ตอนที่ 255

ตระเตรียมลงมือ

ย่างเข้ารัตติกาล

จี้เทียนซิงเสร็จสิ้นการบ่มเพาะและเดินออกจากห้องลับก็พบสาวใช้เสี่ยวซวงกำลังรออยู่หน้าประตู

หลังจากที่นางพบเขาก็รีบรายงานอย่างรวดเร็วว่า

“ศิษย์พี่จี้ เมื่อตอนบ่ายคนของศิษย์พี่ใหญ่หยุนเหยาส่งข้อความมาแจ้งว่า

‘เรื่องนั้น’ จะเริ่มพรุ่งนี้เช้า

นางจะรอท่านอยู่ที่เดิม”

“หืม ? ที่เดิม

?”

จี้เทียนซิงชะงักไป

แววตาปรากฏร่องรอยความครุ่นคิดสงสัยขึ้นวูบหนึ่ง

ในช่วงหลายเดือนนับตั้งแต่เข้าสู่นิกายพันธมิตรสวรรค์

เขาไปในสถานที่ต่างๆกับหยุนเหยามาแล้วหลายครั้งหลายครา

ซึ่งส่วนใหญ่สถานที่ที่ทั้งสองพบกันก็คือจตุรัสเชิงเขาใต้นิกาย

แน่นอนว่าเขาสามารถคาดเดาได้ทันทีว่าสถานที่เดิมที่หยุนเหยาพูดถึงนั้นก็คือจตุรัสแห่งนั้น

“ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าถอยไปได้” จี้เทียนซิงกล่าวพร้อมกับโบกมือ

หลังจากเสี่ยวซวงล่าถอยไป

ชายหนุ่มก็กลับไปที่ห้องเพื่อพักผ่อนและเตรียมพร้อมสำหรับภารกิจในวันพรุ่งนี้

ถึงแม้ว่าภารกิจกวาดล้างเผ่าปีศาจจะได้รับการวางแผนและลงมือโดยหยุนเหยา

แต่เขาก็ต้องเตรียมพร้อมอย่างดี

.............

คืนหนึ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว

เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นจี้เทียนซิงจัดการกิจวัตรประจำวันเสร็จก็เดินออกจากตำหนักเทียนซิง

มุ่งหน้าไปยังจัตุรัสเชิงเขาทันที

เมื่อมาถึงเขาก็เห็นกระเรียนวิญญาณขนาดใหญ่ยืนอยู่กลางจัตุรัส

โดยพบเงาร่างอรชรของหยุนเหยาอยู่ที่ด้านหลังของมัน

นอกจากนี้ยังมีหมียักษ์สีแดงตัวหนึ่งอยู่ข้างๆกระเรียนวิญญาณ

บนหลังของมันมีชายหนุ่มกำยำร่างใหญ่ดุจหอคอยนั่งอยู่

บุคคลผู้นี้ก็คือหนึ่งในศิษย์ฝ่ายในระดับหัวกะทิ, ฮ่าวเมิ่ง เขาขี่หมีเพลิงแดงและสะพายกระบี่ยักษ์ที่กลางหลัง

นอกจากหยุนเหยาและฮ่าวเมิ่งแล้ว

ยังมีศิษย์สาวกที่สวมเสื้อคลุมสีขาวอีกสิบคน

ซึ่งสมาชิกทั้งหมดนี้ล้วนเป็นศิษย์ฝ่ายในที่มีความแข็งแกร่ง

พวกเขามีพลังในระดับปราณจิตขั้นที่ห้าทั้งสิ้น

เมื่อสองวันก่อน

หยุนเหยาส่งข้อความไปในนิกายชั้นในเพื่อนำทีมไปปิดล้อมเผ่าพันธุ์ปีศาจ

ศิษย์ฝ่ายในหลายคนมีความกระตือรือร้นที่จะขันอาสาหลังจากทราบข่าวนี้

สุดท้ายหยุนเหยาจึงเลือกสมาชิกออกมาสิบคนจากผู้สมัครจำนวนมาก

ซึ่งในภารกิจนี้ทำให้พวกเขามีส่วนร่วมในการทำลายล้างเผ่าพันธุ์ปีศาจ

อีกทั้งยังจะได้รับรางวัลจากนิกายอีกด้วย

กล่าวได้ว่ามันคือการลงมือครั้งเดียวได้กำไรสองต่อ

เมื่อได้เห็นจี้เทียนซิงเดินมาที่จัตุรัส

ศิษย์ฝ่ายในหลายสิบคนก็มองดูเขาอย่างเงียบๆ สีหน้าท่าทางและแววตาดูซับซ้อน

วีรกรรมของเขากับไป๋หวู่เชินในวันนั้นเป็นที่รับรู้ไปทั่วทั้งนิกายพันธมิตรสวรรค์

ทุกคนมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันไปในเรื่องนี้

ศิษย์ทั้งสิบคนที่อยู่ตรงนี้ล้วนฟันธงว่าไป๋หวู่เชินจะต้องเป็นผู้ชนะ

พวกเขาไม่ได้มองจี้เทียนซิงในแง่บวกแม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตาม

จี้เทียนซิงมีฐานะเป็นศิษย์สายตรงของประมุขนิกาย

พวกเขาจึงทำได้เพียงกระซิบกระซาบกันลับๆโดยไม่กล้าแสดงท่าทางดูถูกเหยียดหยามในความไม่เจียมตัวของจี้เทียนซิงออกมาซึ่งๆหน้า

“ศิษย์พี่ใหญ่ !”

“ศิษย์พี่ฮ่าว !”

จี้เทียนซิงเดินเข้ามาในฝูงชนและกำหมัดคารวะทักทายหยุนเหยาและฮ่าวเมิ่ง ซึ่งทั้งสองก็ตอบโต้ด้วยการพยักหน้าให้เล็กน้อย

“ในเมื่อมากันครบแล้วก็ออกเดินทางได้” หยุนเหยากล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

จี้เทียนซิงกระโดดขึ้นขี่หลังกระเรียนวิญญาณและยืนเคียงข้างหยุนเหยาอย่างเปิดเผย

ทำให้เหล่าศิษย์ทั้งสิบคนต่างก็หน้าเหวอไปตามๆกัน

ดวงตาของพวกเขาทอประกายอิจฉาริษยาออกมาอย่างเห็นได้ชัด

จากนั้นหยุนเหยาก็ออกคำสั่งให้กระเรียนวิญญาณบินไปบนท้องฟ้าและออกจากนิกายพันธมิตรสวรรค์

ส่วนฮ่าวเมิ่งก็ขี่หมีเพลิงแดงและออกนำเหล่าศิษย์ทั้งสิบคนตามหลังมาทันที

ในระหว่างที่กระเรียนวิญญาณบินบนท้องฟ้าด้วยความเร็วสูง

จี้เทียนซิงที่ทอดสายตามองไปเบื้องหน้าก็เอ่ยปากขึ้นถามว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ แล้วคนของนิกายฤทัยจันทรา

สำนักหลิวเหอและนิกายตันติงเล่า ?  พวกเราจะบุกเข้าถ้ำปีศาจโดยตรงหรือ ?”

หยุนเหยาส่ายหัวเล็กน้อยและอธิบายว่า

“ข้าสงคนไปสืบข่าวล่วงหน้าแล้ว ผลออกมาว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจยังคงอยู่ในถ้ำปีศาจแห่งนั้น

อย่างไรก็ตามพวกมันดูเหมือนจะเริ่มตื่นตัวแล้ว

พวกเราไม่อาจนัดพบอีกสามนิกายใกล้ๆถ้ำได้เพื่อหลีกเลี่ยงการแหวกหญ้าให้งูตื่น”

“ดังนั้นข้าจึงส่งข่าวไปยังสามนิกายล่วงหน้าและนัดแนะให้มาพบกันที่ภูเขาหูลู่ไกลจากถ้ำปีศาจออกไปสองร้อยไมล์

ซึ่งแน่นอนว่าพวกปีศาจไม่มีทางพบพวกเราได้แน่”

จี้เทียนซิงฟังจบก็พยักหน้าและเผยรอยยิ้ม “ศิษย์พี่ใหญ่วางแผนและจัดการทุกอย่างได้รอบคอบนัก

มิน่าเล่าท่านประมุขของทั้งสามนิกายถึงได้ไว้ใจให้ท่านกำกับดูแลทุกอย่างในปฏิบัติการครั้งนี้”

หยุนเหยาเพียงผงกศีรษะเล็กน้อยโดยไม่ตอบคำ

ทั้งสองตกอยู่ในความเงียบ

ดวงตาจับจ้องไปเบื้องหน้าเฝ้ามองดูกระเรียนวิญญาณโบยบินผ่านขุนเขาและลำธารมากมาย

จนกระทั่งสองชั่วยามต่อมา

กระเรียนวิญญาณก็นำพาพวกเขามาถึงภูเขาหูลู่ได้ในที่สุดและลงจอดที่ทุ่งหญ้าแห่งหนึ่งบนเชิงเขา

จี้เทียนซิงกับหยุนเหยากระโดดลงจากหลังกระเรียนวิญญาณและยืนรออยู่ราวๆครึ่งชั่วยาม  จากนั้นฮ่าวเมิ่งและศิษย์ทั้งสิบคนก็ตามมาถึง

ฮ่าวเมิ่งที่ขี่หมีเพลิงแดงย่อมไม่อาจตามความเร็วกระเรียนวิญญาณของหยุนเหยาได้

นับประสาอะไรกับศิษย์ที่เหลืออีกสิบคนที่ขี่ม้าธรรมดา

พวกเขาต้องควบม้าไปตามทางอันขรุขระจึงทำให้เชื่องช้ากว่ามาก

“ทุกคนพักกันที่นี่ก่อน

พวกเราจะรอคนของอีกสามนิกายมาสมทบ”

หยุนเหยาออกคำสั่ง

จากนั้นสมาชิกทั้งหลายก็เริ่มจับจองที่นั่งเพื่อพักผ่อนและฟื้นฟูพละกำลัง

................

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ในขณะนี้เองนกยักษ์สีน้ำเงินตัวหนึ่งก็บินจากท้องฟ้าสู่ภูเขาแล้วบินวนไปวนมาเป็นวงกลม

จี้เทียนซิงจดจำได้ว่านกสีน้ำเงินตัวนี้ก็คือปักษาหยกวิญญาณ

ระดับสายเลือดและความแข็งแกร่งของมันเปรียบเทียบได้กับกระเรียนวิญญาณของหยุนเหยาทีเดียว

นกสีน้ำเงินลงจอด

จากนั้นก็มีเงาร่างงามสง่าของสตรีในชุดขาวบริสุทธิ์ก้าวลงมา  นางงดงามราวกับว่าหลุดออกมาจากภาพวาด

นางคือเฟิงหมิน

ศิษย์สายตรงแห่งนิกายฤทัยจันทรานั่นเอง

จี้เทียนซิงเคยพบนางมาก่อนแล้วบนเวทีแห่งดวงดารา

เฟิงหมินลงมาจากด้านหลังของนกสีน้ำเงินและเดินไปทางหยุนเหยากับจี้เทียนซิงด้วยท่วงท่าสง่างาม

จากนั้นใบหน้าอันงดงามของนางก็ผุดยิ้มบางขึ้นและกล่าวด้วยความรู้สึกผิดว่า

“ศิษย์พี่หยุนเหยา เฟิงหมินมาสาย”

หยุนเหยาไม่พูดอะไรเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อย

จากนั้นเฟิงหมินก็กล่าวทักทายฮ่าวเมิ่งและจี้เทียนซิง

ไม่นานหลังจากนั้นกลุ่มสตรีในชุดขาวพร้อมกับสัตว์วิญญาณก็มาสมทบที่กลุ่มของหยุนเหยา

กลุ่มนี้เป็นสตรีทั้งหมดเก้าคน

พวกนางดูอ่อนช้อยงดงามและสง่างาม

ด้วยเอกลักษณ์และกลิ่นอายบางอย่างทำให้คาดเดาได้ว่าพวกนางเป็นศิษย์ของนิกายฤทัยจันทราทั้งสิ้น

หลังจากการแนะนำของเฟิงหมินก็ทำให้ทุกคนรู้ว่าสตรีกลุ่มนี้คือศิษย์ฝ่ายในของนิกายฤทัยจันทรา

สองคนในนั้นเป็นอัจฉริยะชั้นยอดที่มีพลังในระดับปราณจิตขั้นที่เจ็ด

ส่วนที่เหลืออีกเจ็ดคนเป็นศิษย์ฝ่ายในที่มีพลังระดับปราณจิตขั้นที่ห้า

หลังจากที่ทุกคนทักทายพอเป็นพิธีกันเสร็จสิ้นแล้ว

พวกเขาก็รอต่อไป

เวลาผ่านไปอีกหนึ่งชั่วยาม

เมื่อถึงเวลาเที่ยงวัน คนของสำนักหลิวเหอก็เดินทางมาถึง

หัวหน้าทีมก็คือหัวหน้าศิษย์ของสำนักหลิวเหอ

เขานำศิษย์ฝ่ายในมาเก้าคนซึ่งทั้งหมดไม่มีผู้ใดอ่อนแอ

จนถึงช่วงบ่ายคนของนิกายตันติงก็มาถึง  เนื่องจากนิกายนี้อยู่ค่อนข้างไกล

ถึงแม้พวกเขาจะเริ่มออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่

สุดท้ายก็ยังต้องใช้เวลาถึงสี่ชั่วยามกว่าจะมาถึงจุดนัดพบ

ซึ่งนิกายตันติงก็นำสมาชิกมาด้วยสิบคนเช่นกัน

จี้เทียนซิงและหยุนเหยาเคยพบหน้าคนผู้นี้มาก่อนแล้วบนเวทีแห่งดวงดารา

หลังจากที่ทั้งสามนิกายมาถึง

ทุ่งหญ้าบนภูเขาแห่งนี้ก็ได้รวบรวมจอมยุทธ์ในขอบเขตปราณจิตไว้มากกว่าสี่สิบคน ! ทั้งหมดล้วนเป็นศิษย์อัจฉริยะรุ่นเยาว์

ในเวลานี้เอง

หยุนเหยาก็ได้ประกาศแผนการขั้นต่อไป