ตอนที่ 269

เช่นนั้น

เจ้าก็จงตายซะ

จี้เทียนซิงกำลังจะถูกกรงเล็บหมาป่า

หากกระทบร่างแน่นอนว่าไม่สาหัสก็ปางตาย

“พิษสงร้ายนัก !”

เขาแค่นเสียงในใจ

ดวงตากระพริบถี่ด้วยแสงอันเยือกเย็น

ในช่วงวิกฤตนี้

เขากระตุ้นคลื่นกระบี่ออกมาสองสายโดยไม่ลังเล

กระแทกเข้าใส่อุ้งเท้ากรงเล็บของอันหยิง

“ฟุ่บ ฟุ่บ  !”

คลื่นกระบี่สีทองสองสายปรากฏขึ้นจากอากาศที่บางเบา

มันแทงทะลุอุ้งเท้าของอันหยิงโดยไม่ทันตั้งตัว

จี้เทียนซิงไร้รอยขีดข่วน

และปราณกระบี่สองสายที่พุ่งออกมานั้นทะลุผ่านตัดพื้นดินจนเป็นรอย

มนุษย์หมาป่าอันหยิงกระเด็นออกไปและสั่นไปทั่วร่าง

เท้าใหญ่ของมันรูดไถลไปกับพื้นลานประลองหลายก้าวก่อนที่จะยืนหยัดได้อย่างมั่นคง

มันมองลงไปที่ฝ่ามือและพบว่ามีรูเลือดปรากฏขึ้นบนฝ่ามือแต่ละข้าง

โลหิตสีแดงชาดไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง

อะ  วู้วววววววว !

ด้วยผลลัพธ์ที่ไม่ได้ดั่งใจทำให้มันรู้สึกอึดอัดคับข้อง

มันเห่าหอนออกมาด้วยความโกรธแค้น

ผู้ชมรอบๆอัฒจันทร์ผุดลุกขึ้นยืนมองและได้เห็นอันหยิงบาดเจ็บจากการโจมตีของจี้เทียนซิง

พวกเขาแสดงสีหน้าตกใจออกมาพร้อมทั้งส่งเสียงอุทานอย่างไม่อยากเชื่อ !

ไม่มีใครคิดว่าทันทีที่การต่อสู้เริ่มขึ้น

ทั้งสองฝ่ายลงมือเพียงสองกระบวนท่าเท่านั้น แต่อันหยิงกลับได้รับบาดเจ็บเสียแล้ว !

ในการท้าดวลก่อนหน้านี้

มีหลายครั้งที่อันหยิงได้รับบาดเจ็บมากบ้างน้อยบ้างตามสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม

ทุกครั้งที่อันหยิงประลองและบาดเจ็บ ฝ่ายตรงข้ามก็อาการสาหัสปางตายหรือไม่ก็ตกตายไปเลยด้วยซ้ำ   !

มาถึงครั้งนี้

ผู้ชมหลายคนตกตะลึงไม่น้อย

หลังจากดึงสติกลับมาได้

พวกเขาก็ตะโกนโห่ร้องส่งเสียงเชียร์ดังสนั่นเพื่อส่งแรงใจให้มนุษย์หมาป่าอันหยิงฮึกเหิมและฉีกร่างจี้เทียนซิงเป็นชิ้นๆ

น่าเสียดาย

มนุษย์หมาป่าอันหยิงเข้าใจภาษาเผ่าพันธุ์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์เสียที่ไหน ?

มันเพิกเฉยต่อปฏิกิริยาของผู้ชมทุกคน

ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยพลางจ้องมองจี้เทียนซิงพร้อมกับอ้าปากเห่าหอนคำรามออกมา

“ระยำบัดซบ ! เจ้ากล้าทำร้ายข้า

?”

