนัก !“
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved