จงตายอย่างมีประโยชน์ให้ข้าเถิด
หวาดกลัว
สิ้นหวัง
ไม่เต็มใจ
มวลอารมณ์มากมายถาโถมเข้าใส่หัวใจและจิตวิญญาณของหลิงหยุนเฟย
นางคุดคู้อยู่ที่มุมของลานกว้าง
เอนกายพิงกำแพงอิฐ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยเลือดและน้ำตา
จี้เทียนซิงยืนตะหง่านอยู่เบื้องหน้านาง
ในมือกุมฝักกระบี่และก้มมองอย่างสมเพช แต่เขาก็ไร้ซึ่งความรู้สึกเมตตาสงสาร
หัวใจของเขาเพียงเต็มไปด้วยความสุขเท่านั้น
!
ในช่วงเวลาที่อยู่บนภูเขาศาลาสวรรค์กับนาง หลิงหยุนเฟยก็ทำเช่นนี้กับเขา !
ตอนนั้นนางดึงลูกปัดครองวิญญาณออกมา
ทำลายตันเถียนของเขา
และหอบร่างที่ไร้สติของเขาไปทำการทดสอบระดับพลังของนิกายหนุนสวรรค์ตามอำเภอใจ
จนเขากลายเป็นที่หัวเราะเยาะของผู้คนทั่วทั้งเมือง !
หลังจากนั้นนางก็มาขอถอนหมั้นถึงตระกูลและป่าวประกาศเรื่องนี้
!
การกระทำของหลิงหยุนเฟยเป็นอย่างไร
?
เขาทำอะไรผิดต่อนาง
?
จี้เทียนซิงเพียงแค่ทำลายวรยุทธ์
ไม่ได้ลงมือฆ่า นี่นับว่าเมตตามากแล้ว !
ชายหนุ่มแสดงสีหน้าไม่แยแสและเริ่มพูดว่า
“หลิงหยุนเฟย
เจ้าไม่ได้ก้าวหน้าขึ้นเลยแม้แต่น้อย
ความแข็งแกร่งของเจ้ายังคงอยู่ที่เขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงขั้นที่ 5 เหมือนวันนั้น
นี่หมายความว่าเจ้ามิได้นำลูกปัดครองวิญญาณที่มีพลังของข้าไปหลอมรวม !"
"พูด ! เจ้ามอบลูกปัดครองวิญญาณให้ผู้ใด
? ใครบอกให้เจ้าปองร้ายต่อข้า !”
หลิงหยุนเฟยค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มด้วยใบหน้าเปื้อนเลือด
จากนั้นนางก็กล่าวเย้ยหยันอย่างอ่อนล้าว่า
“เหอเหอ… ความแข็งแกร่งของเจ้ากลับมาแล้วจะอย่างไร
? เจ้าก็เทียบกับเขาไม่ได้อยู่ดี !”
“เจ้าเป็นเพียงคุณชายของตระกูลผู้ร่ำรวยในเมือง ! หากแต่คนผู้นั้นความสามารถเปี่ยมล้น เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและความทะเยอทะยาน สักวันหนึ่งเขาจะกลายเป็นมังกรที่แท้จริง
ทะยานสู่สวรรค์ชั้นเก้า !”
ใบหน้าของจี้เทียนซิงยิ่งมืดมนมากขึ้น
ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยเจตนาฆ่าฟันอันรุนแรง
“เช้ง !”
จี้เทียนซิงชักกระบี่มังกรโลหิตออกมาและจ่อไปที่หัวใจของหลิงหยุนเฟยพลางคำรามว่า
"มันเป็นใคร ? พูด
!"
“ไม่งั้น เจ้าตาย !”
รอยยิ้มอันเย้ยหยันของหลิงหยุนเฟยแข็งค้างในทันที
ความกลัวส่องผ่านดวงตาของนาง
นางเงยหน้าจ้องตาของชายหนุ่มและตะโกนอย่างโกรธแค้น
“จี้เทียนซิง ! เจ้ากล้าฆ่าข้างั้นหรือ ?! เจ้ามันสัตว์เดรัจฉาน !”
“เจ้าลืมไปแล้วหรือ ? ก่อนนั้นเจ้ายังพูดว่ารักข้า จะไม่ทำให้ข้าเสียใจและจะปกป้องข้าไปตลอดชีวิต…
เจ้า เจ้ามันบุรุษหน้าซื่อใจคด !”
จี้เทียนซิงยังคงสีหน้าเย็นชาและตะโกนออกมาอย่างดูถูกว่า
“บุรุษที่รักและจะปกป้องเจ้าไปชั่วชีวิตคือจี้เทียนซิงในอดีต มิใช่ข้าตอนนี้ !”