"เจ้าต้องตาย ! ข้าจะบิดหัวกบาลเจ้าและฉีกเป็นชิ้นๆ

! จากนั้นข้าจะถลกหนังเจ้าและกระทืบให้บี้แบนเป็นกองเนื้อ”

“ด้วยวิธีการนี้เท่านั้นข้าถึงจะสามารถระบายความโกรธแค้นในใจออกมาได้

!”

มันก้นด่าสาปแช่งรัวเป็นชุดด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยโทสะ

ทว่าน่าเสียดายที่มันพูดออกมาเป็นภาษาของเผ่าอสูร

ไม่มีใครเข้าใจคำด่าของมันแม้แต่น้อย ...

อันหยิงโกรธจัดอย่างสมบูรณ์

ปรากฏปราณหมอกหนาทั่วร่างกายของมัน

เห็นได้ชัดว่ามันกำลังกระตุ้นพละกำลังทั้งหมดออกมา

“ฟุ่บ !”

มันทะยานออกไปเป็นเกิดเป็นภาพติดตาสีเทาที่ปรากฏข้างๆจี้เทียนซิง

จากนั้นอุ้งมือที่เต็มไปด้วยกรงเล็บแหลมคมก็กวาดฟาดลงมาอีกครั้ง

“ย่างก้าวไร้เงา !”

จี้เทียนซิงใช้ท่าร่างออกมาทันที

ร่างกายกระพริบไหวหนีออกไปไกลห้าเมตรในเสี้ยวพริบตา

“คิดหนี ? ฝันไปเถอะ

!”

“ฟุ่บ !  ”

ความเร็วของอันหยิงมิได้ชะงักหรือลดลง

มันดีดร่างทะยานไล่ตามติดจี้เทียนซิงต่อไป

ความเร็วของมันในระลอกนี้เหนือล้ำกว่าย่างก้าวไร้เงาของจี้เทียนซิง

ดังนั้นมันเป็นการยากที่เขาจะมองเห็นการเคลื่อนที่ของมันได้ชัดเจน

ในช่วงนี้เอง

ชายหนุ่มหรี่ตาลงอย่างเคร่งขรึม ดวงตาจับจ้องอยู่ที่เงาร่างของอันหยิงที่กระพริบมาทางซ้ายทีขวาที

จากนั้นเขาก็กระโดดถอยหลังหนีออกไปครั้ง

ทั้งสองไล่ล่ากันในลานประลองและเปิดฉากการต่อสู้ที่ดุเดือดและน่าอัศจรรย์

ผู้ชมรอบอัฒจันทร์เห็นเพียงพวกเขาทั้งสองกลายเป็นกลุ่มเงาสองกลุ่มที่กระพริบโผล่ทางฝั่งซ้ายที

ขวาที

มีเพียงยอดฝีมือระดับปราณจิตขั้นที่ห้าขึ้นไปจึงจะสามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวและลูกเล่นของพวกเขาทั้งสองได้

ส่วนผู้ฝึกยุทธ์ที่ระดับพลังฝีมืออ่อนด้อยกว่านั้น

แม้จะพอมองตามทัน แต่ภาพที่เห็นก็ยังเบลอๆและไม่ชัดเจนนัก

จี้เทียนซิงหลบหลีกอย่างน่าหวาดเสียวมาได้ห้าครั้งติดต่อกัน ในที่สุดเมื่ออันหยิงใช้กระบวนท่าที่หกออกมา เขาก็ไม่สามารถหนีพ้นกรงเล็บอันแหลมคมของมันได้อีก

คว้ากกกกกกกกกก

!

เสียงฉีกขาดลากยาวดังขึ้นทั่วลานประลอง

เสื้อคลุมสีขาวส่วนหน้าอกของเขาถูกฉีกระชากขาดแหว่งในทันที

ปรากฏเป็นร่องโหว่และมีเศษเสื้อหลุดร่วงออกมา

ในช่องว่างของเสื้อคลุมสีขาว

เกราะอ่อนสีทองเข้มจินหยางถูกเปิดเผยออกมา และมีรอยเล็บลากเป็นทางยาวหลายเส้นบนพื้นผิว

จี้เทียนซิงไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก

แต่สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป ดวงตากลายเป็นเคร่งเครียดจริงจัง

“เร็ว  เร็วมาก

!”

“ยิ่งสู้มันก็ยิ่งเร็วขึ้นจนข้ามิอาจหลบเลี่ยงได้ทัน

ท่าร่างของมนุษย์หมาป่าตัวนี้สามารถเปลี่ยนตนเองเป็นกลุ่มหมอกที่ยากจะเห็นได้ชัดตา  ไม่แปลกใจว่าทำไมมันถึงได้ชื่อว่าอันหยิง !”  (暗影  อัน,อานหยิง  暗 อานแปลว่าลึกลับ ยากจะมองเห็น มืดมน  影 หยิงแปลว่าเงา)

“ไม่ได้การ ข้าไม่อาจเอาแต่หลบหลีกได้อีกต่อไป หากเกราะอ่อนจินหยางหมดสภาพเมื่อไหร่ข้าคงถูกมันฉีกเป็นชิ้นๆ”

ในใจของเขากระพริบผ่านด้วยมวลความคิดเหล่านี้

จากนั้นร่างกายของเขาก็ปะทุเจตนาต่อสู้ขึ้นเช่นกัน

เขาตัดสินใจที่จะเข้าต่อกรด้วยพลังและเคล็ดวิชาเพื่อห่ำหั่นกับอันหยิงให้รู้ชัดกันไปข้าง

!

ในเวลาเดียวกัน

อันหยิงก็พุ่งเข้าหาอีกครั้ง ร่างของมันกลายเป็นเมฆหมอกและรวดเร็วเกือบจะเท่าสายฟ้าฟาด

ครั้งนี้มันไม่ได้ใช้เพียงกรงเล็บสองข้างเล็งเข้าที่ศีรษะและลำคอของจี้เทียนซิง

แต่มันกางฝ่ามือออกเหวี่ยงปราณคมมีดหมอกสิบสองเล่มออกมา

หมายจะสังหารอีกฝ่ายให้ดับดิ้น

“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว ..... !”

คมมีดสายหมอกสิบสองเล่มราวกับลูกธนู

ยิงเข้าหาศีรษะ ลำคอและหน้าอกของจี้เทียนซิงอย่างรวดเร็ว

เดิมทีชายหนุ่มคิดว่ามันจะใช้เพียงการโจมตีทางกายภาพเท่านั้น

เขาไม่คิดว่ามันจะใช้พลังปราณโจมตีออกมาได้เหมือนเผ่าพันธุ์มนุษย์  ลักษณะการโจมตีระลอกนี้ของมันคล้ายคลึงกับเคล็ดวิชาคลื่นพลังกระบี่ที่ใช้โจมตีในระยะไกลของเผ่ามนุษย์ไม่ผิดเพี้ยน

ภายใต้สถานการณ์ที่เปลี่ยนไปนี้

เขาเกือบจะพลาดพลั้ง

แต่โชคดีที่เขาเยือกเย็นและรวดเร็วพอที่จะหลบหนีได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปด

“ฉึก ฉึก ฉึก !”

คมมีดหมอกปราณจำนวนมากหล่นลงมาบนพื้นลานประลอง

มันแทงเข้าไปและตัดคว้านพื้นดินจนกลายเป็นร่องน้ำ

“สัตว์ร้ายเจ้าเล่ห์ที่น่ารังเกียจ ตายซะ !”

จี้เทียนซิงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดพลันกระตุ้นคลื่นกระบี่สีทองสามเล่มให้ปรากฏขึ้นและร่ายเคล็ดวิชากระบี่ดาราเหินเข้าโจมตีอันหยิง

“คมมีดขนนกพันเล่ม !”

คลื่นกระบี่สามเล่มแตกตัวออกเป็นเก้าในคราเดียว

พลันจู่โจมออกไปอย่างรวดเร็วราวกับคลื่นแสงประกายแสง

มันปรากฏทั่วจากทุกทิศทางและทุกแง่มุม

“ฉัว

ฉัวะ  ฉัวะ !”

เก้ากระบี่แสงส่องประกายพร่างพราวก่อเกิดเป็นเงากระบี่นับไม่ถ้วนราวกับห่าฝนเกาทัณฑ์ที่ห่อหุ้มทั่วร่างอันหยิง

ทันใดนั้น

หน้าของมันก็ถอดสี ดวงตาสีเขียวเผยให้เห็นความสยดสยองผองเกล้า

เห็นได้ชัดว่ามันไม่เคยพบเจอกระบวนท่าเช่นนี้ของเผ่าพันธุ์มนุษย์มาก่อน

มันคาดไม่ถึงว่าจอมยุทธ์ในขอบเขตปราณจิตจะสามารถรังสรรค์การโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ออกมาได้อย่างทรงอำนาจขนาดนี้

ในช่วงวิกฤติ

มันหลบเลี่ยงอย่างไร้ความลังเลและโบกกรงเล็บคู่นั้นออกไปต้านทานคลื่นกระบี่มหาศาล

“ป้ง

ป้ง   ป้ง  .........   !”

เสียงกรงเล็บปะทะกระบี่ดังระงมไม่ขาดสายทั่วทั้งอัฒจันทร์และรอบเวที

หลังจากช่วงเวลาสั้นๆเพียงห้าอึดใจ

คลื่นกระบี่ทั้งเก้าก็สลายไปในที่สุด

จนกว่าจะถึงตอนนั้น

ผู้ชมบนอัฒจันทร์ก็เริ่มได้เห็นร่างของอันหยิงหลังจากโดนกระบวนท่านี้เข้าจู่โจม

มันยังคงยืนหยัดอย่างมั่นคงและไม่ล้มลง

ทว่าทั่วร่างของมันปกคลุมไปด้วยบาดแผลไขว้นับไม่ถ้วน

เลือดสีแดงเข้มฉีดพุ่งออกมาชโลมไปทั่วขนสีเทาของมันจนกลายเป็นสีแดง

สภาพของมันตอนนี้ช่างดูน่าสังเวชและกลายเป็นหมาป่าอาบเลือด

!

หากมองอย่างใกล้ชิดจะพบว่าร่างของมันประทับรอยแผลกระบี่อย่างน้อยก็ร่วมร้อยสาย

หากเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกยุทธ์เผ่าพันธุ์มนุษย์ทั่วไป

หลังจากได้รับบาดเจ็บสาหัสสากรรจ์ขนาดนี้

แน่นอนว่าย่อมสูญสิ้นพลังและความแข็งแกร่งจนไม่อาจสู้ต่อไปได้แล้ว

แต่ทว่าอันหยิงคือเผ่าพันธุ์อสูร

มันดุร้าย ป่าเถื่อนและมีความทนทานยิ่งกว่า!

อะ

วู้ววววววววว !!

มันคำรามก้องและกัดฟันแน่นสะกดอาการบาดเจ็บ

พุ่งทะยานเข้าหาจี้เทียนซิงอย่างบ้าคลั่งมากขึ้น

มองผ่านดวงตาคู่นั้น

จี้เทียนซิงสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าภายในดวงตาสีเขียวของมันเต็มไปด้วยความกระหายเลือดและความบ้าคลั่ง

“เผ่าอสูรช่างมีพลังและความทรหดสูงล้ำยิ่งนัก

แม้จะสาหัสขนาดนี้แต่มันก็ยังสามารถสู้ต่อไปได้ !”

เขาส่งเสียงพึมพำพลางแสยะยิ้มลับๆ

“เช่นนั้น เจ้าก็ตายซะเถอะ !”