ตระเตรียมลงมือ
ย่างเข้ารัตติกาล
จี้เทียนซิงเสร็จสิ้นการบ่มเพาะและเดินออกจากห้องลับก็พบสาวใช้เสี่ยวซวงกำลังรออยู่หน้าประตู
หลังจากที่นางพบเขาก็รีบรายงานอย่างรวดเร็วว่า
“ศิษย์พี่จี้ เมื่อตอนบ่ายคนของศิษย์พี่ใหญ่หยุนเหยาส่งข้อความมาแจ้งว่า
‘เรื่องนั้น’ จะเริ่มพรุ่งนี้เช้า
นางจะรอท่านอยู่ที่เดิม”
“หืม ? ที่เดิม
?”
จี้เทียนซิงชะงักไป
แววตาปรากฏร่องรอยความครุ่นคิดสงสัยขึ้นวูบหนึ่ง
ในช่วงหลายเดือนนับตั้งแต่เข้าสู่นิกายพันธมิตรสวรรค์
เขาไปในสถานที่ต่างๆกับหยุนเหยามาแล้วหลายครั้งหลายครา
ซึ่งส่วนใหญ่สถานที่ที่ทั้งสองพบกันก็คือจตุรัสเชิงเขาใต้นิกาย
แน่นอนว่าเขาสามารถคาดเดาได้ทันทีว่าสถานที่เดิมที่หยุนเหยาพูดถึงนั้นก็คือจตุรัสแห่งนั้น
“ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าถอยไปได้” จี้เทียนซิงกล่าวพร้อมกับโบกมือ
หลังจากเสี่ยวซวงล่าถอยไป
ชายหนุ่มก็กลับไปที่ห้องเพื่อพักผ่อนและเตรียมพร้อมสำหรับภารกิจในวันพรุ่งนี้
ถึงแม้ว่าภารกิจกวาดล้างเผ่าปีศาจจะได้รับการวางแผนและลงมือโดยหยุนเหยา
แต่เขาก็ต้องเตรียมพร้อมอย่างดี
.............
คืนหนึ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นจี้เทียนซิงจัดการกิจวัตรประจำวันเสร็จก็เดินออกจากตำหนักเทียนซิง
มุ่งหน้าไปยังจัตุรัสเชิงเขาทันที
เมื่อมาถึงเขาก็เห็นกระเรียนวิญญาณขนาดใหญ่ยืนอยู่กลางจัตุรัส
โดยพบเงาร่างอรชรของหยุนเหยาอยู่ที่ด้านหลังของมัน
นอกจากนี้ยังมีหมียักษ์สีแดงตัวหนึ่งอยู่ข้างๆกระเรียนวิญญาณ
บนหลังของมันมีชายหนุ่มกำยำร่างใหญ่ดุจหอคอยนั่งอยู่
บุคคลผู้นี้ก็คือหนึ่งในศิษย์ฝ่ายในระดับหัวกะทิ, ฮ่าวเมิ่ง เขาขี่หมีเพลิงแดงและสะพายกระบี่ยักษ์ที่กลางหลัง
นอกจากหยุนเหยาและฮ่าวเมิ่งแล้ว
ยังมีศิษย์สาวกที่สวมเสื้อคลุมสีขาวอีกสิบคน
ซึ่งสมาชิกทั้งหมดนี้ล้วนเป็นศิษย์ฝ่ายในที่มีความแข็งแกร่ง
พวกเขามีพลังในระดับปราณจิตขั้นที่ห้าทั้งสิ้น
เมื่อสองวันก่อน
หยุนเหยาส่งข้อความไปในนิกายชั้นในเพื่อนำทีมไปปิดล้อมเผ่าพันธุ์ปีศาจ
ศิษย์ฝ่ายในหลายคนมีความกระตือรือร้นที่จะขันอาสาหลังจากทราบข่าวนี้
สุดท้ายหยุนเหยาจึงเลือกสมาชิกออกมาสิบคนจากผู้สมัครจำนวนมาก
ซึ่งในภารกิจนี้ทำให้พวกเขามีส่วนร่วมในการทำลายล้างเผ่าพันธุ์ปีศาจ
อีกทั้งยังจะได้รับรางวัลจากนิกายอีกด้วย
กล่าวได้ว่ามันคือการลงมือครั้งเดียวได้กำไรสองต่อ
เมื่อได้เห็นจี้เทียนซิงเดินมาที่จัตุรัส
ศิษย์ฝ่ายในหลายสิบคนก็มองดูเขาอย่างเงียบๆ สีหน้าท่าทางและแววตาดูซับซ้อน
วีรกรรมของเขากับไป๋หวู่เชินในวันนั้นเป็นที่รับรู้ไปทั่วทั้งนิกายพันธมิตรสวรรค์
ทุกคนมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันไปในเรื่องนี้
ศิษย์ทั้งสิบคนที่อยู่ตรงนี้ล้วนฟันธงว่าไป๋หวู่เชินจะต้องเป็นผู้ชนะ
พวกเขาไม่ได้มองจี้เทียนซิงในแง่บวกแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม
จี้เทียนซิงมีฐานะเป็นศิษย์สายตรงของประมุขนิกาย
พวกเขาจึงทำได้เพียงกระซิบกระซาบกันลับๆโดยไม่กล้าแสดงท่าทางดูถูกเหยียดหยามในความไม่เจียมตัวของจี้เทียนซิงออกมาซึ่งๆหน้า
“ศิษย์พี่ใหญ่ !”
“ศิษย์พี่ฮ่าว !”
จี้เทียนซิงเดินเข้ามาในฝูงชนและกำหมัดคารวะทักทายหยุนเหยาและฮ่าวเมิ่ง ซึ่งทั้งสองก็ตอบโต้ด้วยการพยักหน้าให้เล็กน้อย
“ในเมื่อมากันครบแล้วก็ออกเดินทางได้” หยุนเหยากล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
จี้เทียนซิงกระโดดขึ้นขี่หลังกระเรียนวิญญาณและยืนเคียงข้างหยุนเหยาอย่างเปิดเผย
ทำให้เหล่าศิษย์ทั้งสิบคนต่างก็หน้าเหวอไปตามๆกัน
ดวงตาของพวกเขาทอประกายอิจฉาริษยาออกมาอย่างเห็นได้ชัด
จากนั้นหยุนเหยาก็ออกคำสั่งให้กระเรียนวิญญาณบินไปบนท้องฟ้าและออกจากนิกายพันธมิตรสวรรค์
ส่วนฮ่าวเมิ่งก็ขี่หมีเพลิงแดงและออกนำเหล่าศิษย์ทั้งสิบคนตามหลังมาทันที
ในระหว่างที่กระเรียนวิญญาณบินบนท้องฟ้าด้วยความเร็วสูง
จี้เทียนซิงที่ทอดสายตามองไปเบื้องหน้าก็เอ่ยปากขึ้นถามว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ แล้วคนของนิกายฤทัยจันทรา
สำนักหลิวเหอและนิกายตันติงเล่า ? พวกเราจะบุกเข้าถ้ำปีศาจโดยตรงหรือ ?”
หยุนเหยาส่ายหัวเล็กน้อยและอธิบายว่า
“ข้าสงคนไปสืบข่าวล่วงหน้าแล้ว ผลออกมาว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจยังคงอยู่ในถ้ำปีศาจแห่งนั้น
อย่างไรก็ตามพวกมันดูเหมือนจะเริ่มตื่นตัวแล้ว
พวกเราไม่อาจนัดพบอีกสามนิกายใกล้ๆถ้ำได้เพื่อหลีกเลี่ยงการแหวกหญ้าให้งูตื่น”
“ดังนั้นข้าจึงส่งข่าวไปยังสามนิกายล่วงหน้าและนัดแนะให้มาพบกันที่ภูเขาหูลู่ไกลจากถ้ำปีศาจออกไปสองร้อยไมล์
ซึ่งแน่นอนว่าพวกปีศาจไม่มีทางพบพวกเราได้แน่”
จี้เทียนซิงฟังจบก็พยักหน้าและเผยรอยยิ้ม “ศิษย์พี่ใหญ่วางแผนและจัดการทุกอย่างได้รอบคอบนัก
มิน่าเล่าท่านประมุขของทั้งสามนิกายถึงได้ไว้ใจให้ท่านกำกับดูแลทุกอย่างในปฏิบัติการครั้งนี้”
หยุนเหยาเพียงผงกศีรษะเล็กน้อยโดยไม่ตอบคำ
ทั้งสองตกอยู่ในความเงียบ
ดวงตาจับจ้องไปเบื้องหน้าเฝ้ามองดูกระเรียนวิญญาณโบยบินผ่านขุนเขาและลำธารมากมาย
จนกระทั่งสองชั่วยามต่อมา
กระเรียนวิญญาณก็นำพาพวกเขามาถึงภูเขาหูลู่ได้ในที่สุดและลงจอดที่ทุ่งหญ้าแห่งหนึ่งบนเชิงเขา
จี้เทียนซิงกับหยุนเหยากระโดดลงจากหลังกระเรียนวิญญาณและยืนรออยู่ราวๆครึ่งชั่วยาม จากนั้นฮ่าวเมิ่งและศิษย์ทั้งสิบคนก็ตามมาถึง
ฮ่าวเมิ่งที่ขี่หมีเพลิงแดงย่อมไม่อาจตามความเร็วกระเรียนวิญญาณของหยุนเหยาได้
นับประสาอะไรกับศิษย์ที่เหลืออีกสิบคนที่ขี่ม้าธรรมดา
พวกเขาต้องควบม้าไปตามทางอันขรุขระจึงทำให้เชื่องช้ากว่ามาก
“ทุกคนพักกันที่นี่ก่อน
พวกเราจะรอคนของอีกสามนิกายมาสมทบ”
หยุนเหยาออกคำสั่ง
จากนั้นสมาชิกทั้งหลายก็เริ่มจับจองที่นั่งเพื่อพักผ่อนและฟื้นฟูพละกำลัง
................
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในขณะนี้เองนกยักษ์สีน้ำเงินตัวหนึ่งก็บินจากท้องฟ้าสู่ภูเขาแล้วบินวนไปวนมาเป็นวงกลม
จี้เทียนซิงจดจำได้ว่านกสีน้ำเงินตัวนี้ก็คือปักษาหยกวิญญาณ
ระดับสายเลือดและความแข็งแกร่งของมันเปรียบเทียบได้กับกระเรียนวิญญาณของหยุนเหยาทีเดียว
นกสีน้ำเงินลงจอด
จากนั้นก็มีเงาร่างงามสง่าของสตรีในชุดขาวบริสุทธิ์ก้าวลงมา นางงดงามราวกับว่าหลุดออกมาจากภาพวาด
นางคือเฟิงหมิน
ศิษย์สายตรงแห่งนิกายฤทัยจันทรานั่นเอง
จี้เทียนซิงเคยพบนางมาก่อนแล้วบนเวทีแห่งดวงดารา
เฟิงหมินลงมาจากด้านหลังของนกสีน้ำเงินและเดินไปทางหยุนเหยากับจี้เทียนซิงด้วยท่วงท่าสง่างาม
จากนั้นใบหน้าอันงดงามของนางก็ผุดยิ้มบางขึ้นและกล่าวด้วยความรู้สึกผิดว่า
“ศิษย์พี่หยุนเหยา เฟิงหมินมาสาย”
หยุนเหยาไม่พูดอะไรเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อย
จากนั้นเฟิงหมินก็กล่าวทักทายฮ่าวเมิ่งและจี้เทียนซิง
ไม่นานหลังจากนั้นกลุ่มสตรีในชุดขาวพร้อมกับสัตว์วิญญาณก็มาสมทบที่กลุ่มของหยุนเหยา
กลุ่มนี้เป็นสตรีทั้งหมดเก้าคน
พวกนางดูอ่อนช้อยงดงามและสง่างาม
ด้วยเอกลักษณ์และกลิ่นอายบางอย่างทำให้คาดเดาได้ว่าพวกนางเป็นศิษย์ของนิกายฤทัยจันทราทั้งสิ้น
หลังจากการแนะนำของเฟิงหมินก็ทำให้ทุกคนรู้ว่าสตรีกลุ่มนี้คือศิษย์ฝ่ายในของนิกายฤทัยจันทรา
สองคนในนั้นเป็นอัจฉริยะชั้นยอดที่มีพลังในระดับปราณจิตขั้นที่เจ็ด
ส่วนที่เหลืออีกเจ็ดคนเป็นศิษย์ฝ่ายในที่มีพลังระดับปราณจิตขั้นที่ห้า
หลังจากที่ทุกคนทักทายพอเป็นพิธีกันเสร็จสิ้นแล้ว
พวกเขาก็รอต่อไป
เวลาผ่านไปอีกหนึ่งชั่วยาม
เมื่อถึงเวลาเที่ยงวัน คนของสำนักหลิวเหอก็เดินทางมาถึง
หัวหน้าทีมก็คือหัวหน้าศิษย์ของสำนักหลิวเหอ
เขานำศิษย์ฝ่ายในมาเก้าคนซึ่งทั้งหมดไม่มีผู้ใดอ่อนแอ
จนถึงช่วงบ่ายคนของนิกายตันติงก็มาถึง เนื่องจากนิกายนี้อยู่ค่อนข้างไกล
ถึงแม้พวกเขาจะเริ่มออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่
สุดท้ายก็ยังต้องใช้เวลาถึงสี่ชั่วยามกว่าจะมาถึงจุดนัดพบ
ซึ่งนิกายตันติงก็นำสมาชิกมาด้วยสิบคนเช่นกัน
จี้เทียนซิงและหยุนเหยาเคยพบหน้าคนผู้นี้มาก่อนแล้วบนเวทีแห่งดวงดารา
หลังจากที่ทั้งสามนิกายมาถึง
ทุ่งหญ้าบนภูเขาแห่งนี้ก็ได้รวบรวมจอมยุทธ์ในขอบเขตปราณจิตไว้มากกว่าสี่สิบคน ! ทั้งหมดล้วนเป็นศิษย์อัจฉริยะรุ่นเยาว์
ในเวลานี้เอง
หยุนเหยาก็ได้ประกาศแผนการขั้นต่อไป
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved