ตอนที่ 20

นางลงมืออีกครั้ง

เมื่อถูกฮวาหยุนเฟยยั่วยุต่อหน้าต่อตา

จี้เทียนซิงที่เป็นรุ่นเยาว์เลือดร้อนย่อมต้องเกิดความคิดต่อสู้เป็นธรรมดา

ทุกคนในห้องโถงใหญ่ทั้งตกใจและประหลาดใจ

พวกเขาจ้องมองไปที่ชายหนุ่มทั้งสองคนและกระสันจะชมการต่อสู้ครั้งนี้

จี้เทียนซิงยืนห่างจากฮวาหยุนเฟย

10 ก้าว มือขวากุมกระบี่มังกรโลหิต

ส่วนฮวาหยุนเฟยชักกระบี่เหล็กดำขั้นล้ำลึกออกมาและคำรามใส่อีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเย็นชาแฝงจิตสังหาร  จากนั้นมันก็ออกกระบวนท่าเข้าหาจี้เทียนซิง

“จี้เทียนซิง รับกระบวนท่า !”

กระบี่เหล็กดำขั้นล้ำลึกแฝงไปด้วยปราณกระบี่ของยอดยุทธ์เขตแดนต้นกำเนิดแท้จริง

ก่อให้เกิดรอยแตกบนอากาศ และเสือกแทงเข้าที่หน้าของจี้เทียนซิง

ชายหนุ่มตอบโต้โดยไร้ซึ่งการลังเล

เขากระชับกระบี่มังกรโลหิตไว้แน่นรอจนกระทั่งกระบี่ของอีกฝ่ายใกล้จะถึงตัว

เขาไม่ได้ใช้พลังจากปราณกระบี่ทั้ง

12 สายในร่างที่ควบแน่นทิ้งไว้

แต่ใช้เพียงแค่พลังของระดับปรับแต่งกายขั้นที่ 9 เพื่อปะทุวิชาสิบยอดกระบี่ซึ่งเป็นวิชากระบี่ที่ดีที่สุดของเขา

เคร้ง !

กระบี่ทั้งสองเล่มชนกันและกระแทกเข้าหากัน

ทันใดนั้นมันก็กลายเป็นเสียงแหลมแสบแก้วหูสะท้อนกึกก้องไปทั่วห้องโถงใหญ่

ในพริบตา

จี้เทียนซิงลงมือใส่ฮวาหยุนเฟยไปถึง 3 กระบวนท่า

ชายหนุ่มทั้งสองใช้ท่าร่างอันยอดเยี่ยม

กระพริบไปมาในห้องโถงราวกับพวกเขาเป็นกระต่ายที่ปราดเปรียว

กระบี่ทั้งสองเล่มต่างก็ปะทะกัน

ฝ่ายหนึ่งราวกับมังกรทะยานเหนือมหาสมุทร อีกฝ่ายหนึ่งดั่งกระเรียนราวสยายปีก เสียงของการปะทะยังคงดังต่อเนื่องด้วยประกายแสงอันเยือกเย็น

เหล่ารุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์หลายคนในห้องโถงต่างก็มีสีหน้างุนงงเล็กน้อย

และแสดงสีหน้าซับซ้อนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าจี้เทียนซิงที่เป็นดั่งชนชั้นขยะจะสามารถต่อสู้กับฮวาหยุนเฟยในเขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงขั้นที่

2 ได้สูสีขนาดนี้

บางคนเริ่มกระซิบกระซิบกันด้วยความตกอกตกใจ

“นี่เกินกว่าสามกระบวนท่าแล้ว

แต่จี้เทียนซิงกลับยังมิพ่ายแพ้ เป็นไปได้อย่างไร ?!”

“เป็นไปไม่ได้ ! หากมันมีความแข็งแกร่งในระดับปรับแต่งกายาขั้นที่

9 เป็นไปไม่ได้ที่จะทานรับพลังฝีมือของฮวาหยุนเฟยไหว

!”

“หรือว่าแท้จริงแล้วความแข็งแกร่งของจี้เทียนซิงฟื้นฟูกลับสู่เขตแดนต้นกำเนิด

?”

คนส่วนใหญ่เริ่มเกิดความไม่เข้าใจและในใจเต็มไปด้วยความสงสัย

แต่เหล่าอัจฉริยะ

10 อันดับแรกนั้นกลับยังมีสีหน้าผ่อนคลายและมีรอยยิ้ม

วีรบุรุษคู่ดำขาวต่างก็มองไปที่การต่อสู้ระหว่างจี้เทียนซิงและฮวาหยุนเฟยอย่างอวดดี

ทั้งคู่แสดงท่าทีที่สูงส่ง

“หึ

จี้เทียนซิงไม่ได้อยู่ในเขตแดนต้นกำเนิดแท้จริง

มันมีพลังในระดับปรับแต่งกายาขั้นที่ 9 เท่านั้น

เหตุผลที่ทำให้มันสามารถพัวพันกับฮวาหยุนเฟยได้โดยไม่แพ้ก็คืออีกฝ่ายยังไม่ได้ใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมด"

เหล่ารุ่นเยาว์มากพรสวรรค์ทั้งหลายที่ได้ยินคำอธิบายของวีรบุรุษคู่ดำขาวก็ตระหนักได้ในทันที

แน่นอนว่าฮวาหยุนเฟยล้มเหลวในการฉวยโอกาสเป็นฝ่ายได้เปรียบจากกระบวนท่าแรกๆ  ด้วยความที่ถือดีว่ามีพลังเหนือกว่า

แต่ไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ดั่งใจก็ทำให้เกิดโทสะครอบงำจนไม่อาจตั้งสมาธิและใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดออกมาได้

ใบหน้าของมันมืดครึ้มและเย็นชาราวกับน้ำแข็ง

ร่างกายแผ่ซ่านกลิ่นอายอันเยือกเย็นออกมา

ฝ่ามือของมันพลุกพล่านไปด้วยพลังต้นกำเนิดสีดำน้ำเงินและกระบี่เหล็กดำขั้นล้ำลึกของมันก็ฉาบเคลือบไปด้วยชั้นแสงสีฟ้า

มันโคจรพลังต้นกำเนิดไปจนถึงขีดสุดและทำให้วิชากระบี่รุนแรงและรวดเร็วขึ้นเป็นสองเท่า

!

“ฮึ่ม !”

หลังจากกระบี่เหล็กดำขั้นล้ำลึกและกระบี่มังกรโลหิตปะทะกันอีก

3 ครั้ง

จี้เทียนซิงก็เผยสีหน้าตกตะลึงและถอยหลังไปหลายก้าว

เมื่อเห็นฉากนี้เหล่ารุ่นเยาว์หลายคนในห้องโถงใหญ่ต่างก็ส่งเสียงเชียร์และปรบมือให้กับฮวาหยุนเฟย

ดูเหมือนว่าฮวาหยุนเฟยจะได้รับการสนับสนุนจากผู้คนรอบด้านเป็นอย่างมาก

การแสดงออกของมันยิ่งดุดันน่ากลัวยิ่งขึ้น

มันไม่ปล่อยให้จี้เทียนซิงได้พักหายใจและฟาดฟันกระบี่ซ้ำออกไปอีกครั้งทันที

จี้เทียนซิงถูกล้อมไว้ด้วยเงากระบี่สีดำน้ำเงิน

เงากระบี่แต่เล่มต่างก็พุ่งชี้ไปที่คิ้ว ลำคอและหน้าอกซึ่งเป็นจุดตายแทบทั้งสิ้น !

สถานการณ์ของเขานั้นอันตรายมากและอาจจะจบชีวิตได้หากประมาทแม้เพียงเล็กน้อย

แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่ลนลาน

เขาตั้งสมาธิและเหวี่ยงกระบี่มังกรโลหิตออกไปอย่างเยือกเย็นเพื่อต่อต้านการโจมตีของฮวาหยุนเฟย

ด้วยวิชาสิบยอดกระบี่

เขาสามารถปิดกั้นการโจมตีถึงชีวิตของฮวาหยุนเฟยได้ครั้งแล้วครั้งเล่า

อย่างไรก็ตาม

ปริมาณพลังต้นกำเนิดที่ฮวาหยุนเฟยปะทุออกมานั้นทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆและการโจมตีก็เกรี้ยวกราดมากขึ้น

ด้วยความแข็งแกร่งทางกายภาพที่ด้อยกว่าต่อให้ผสานกับวิชาสิบยอดกระบี่

จี้เทียนซิงย่อมมิอาจต้านทานการโจมตีของฮวาหยุนเฟยได้นานนัก

เขาทำได้เพียงต้านรับและถอยร่นอย่างต่อเนื่อง

ความแข็งแกร่งภายในของเขาซึ่งก็คือปราณกระบี่

12 สาย มันพร้อมที่จะถูกปล่อยออกไปได้ทุกเมื่อ  แต่ชายหนุ่มก็ปฏิเสธความคิดที่จะใช้ปราณกระบี่อย่างดื้อรั้นและไม่ยินยอม

ในตอนนี้เขาไม่ต้องการเปิดเผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงและความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อหน้าทุกคนและหลิงหยุนเฟย

ผู้คนในห้องโถงใหญ่เริ่มรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆทุกครั้งที่กระบี่ของฮวาหยุนเฟยถูกจี้เทียนซิงปัดป้องเอาไว้ได้  ทุกคนร่ำร้องส่งเสียงออกมาด้วยความประหลาดใจและเผยให้เห็นถึงความคาดหวัง

โทสะของฮวาหยุนเฟยทวีคูณขึ้นเรื่อยๆและรู้สึกละอายใจตนเองไม่สามารถเอาชนะจี้เทียนซิงได้สักที

ในที่สุดความอดทนของมันก็หมดลงและใช้กระบวนท่าที่รุนแรงที่สุดออกมา

“จี้เทียนซิง ลงนรกไปซะ !”

ฮวาหยุนเฟยคำรามด้วยจิตสังหารท่วมท้นและฟาดฟันเงากระบี่ออกไป

9 สายในทันที

ชายหนุ่มไม่กล้าประมาทวิชากระบี่นี้

เขาพยายามหลบเลี่ยงแต่กลับช้าไปเสี้ยววินาทีจนโดนเงากระบี่สีน้ำเงินเล่มหนึ่งแทงเข้าที่น่องซ้าย   เลือดไหลออกมาหยดลงบนพื้นหินอ่อนจนกลายเป็นสีแดงส่องประกายภายใต้แสงไฟ

ร่างกายของจี้เทียนซิงชะงักและความคล่องตัวลดลงเล็กน้อย

ฮวาหยุนเฟยเผยสีหน้าแห่งความปีติยินดี

เขาไล่ล่าไม่ลดละและแทงเงากระบี่สีน้ำเงินออกไป

"ตายซะ !"

คราวนี้เงากระบี่แสงสีฟ้าทั้งเก้าเล่มล้อมรอบร่างของจี้เทียนซิงเอาไว้

เขาไร้ทางหนีอีกต่อไป

“สุดท้ายก็ต้องใช้มันหรือนี่......”

เมื่อได้เห็นว่าตนเองกำลังจะถูกแทงด้วยเงากระบี่

ดวงตาของจี้เทียนซิงก็ส่องประกายเย็นเยียบ

เขายังคงลังเลเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจ

เขาไม่ต้องการใช้ปราณกระบี่ในร่างเพียงแค่ป้องกันเงากระบี่ของฮวาหยุนเฟย

แต่ยังจะใช้มันเพื่อสังหารอีกฝ่าย !

ถึงแม้ว่าเขาจะต้องเปิดเผยความแข็งแกร่งและไพ่ตายในที่สาธารณะ

แต่เวลานี้เขาไม่สนใจแล้ว

อย่างไรก็ตาม

ในขณะที่จี้เทียนซิงเกิดความคิดและกำลังจะกระตุ้นปราณกระบี่  ทันใดนั้นเองก็มีแสงสีทองอร่ามของคลื่นกระบี่ฟาดฟันลงมาจากชั้นสองของห้องโถงใหญ่

มันเป็นคลื่นพลังกระบี่ขนาดใหญ่กว่า

2 เมตรและกว้างเท่ากับฝ่ามือ มันแฝงไว้ด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัวและทำลายเงากระบี่ทั้ง

9 ของฮวาหยุนเฟยได้ทันที

"ปง !"

ท่ามกลางเสียงดังสนั่น

เงากระบี่ทั้ง 9 ก็พังทลายลงในเวลาเดียวกันและเหือดหายไปทันที

เท่านั้นยังไม่พอ

คลื่นกระบี่ขนาดใหญ่เจาะทะลุพื้นหินอ่อนจนเกิดรอยปริแตกขนาดใหญ่

ฮวาหยุนเฟยได้รับผลกระทบจากพลังอันน่าสะพรึงกลัวไปด้วย

เขากระอักเลือดคำโตออกมาทันที

ฉากที่เกิดขึ้นในฉับพลันครั้งนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึงและโง่งมอย่างสมบูรณ์

แม้แต่จี้เทียนซิงก็ไม่คิดว่าจะมียอดฝีมือยื่นมือเข้าช่วยเขาในเวลาวิกฤตเช่นนี้

!

ชายหนุ่มมองขึ้นไปที่ชั้นสองของห้องโถงโดยไม่รู้ตัว

ดวงตาของเขาตกลงที่ห้องๆหนึ่งที่ถูกกั้นไว้ด้วยม่าน

ในขณะเดียวกันก็มีเสียงแหลมสดใสและอ่อนหวานของอิสตรีดังขึ้นจากภายในห้อง “แลกเปลี่ยนชี้แนะกระบวนท่า

ไฉนถึงได้มุ่งหมายเอาชีวิตกันเล่า ?”

เมื่อได้ยินเสียงอันไพเราะและคุ้นเคยนี้

ร่างกายของจี้เทียนซิงก็สั่นสะท้าน ดวงตาของเขาทอประกายและมีรอยยิ้ม