“ข้าจะปฏิบัติต่อเจ้าแบบเดียวกับที่เจ้าทำ
ข้าจะทำลายการบ่มเพาะและชื่อเสียงของเจ้าให้หมดสิ้น !”
“สำหรับอิสตรีชั่วช้าเลวทรามเหมือนงูพิษอย่างเจ้า การจะฆ่าให้ตายนั้นมันง่ายดายเกินไป !”
เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มแผ่จิตสังหารออกมา
หลิงหยุนเฟยก็ตื่นตระหนกทันที ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความกลัว
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง
ทันใดนั้นนางก็แข็งใจเงยหน้ามองจี้เทียนซิงอีกครั้งพลางกล่าวว่า
“จี้เทียนซิง ต่อให้เจ้าฆ่าข้า
ข้าก็จะไม่มีวันบอกเจ้า”
“และต่อให้ข้าต้องตาย คนๆนั้นก็จะแก้แค้นให้ข้าอย่างแน่นอน
!”
จี้เทียนซิงขมวดคิ้วและตะโกนออกมาอย่างไม่แยแสว่า
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ตายซะ
!”
แต่ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะเสือกแทงกระบี่มังกรโลหิตให้เจาะทะลุหัวใจของหลิงหยุนเฟย
เสียงแหลมที่คมชัดก็ดังขึ้นที่ข้างหูของเขา
“ฟิ้ว ! ฟิ้ว !”
วัตถุสองชิ้นที่ฉายแสงเย็นเยียบท่ามกลางความมืดมิดพุ่งทะลุอากาศมาด้วยความเร็วดั่งลูกศร มันพุ่งเป้ามาที่หลังและคอของชายหนุ่ม
“อาวุธลับ !?”
จี้เทียนซิงตกตะลึงและกระโดดหลบออกไปสองฟุต
อาวุธลับทั้งสองพลาดเป้าพุ่งกระแทกกำแพงอิฐและทำให้เกิดเสียง
"แก๊ง แก๊ง” จากนั้นก็หล่นลงกับพื้น
ในขณะเดียวกัน
เงาร่างๆหนึ่งก็โบกสะบัดออกมาจากความมืดและรีบวิ่งไปที่หลิงหยุนเฟยทันที
เงาร่างนั้นช้อนเรือนร่างบอบบางของหลิงหยุนเฟยขึ้นและกระโจนผ่านกำแพง
เข้าไปในสวนดอกไม้พลัมอย่างรวดเร็ว
จี้เทียนซิงรีบกระโดดตามออกไปอย่างรวดเร็วและหลังจากนั้นก็กวาดตามองไปทั่วอย่างเคร่งเครียด
อย่างไรก็ตาม
เงาร่างดังกล่าวที่อุ้มหลิงหยุนเฟยได้หายไปในความมืดมิดยามราตรีเสียแล้ว ไม่มีผู้ใดทราบว่าไปทางไหน
จี้เทียนซิงคาดเดาจากพลังที่ซัดอาวุธและความรวดเร็วของมัน
คนผู้นี้สมควรเป็นยอดฝีมือเขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงขั้นที่ 7
เขาไม่ได้ไล่ตามไป
เพราะรู้ว่าต่อให้ตามก็ตามไม่ทันอยู่ดี
คนขมวดคิ้วครู่หนึ่ง
มุมปากโค้งขึ้นแสยะยิ้มเย้ยหยัน จากนั้นก็เดินออกจากสวนดอกพลัม
ถึงแม้ว่าเงาร่างนั้นจะแต่งกายด้วยชุดผ้าสีดำและปกปิดใบหน้าด้วยผ้าคลุม
แต่จี้เทียนซิงก็สามารถคาดเดาจากขนาดรูปร่างได้ทันทีว่า
คนผู้นั้นจะต้องเป็นชายหนุ่มรุ่นเยาว์ที่มีรูปร่างผอมสูง
เมื่อได้ข้อสันนิษฐานนี้
ในใจของชายหนุ่มก็ปรากฏเงาของคนผู้หนึ่งขึ้นอย่างเลือนลาง
......
กุบกับ
กุบกับ.....
รถม้าสีดำวิ่งไปตามถนนหลักของชานเมืองทางตะวันตกและมุ่งหน้าไปยังประตูเมืองตะวันตกของเมืองจักรวรรดิ
ในรถม้าที่มืดมิด
หลิงหยุนเฟยก้มตัวลงและใช้มือขาวซีดอันบอบบางกุมไปที่ช่องท้องอย่างอ่อนล้า
มีคนผู้หนึ่งนั่งอยู่ถัดจากนาง
เขาเผยสีหน้าครุ่นคิดบางอย่างอยู่ในใจ
คนผู้นี้เป็นชายหนุ่มที่อบอุ่นและอ่อนโยน
เขาสวมชุดสีดำ ใบหน้าขาวเนียนและหล่อเหลา
หลิงหยุนเฟยส่งเสียงอันอ่อนล้าไปที่ชายหนุ่มข้างๆ
“องค์ชายน้อย... ข้าหนาวมาก กอดข้า....
ได้ไหมคะ... ?”
องค์ชายน้อยมีสีหน้าไม่แยแสเหมือนไม่ได้ยินคำขอของนาง
ใบหน้าของเขามืดครึ้มและเย็นชาเหมือนน้ำแข็งคล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่อย่างจริงจัง
หลิงหยุนเฟยเงียบไปครู่หนึ่งและกล่าวต่อไปว่า
“องค์ชายน้อย .... จี้เทียนซิง มัน กลับสู่เขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงแล้ว....
มันเริ่มสงสัยว่าเป็นท่านแล้ว ท่านต้องระมัดระวัง.... ”
องค์ชายน้อยดึงสติกลับมาจากในห้วงความคิด
มุมปากของมันโค้งขึ้นและหัวเราะอย่างเย้ยหยัน
“เฮอะ ! ฟื้นฟูพลังสู่เขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงแล้วจักอย่างไร
? มันยังไม่ใช่คู่มือของเราราชาผู้นี้ !”
“เฟยเฟย ในเมื่อตันเถียนของเจ้าถูกทำลาย รากฐานพลังยุทธ์ของเจ้าสูญสิ้น... เช่นนั้น
เจ้าย่อมไม่มีประโยชน์อันใดต่อราชาผู้นี้อีกแล้ว”
หลิงหยุนเฟยหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด นางแข็งทื่อไปทั้งร่าง
ริมฝีปากบางกล่าวอย่างสั่นสะท้านว่า “อะไร
… ท่านกล่าวอะไรนะ ? องค์ชายน้อย…ท่าน ?”
องค์ชายน้อยจ้องมองนางด้วยรอยยิ้ม
แต่ดวงตาของเขาเย็นชาราวกับน้ำแข็ง
“เฟยเฟย
เจ้าเคยพูดว่าเจ้ารักข้ายิ่งกว่าตัวเองและเต็มใจมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้ราชาผู้นี้”
“ตอนนี้เจ้าควรปฏิบัติตามคำพูดของเจ้าแล้ว !”
ทันใดนั้น
เขาชักกระบี่ออกมาและเสือกแทงเข้าที่หัวใจของหลิงหยุนเฟยอย่างเลือดเย็น
หลิงหยุนเฟยดวงตาเบิกกว้าง
สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและไม่อยากเชื่อ
นางไม่ได้คาดคิดเลยว่า
ชายหนุ่มที่อ่อนโยนพูดจาหวานหูกับนางมาโดยตลอดจะชำแรกคมกระบี่ ปักเข้าที่ขั้วหัวใจของนางอย่างเลือดเย็นเช่นนี้
!
นางมองไปที่องค์ชายน้อยอย่างตกตะลึง
มุมปากของนางเต็มไปด้วยโลหิตที่ไหลทะลักออกมาอย่างต่อเนื่อง พลางถามด้วยน้ำเสียงอ่อนล้าว่า “เพราะ... เหตุใด …ทำไม?”
องค์ชายน้อยยังคงมีรอยยิ้ม
เขายื่นมือออกไปลูบแก้มอันนวลเนียนของนาง การเคลื่อนไหวของเขานั้นนุ่มนวลและอ่อนโยนเหมือนเช่นเคย
“นี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่ราชาผู้นี้จะมอบให้เจ้าก่อนตาย”
“เราราชาจะส่งร่างของเจ้ากลับไปที่ตระกูลหลิงและป่าวประกาศว่า
จี้เทียนซิงเป็นคนสังหารเจ้า”
“มั่นใจได้เลยว่าเรื่องของเจ้าจะได้รับการแก้แค้นอย่างแน่นอน
ดังนั้น จงตายอย่างมีประโยชน์ให้ข้าเถิด”
ดวงตาของหลิงหยุนเฟยเบิกกว้างด้วยความโกรธแค้นและความคับข้องใจไม่สิ้นสุด นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยความสำนึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง
“จี้หลิง ! เจ้า...
เจ้า... เจ้ามัน... สารเลว.. . . ..”
นางรวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายและกล่าวคำพูดสุดท้ายในชีวิตออกมา
โลหิตสีแดงสดล้นออกมาจากปากของนาง
ชโลมเสื้อผ้าและย้อมจนเป็นสีแดงฉาด
ดวงตาของนางไร้ซึ่งพลัง
ไร้ซึ่งลมหายใจ ดวงตาคู่งามของนางเบิกกว้างอย่างไม่ยินยอมและไม่เต็มใจ !
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved