ความกระสับกระส่ายไร้ที่มา
ในเมื่อซวนซวนมีเจตนาจะช่วยเหลือ
จี้เทียนซิงจะปฏิเสธได้อย่างไร ?
ชายหนุ่มตอบตกลง
หลังจากกล่าวขอบคุณนาง เขาก็ตามนางเข้าไปในสวนสมุนไพรและสดับรับฟังการแนะนำสมุนไพรแต่ละชนิด
“สมุนไพรสีม่วงเข้มนี้เรียกว่าไผ่ใจม่วง มันเป็นสมุนไพรวิญญาณที่หาได้ยากยิ่งและต้องใช้เวลาเติบโตถึงเก้าปีก่อนจะนำมาหลอมเป็นโอสถได้ มันสามารถนำมาปรุงเป็นโอสถวิเศษได้ทุกชนิด”
“ส่วนหญ้าสีน้ำเงินต้นนี้คือดอกไม้น้ำแข็ง มันจะเบ่งบานทุกคืนที่พระจันทร์เต็มดวง ส่วนใหญ่จะใช้เพื่อปรับแต่งโอสถจันทร์น้ำแข็งและสามารถช่วยเพิ่มทักษะ
... "
ซวนซวนแนะนำสมุนไพรหลากหลายชนิดในขณะที่เดินไป
ทันใดนั้นจี้เทียนซิงก็บังเอิญเดินเข้าไปใกล้กับดอกไม้วิญญาณต้นหนึ่งและกำลังจะยื่นมือสัมผัส
ซวนซวนรีบเอ่ยเตือนอย่างรวดเร็ว “เทียนซิง อย่าได้สัมผัสโดนหญ้ากร่อนกระดูก ! มันมีสีสันงดงามแต่ก็มีพิษสูง หากท่านแตะต้องมัน
เนื้อและกระดูกของท่านจะถูกกัดกร่อน !”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงอ่อนโยนของนาง
จี้เทียนซิงก็รีบถอนมือออกมาอย่างรวดเร็วและเผยยิ้มแสดงความขอบคุณ
ซวนซวนกล่าวต่อไปว่า
“ที่จริงแล้วสมุนไพรกว่า 3,000 ชนิดในสวนนี้มีบางประเภทมีพิษและบางชนิดก็มีพิษสูงมาก”
“ในขณะที่ท่านมองดูสมุนไพรในสวนโอสถ ขออย่าสัมผัสกับสมุนไพรโดยประมาท
มิฉะนั้นท่านอาจได้รับพิษโดยไม่รู้ตัว”
จี้เทียนซิงพยักหน้าและจดจำทุกประโยคที่นางพูด
ทั้งสองเดินในสวนสมุนไพรเหมือนเดินเล่น ด้วยความช่วยเหลือของซวนซวนทำให้จี้เทียนซิงจดจำสมุนไพรได้นับพันชนิดภายในวันเดียว
ทั้งสองพูดคุยกันมากมายในขณะที่เดินศึกษาสมุนไพร ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเริ่มใกล้ชิดกันมากขึ้นจึงคบหาเป็นมิตรสหาย
พอถึงช่วงเย็น
ซวนซวนต้องกลับที่พักดังนั้นทั้งสองจึงเดินออกจากสวนโอสถเคียงคู่กัน
นอกประตูสวน
ซวยซวนเผยยิ้มอ่อนหวานและโบกมือน้อยๆของนางเพื่อร่ำลาจี้เทียนซิง
จี้เทียนซิงยืนอยู่
ณ ทางเดินยาวที่มีต้นไม้เรียงรายและมองเงาหลังที่ค่อยๆลับตาไปของนาง รอยยิ้มอันอ่อนโยนสายหนึ่งปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา
"มันเป็นเรื่องแปลกทีเดียว.... ข้าเพิ่งรู้จักนางไม่ถึงวัน
ไฉนถึงได้รู้สึกผูกพันกับนางขนาดนี้ ? ยามนางจากไปข้ากลับรู้สึกโหวงๆและรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยนาง...
มันเกิดอะไรขึ้นกับข้า ?”
ชายหนุ่มกระซิบแผ่วเบากับตัวเองด้วยความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ
ถึงแม้ว่าซวนซวนจะงดงามอย่างยิ่งและบุคลิกท่วงท่าก็อ่อนโยนงามสง่าราวกับสตรีสูงศักดิ์ แต่จี้เทียนซิงก็รู้ตัวว่ามันเองไม่ใช่บุรุษประเภทที่ชอบพัวพันกับสาวงามจนเกินพอดี
อีกทั้งมันแน่ใจว่าตนเองไม่ได้คิดเกินเลยกับซวนซวน
ความรู้สึกอึดอัดกระวนกระวายใจของเขาเป็นความรู้สึกเหมือนพี่ชายที่ต้องการดูแลน้องสาวของตนเองให้ดี
ในขณะเดียวกันจิตใจของเขาก็ค่อนข้างสับสนและครุ่นคิดเกี่ยวกับตัวตนและศักดิ์ฐานะของซวนซวน
ถึงแม้ว่าซวนซวนจะไม่เปิดเผยตัวตนของนาง
แต่จี้เทียนซิงก็รู้ว่านางไม่ใช่คนไม่ดี
นอกจากนี้ด้วยระดับพลังฝีมือของนางย่อมมิใช่ศิษย์สายนอก เป็นไปได้สูงว่านางน่าจะเป็นศิษย์สายในหรือไม่ก็เป็นศิษย์ส่วนตัวของอาวุโสท่านใดท่านหนึ่งในนิกาย
ซึ่งศิษย์สายในจะสวมเสื้อคลุมสีขาวที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น หากนางไม่ใช่ตัวตนที่พิเศษจริงๆย่อมไม่มีทางสวมใส่อาภรณ์ที่แตกต่างจากศิษย์คนอื่นๆ
ดังนั้นจี้เทียนซิงจึงสรุปว่าซวนซวนน่าจะเป็นศิษย์พิเศษสายใน
“ช่างเถอะ คิดให้มากความไปใย ? ปวดหัวเปล่าๆ
ในเมื่อข้ากับศิษย์น้องซวนซวนตกลงคบหาเป็นสหายกันแล้วทำไมต้องไปค้นหาตัวตนของนางด้วย
?”
หลังจากคิดไร้สาระอยู่พักหนึ่ง
จี้เทียนซิงก็ส่ายหัวและเดินไปตามทางที่มีต้นไม้เรียงรายอย่างสวยงามเพื่อกลับไปยังหอยุทธ์ฟงอวิ๋น
หลังจากที่เขากลับมาถึงที่พัก
เซี่ยวเฟิงก็นำอาหารมาส่งให้พอดี อาหารเย็นวันนี้คล้ายกับเมื่อวาน มีข้าวชามเดียวแต่น้ำซุปเปลี่ยนไป
จี้เทียนซิงกินอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อยก็นั่งหลับตาอยู่ภายในห้องเพื่อทำสมาธิและเตรียมฝึกฝนอย่างหนักต่อไป
อย่างไรก็ตามเขานั่งบ่มเพาะอยู่เป็นเวลาครึ่งชั่วโมง
ในหัวกลับปรากฏเรือนร่างและรอยยิ้มอ่อนหวานของซวนซวนขึ้นเป็นครั้งคราวราวกับภาพมายาจนยากที่ชายหนุ่มจะสงบใจลงได้
ดังนั้นเขาจึงนั่งที่โต๊ะข้างหน้าต่างและเปิดอ่านตำราพันโอสถแทน
ผ่านไปสองชั่วโมงโดยไม่รู้ตัว
มันเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้วและหอยุทธ์ฟงอวิ๋นก็เงียบสงัดอย่างมาก
จี้เทียนซิงนั่งอ่านตำราโอสถอยู่
จู่ๆเขาก็รุ้สึกตื่นตัวและมองไปนอกหน้าต่างพลางขมวดคิ้ว
ประสาทสัมผัสทั้งห้าของเขาเฉียบคมมากและรู้สึกว่ามีดวงตาคู่หนึ่งแอบมองเขาอยู่
ความรู้สึกที่ถูกจับจ้องเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกกระสับกระส่ายและยากที่จะสงบสติอารมณ์ลง
เขารีบวางตำราโอสถลงและเดินไปที่หน้าต่าง
“ฟุ่บ !”
นอกหน้าต่างเป็นท้องฟ้าอันมืดมิดยามราตรี
แต่บนหลังคาที่อยู่ไม่ไกลจากเขากลับมีเงาดำวูบไหวอยู่
“ใช่จริงๆ มีบางคนกำลังจับตามองดูข้า !”
จี้เทียนซิงขมวดคิ้ว
ดวงตาสาดประกายเย็นเยือก เขาพุ่งไปคว้ากระบี่มังกรดำบนเตียงทันทีแล้วกระโดดออกจากหน้าต่างและวิ่งไปที่ที่มีเงาดำปรากฎขึ้น
เงาดำนั้นแผ่กลิ่นอายเย็นชาออกมาเล็กน้อย
จากนั้นวัตถุหนึ่งก็พุ่งออกมาจากความมืดมิด
"ชู่ว !"
เสียงแหลมจากวัตถุบางอย่างกรีดผ่านอากาศและพุ่งไปที่ใบหน้าของจี้เทียนซิงด้วยพลังปราณอันแข็งแกร่งที่ฉาบเคลือบเอาไว้
จี้เทียนซิงตะลึงงันและชักกระบี่ขึ้นมาทันที ด้วยเสียง ‘เคร้ง’ ที่ดังขึ้น
กระบี่มังกรดำปิดกั้นการโจมตีจากสิ่งนั้นและมันก็ร่วงลงกับพื้น
ในเวลานี้เขาเห็นมันชัดเจนขึ้น
มันเป็นอาวุธลับชนิดหนึ่ง
"ระยำ ! ผู้ใดลอบโจมตีข้า ?!”
จี้เทียนซิงแค่นเสียงเย็น
ในใจเต็มไปด้วยความสงสัย
ฟุ่บ
!
จี้เทียนซิงพุ่งตัวออกไปด้วยพลังทั้งหมดเพื่อตามจับเงาร่างนั้นเพื่อดูว่าใครที่คิดโจมตีตนเอง
อย่างไรก็ตาม
เมื่อเขาไล่ตามร่างนั้นตั้งแต่หอยุทธ์ฟงอวิ๋นไปถึงจนถึงในป่าหลังภูเขาก็พบว่ามันได้หายไปแล้ว
จี้เทียนซิงไม่ยอมเลิกรา
เขาควงกระบี่มังกรดำฟาดฟันกิ่งไม้รายทางที่ขวางทางอย่างดุเดือด
แต่หลังจากค้นหาอยู่พักใหญ่ๆก็ยังไม่พบร่องรอยของเงาร่างนั้นแม้แต่น้อย
เขาทำได้เพียงถอนหายใจและกลับที่พัก
เมื่อกลับมาถึงห้องเขาก็นั่งลงบนเตียงและขมวดคิ้ว
“คนๆนั้นแอบจับตามองข้า
พอข้าไหวตัวทันมันก็ซัดอาวุธลับเข้าใส่เพื่อโจมตี ... มันหมายชีวิตข้าแน่นอนแต่ไม่กล้าทำอย่างเปิดเผย เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้ไม่อยากเปิดเผยร่องรอยและศักดิ์ฐานะ..."
“ดังนั้น บุคคลผู้นี้ต้องเป็นคนในนิกายพันธมิตรสวรรค์แน่นอน
อีกทั้งยังมีพลังในเขตแดนเชื่อมปราณอีกด้วย !”
“แต่ข้าก็เพิ่งเข้านิกายมาได้แค่สองวัน
ข้าไม่มีเรื่องบาดหมางกับผู้ใดมาก่อน ทำไมถึงได้มีคนคิดร้าย ?”
จี้เทียนซิงครุ่นคิดและวิเคราะห์เป็นเวลานานแต่ก็ไม่มีเงื่อนงำแม้แต่น้อย
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงเขาก็สงบใจลง
จากนั้นก็เข้าไปฝึกฝนในห้องลับ
เมื่อวานนี้ครูฝึกตู้หวู่มอบเคล็ดวิชาฉิงซ่งฉบับคัดลอกให้กับทุกคน
มันเป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะเบื้องต้นของนิกายพันธมิตรสวรรค์
จี้เทียนซิงเปิดเคล็ดวิชาฉิงซ่งเพื่อดูรายละเอียดและพบว่านี่เป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะในระดับสูง
ถึงแม้ว่าเคล็ดวิชานี้จะถูกสืบทอดเป็นมรดกมานับพันปีของนิกายพันธมิตรสวรรค์
แต่เนื้อความและขั้นตอนการฝึกก็ยังสมบูรณ์ครบถ้วน
หากได้ฝึกฝนตามเคล็ดวิชานี้อย่างขยันขันแข็ง
รับรองได้ว่ารากฐานพลังยุทธ์ของผู้ฝึกจะต้องแข็งแกร่งแน่นอน
อย่างไรก็ตาม
หลังจากจี้เทียนซิงอ่านผ่านตาแล้วเขาก็โยนมันไว้ข้างๆและไม่คิดจะฝึกฝนแม้แต่น้อย
สำหรับจี้เทียนซิง
วิถีใจกระบี่เป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะที่เหมาะสมและน่าสนใจที่สุด เขามุ่งมั่นที่จะฝึกฝนวิถีใจกระบี่ขั้นที่สามและคิดจะไปถึงเขตแดนเชื่อมปราณให้ได้ภายในหกเดือน
......
เช้าวันรุ่งขึ้นจี้เทียนซิงก็บ่มเพาะเสร็จและเดินออกจากห้องลับ
หลังจากทำกิจวัตรประจำวันเสร็จ
เขาก็เดินออกจากห้องพร้อมถือตำราพันโอสถติดตัวไปด้วยและเตรียมมุ่งหน้าไปยังสวนโอสถวิญญาณเพื่อรอพบซวนซวน
แก๊ง
แก๊ง !
ในเวลานี้เองเสียงระฆังของจากในห้องโถงใหญ่ก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จี้เทียนซิงหยุดชะงักและเปลี่ยนทิศทางมุ่งหน้าไปยังห้องโถงพร้อมกับศิษย์คนอื่นๆอย่างรวดเร็ว
หลังจากทุกคนมารวมกันในห้องโถงครบถ้วน
พวกเขาก็เห็นครูฝึกชุดดำสามคนยืนรออยู่ก่อนแล้ว
สองคนแรกคือฮั่นเฉียวเซิงและต้าหวู่
ส่วนอีกคนหนึ่งจี้เทียนซิงไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน
ใบหน้าของครูฝึกเปล่งประกายแปลกๆ
แววตาดูเคร่งเครียดและเต็มไปด้วยความโกรธ
ทุกคนรู้สึกว่าบรรยากาศผิดปกติ
พวกเขาจึงยืนเกร็งอยู่ในห้องโถงด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและไม่กล้าส่งเสียงดัง
ดวงตาของฮั่นเฉียวเซิงกวาดผ่านบรรดาศิษย์ทั้งหมดและกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“เมื่อวาน.....
เพื่อจะให้พวกเจ้าได้รู้จักกับสมุนไพรชนิดต่างๆ ข้าจึงบอกต่อพวกเจ้าว่าสามารถเข้าไปศึกษาในสวนโอสถได้
แต่ข้าไม่ได้บอกว่าให้เด็ดมันออกมาจากสวน !”
“เมื่อวานนี้นอกจากซื่อจิงเฉิงกับอี้โม่แล้ว
ที่เหลืออีก 8 คนได้เข้าไปในสวนโอสถวิญญาณทั้งหมด
หนึ่งในนั้นละเมิดกฎและหยิบผลหยางขาวออกมาโดยพลการ !”
“ผู้ดูแลมู่ที่รับผิดชอบในสวนโอสถวิญญาณก็อยู่ที่นี่แล้ว
ผู้ใดที่ขโมยผลหยางขาวออกไปจากสวนก็ขอให้แสดงตัวขึ้นและสารภาพมาแต่โดยดี !”
ทุกคนเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นทันที
พวกเขาทั้งหมดหันไปมองหน้ากันเลิกลั่กและอยากรู้ว่าใครเป็นผู้ขโมยสมุนไพร
ผู้ดูแลมู่ส่งเสียงตะโกนออกมาว่า
“ผลหยางขาวเป็นสมุนไพรวิญญาณที่ล้ำค่ายิ่ง มันเบ่งบานทุกๆสิบปีและกว่าจะออกผลให้เก็บเกี่ยวก็ต้องรออีกยี่สิบปี
! พวกเจ้าเป็นถึงศิษย์หอยุทธ์ฟงอวิ๋นแต่กลับประพฤติตัวเยี่ยงโจร
กล้าขโมยผลหยางขาวไปเก็บเป็นสมบัติส่วนตัว
สร้างความอับอายให้แก่หอยุทธ์อันดับหนึ่งของสายนอกยิ่งนัก !”
“ข้าจะให้โอกาสเจ้า ผู้ใดก็ตามที่ขโมยผลหยางขาวขอให้ยืนขึ้นและยอมรับผิดแต่โดยดี
ข้าจะลงโทษสถานเบา !”
“มิเช่นนั้นข้าจะให้พวกเจ้าทุกคนนั่งอยู่ที่นี่เป็นการลงโทษ
!”
ศิษย์ทุกคนหันไปมองหน้ากันพลางกระซิบแผ่วเบาแต่ก็ยังไม่มีผู้ใดยืนขึ้นสารภาพผิด
จี้เทียนซิงก็เป็นอีกคนที่งุนงงไม่น้อยแต่ก็ยังวางตัวเป็นปกติ
ฮั่นเฉียวเซิงเงียบไปพักใหญ่ๆก็เห็นว่ายังไม่มีผู้ใดยอมรับสารภาพ
เขาจึงตะโกนออกมาว่า “ครูฝึกตู้
เจ้าพาผู้ดูแลมู่ไปค้นห้องของศิษย์ทั้งแปดคนเดี๋ยวนี้ !”
ตู้หวู่พยักหน้าและออกจากห้องโถงพร้อมกับผู้ดูแลสวนโอสถมู่เพื่อมุ่งหน้าไปค้นตามห้องพักของศิษย์ทั้งหมดยกเว้นซื่อจิงเฉิงและอี้โม้ทันที
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved