ตอนที่ 50

จงตายอย่างมีประโยชน์ให้ข้าเถิด

หวาดกลัว

สิ้นหวัง

ไม่เต็มใจ

มวลอารมณ์มากมายถาโถมเข้าใส่หัวใจและจิตวิญญาณของหลิงหยุนเฟย

นางคุดคู้อยู่ที่มุมของลานกว้าง

เอนกายพิงกำแพงอิฐ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยเลือดและน้ำตา

จี้เทียนซิงยืนตะหง่านอยู่เบื้องหน้านาง

ในมือกุมฝักกระบี่และก้มมองอย่างสมเพช แต่เขาก็ไร้ซึ่งความรู้สึกเมตตาสงสาร

หัวใจของเขาเพียงเต็มไปด้วยความสุขเท่านั้น

!

ในช่วงเวลาที่อยู่บนภูเขาศาลาสวรรค์กับนาง   หลิงหยุนเฟยก็ทำเช่นนี้กับเขา !

ตอนนั้นนางดึงลูกปัดครองวิญญาณออกมา

ทำลายตันเถียนของเขา

และหอบร่างที่ไร้สติของเขาไปทำการทดสอบระดับพลังของนิกายหนุนสวรรค์ตามอำเภอใจ

จนเขากลายเป็นที่หัวเราะเยาะของผู้คนทั่วทั้งเมือง !

หลังจากนั้นนางก็มาขอถอนหมั้นถึงตระกูลและป่าวประกาศเรื่องนี้

!

การกระทำของหลิงหยุนเฟยเป็นอย่างไร

?

เขาทำอะไรผิดต่อนาง

?

จี้เทียนซิงเพียงแค่ทำลายวรยุทธ์

ไม่ได้ลงมือฆ่า นี่นับว่าเมตตามากแล้ว !

ชายหนุ่มแสดงสีหน้าไม่แยแสและเริ่มพูดว่า

“หลิงหยุนเฟย

เจ้าไม่ได้ก้าวหน้าขึ้นเลยแม้แต่น้อย

ความแข็งแกร่งของเจ้ายังคงอยู่ที่เขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงขั้นที่ 5 เหมือนวันนั้น

นี่หมายความว่าเจ้ามิได้นำลูกปัดครองวิญญาณที่มีพลังของข้าไปหลอมรวม !"

"พูด ! เจ้ามอบลูกปัดครองวิญญาณให้ผู้ใด

? ใครบอกให้เจ้าปองร้ายต่อข้า !”

หลิงหยุนเฟยค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มด้วยใบหน้าเปื้อนเลือด

จากนั้นนางก็กล่าวเย้ยหยันอย่างอ่อนล้าว่า

“เหอเหอ… ความแข็งแกร่งของเจ้ากลับมาแล้วจะอย่างไร

? เจ้าก็เทียบกับเขาไม่ได้อยู่ดี !”

“เจ้าเป็นเพียงคุณชายของตระกูลผู้ร่ำรวยในเมือง ! หากแต่คนผู้นั้นความสามารถเปี่ยมล้น เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและความทะเยอทะยาน  สักวันหนึ่งเขาจะกลายเป็นมังกรที่แท้จริง

ทะยานสู่สวรรค์ชั้นเก้า !”

ใบหน้าของจี้เทียนซิงยิ่งมืดมนมากขึ้น

ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยเจตนาฆ่าฟันอันรุนแรง

“เช้ง !”

จี้เทียนซิงชักกระบี่มังกรโลหิตออกมาและจ่อไปที่หัวใจของหลิงหยุนเฟยพลางคำรามว่า

"มันเป็นใคร ? พูด

!"

“ไม่งั้น เจ้าตาย !”

รอยยิ้มอันเย้ยหยันของหลิงหยุนเฟยแข็งค้างในทันที

ความกลัวส่องผ่านดวงตาของนาง

นางเงยหน้าจ้องตาของชายหนุ่มและตะโกนอย่างโกรธแค้น

“จี้เทียนซิง ! เจ้ากล้าฆ่าข้างั้นหรือ ?! เจ้ามันสัตว์เดรัจฉาน !”

“เจ้าลืมไปแล้วหรือ ? ก่อนนั้นเจ้ายังพูดว่ารักข้า จะไม่ทำให้ข้าเสียใจและจะปกป้องข้าไปตลอดชีวิต…

เจ้า  เจ้ามันบุรุษหน้าซื่อใจคด !”

จี้เทียนซิงยังคงสีหน้าเย็นชาและตะโกนออกมาอย่างดูถูกว่า

“บุรุษที่รักและจะปกป้องเจ้าไปชั่วชีวิตคือจี้เทียนซิงในอดีต  มิใช่ข้าตอนนี้ !”

“ข้าจะปฏิบัติต่อเจ้าแบบเดียวกับที่เจ้าทำ

ข้าจะทำลายการบ่มเพาะและชื่อเสียงของเจ้าให้หมดสิ้น !”

“สำหรับอิสตรีชั่วช้าเลวทรามเหมือนงูพิษอย่างเจ้า  การจะฆ่าให้ตายนั้นมันง่ายดายเกินไป !”

เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มแผ่จิตสังหารออกมา

หลิงหยุนเฟยก็ตื่นตระหนกทันที ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความกลัว

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง

ทันใดนั้นนางก็แข็งใจเงยหน้ามองจี้เทียนซิงอีกครั้งพลางกล่าวว่า

“จี้เทียนซิง  ต่อให้เจ้าฆ่าข้า

ข้าก็จะไม่มีวันบอกเจ้า”

“และต่อให้ข้าต้องตาย คนๆนั้นก็จะแก้แค้นให้ข้าอย่างแน่นอน

!”

จี้เทียนซิงขมวดคิ้วและตะโกนออกมาอย่างไม่แยแสว่า

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ตายซะ

!”

แต่ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะเสือกแทงกระบี่มังกรโลหิตให้เจาะทะลุหัวใจของหลิงหยุนเฟย

เสียงแหลมที่คมชัดก็ดังขึ้นที่ข้างหูของเขา

“ฟิ้ว !  ฟิ้ว !”

วัตถุสองชิ้นที่ฉายแสงเย็นเยียบท่ามกลางความมืดมิดพุ่งทะลุอากาศมาด้วยความเร็วดั่งลูกศร  มันพุ่งเป้ามาที่หลังและคอของชายหนุ่ม

“อาวุธลับ !?”

จี้เทียนซิงตกตะลึงและกระโดดหลบออกไปสองฟุต

อาวุธลับทั้งสองพลาดเป้าพุ่งกระแทกกำแพงอิฐและทำให้เกิดเสียง

"แก๊ง แก๊ง” จากนั้นก็หล่นลงกับพื้น

ในขณะเดียวกัน

เงาร่างๆหนึ่งก็โบกสะบัดออกมาจากความมืดและรีบวิ่งไปที่หลิงหยุนเฟยทันที

เงาร่างนั้นช้อนเรือนร่างบอบบางของหลิงหยุนเฟยขึ้นและกระโจนผ่านกำแพง

เข้าไปในสวนดอกไม้พลัมอย่างรวดเร็ว

จี้เทียนซิงรีบกระโดดตามออกไปอย่างรวดเร็วและหลังจากนั้นก็กวาดตามองไปทั่วอย่างเคร่งเครียด

อย่างไรก็ตาม

เงาร่างดังกล่าวที่อุ้มหลิงหยุนเฟยได้หายไปในความมืดมิดยามราตรีเสียแล้ว  ไม่มีผู้ใดทราบว่าไปทางไหน

จี้เทียนซิงคาดเดาจากพลังที่ซัดอาวุธและความรวดเร็วของมัน

คนผู้นี้สมควรเป็นยอดฝีมือเขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงขั้นที่ 7

เขาไม่ได้ไล่ตามไป

เพราะรู้ว่าต่อให้ตามก็ตามไม่ทันอยู่ดี

คนขมวดคิ้วครู่หนึ่ง

มุมปากโค้งขึ้นแสยะยิ้มเย้ยหยัน จากนั้นก็เดินออกจากสวนดอกพลัม

ถึงแม้ว่าเงาร่างนั้นจะแต่งกายด้วยชุดผ้าสีดำและปกปิดใบหน้าด้วยผ้าคลุม

แต่จี้เทียนซิงก็สามารถคาดเดาจากขนาดรูปร่างได้ทันทีว่า

คนผู้นั้นจะต้องเป็นชายหนุ่มรุ่นเยาว์ที่มีรูปร่างผอมสูง

เมื่อได้ข้อสันนิษฐานนี้

ในใจของชายหนุ่มก็ปรากฏเงาของคนผู้หนึ่งขึ้นอย่างเลือนลาง

......

กุบกับ

กุบกับ.....

รถม้าสีดำวิ่งไปตามถนนหลักของชานเมืองทางตะวันตกและมุ่งหน้าไปยังประตูเมืองตะวันตกของเมืองจักรวรรดิ

ในรถม้าที่มืดมิด

หลิงหยุนเฟยก้มตัวลงและใช้มือขาวซีดอันบอบบางกุมไปที่ช่องท้องอย่างอ่อนล้า

มีคนผู้หนึ่งนั่งอยู่ถัดจากนาง

เขาเผยสีหน้าครุ่นคิดบางอย่างอยู่ในใจ

คนผู้นี้เป็นชายหนุ่มที่อบอุ่นและอ่อนโยน

เขาสวมชุดสีดำ ใบหน้าขาวเนียนและหล่อเหลา

หลิงหยุนเฟยส่งเสียงอันอ่อนล้าไปที่ชายหนุ่มข้างๆ

“องค์ชายน้อย... ข้าหนาวมาก กอดข้า....

ได้ไหมคะ... ?”

องค์ชายน้อยมีสีหน้าไม่แยแสเหมือนไม่ได้ยินคำขอของนาง

ใบหน้าของเขามืดครึ้มและเย็นชาเหมือนน้ำแข็งคล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่อย่างจริงจัง

หลิงหยุนเฟยเงียบไปครู่หนึ่งและกล่าวต่อไปว่า

“องค์ชายน้อย .... จี้เทียนซิง  มัน กลับสู่เขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงแล้ว....

มันเริ่มสงสัยว่าเป็นท่านแล้ว ท่านต้องระมัดระวัง.... ”

องค์ชายน้อยดึงสติกลับมาจากในห้วงความคิด

มุมปากของมันโค้งขึ้นและหัวเราะอย่างเย้ยหยัน

“เฮอะ ! ฟื้นฟูพลังสู่เขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงแล้วจักอย่างไร

? มันยังไม่ใช่คู่มือของเราราชาผู้นี้ !”

“เฟยเฟย ในเมื่อตันเถียนของเจ้าถูกทำลาย รากฐานพลังยุทธ์ของเจ้าสูญสิ้น...  เช่นนั้น

เจ้าย่อมไม่มีประโยชน์อันใดต่อราชาผู้นี้อีกแล้ว”

หลิงหยุนเฟยหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด  นางแข็งทื่อไปทั้งร่าง

ริมฝีปากบางกล่าวอย่างสั่นสะท้านว่า “อะไร

… ท่านกล่าวอะไรนะ ? องค์ชายน้อย…ท่าน ?”

องค์ชายน้อยจ้องมองนางด้วยรอยยิ้ม

แต่ดวงตาของเขาเย็นชาราวกับน้ำแข็ง

“เฟยเฟย

เจ้าเคยพูดว่าเจ้ารักข้ายิ่งกว่าตัวเองและเต็มใจมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้ราชาผู้นี้”

“ตอนนี้เจ้าควรปฏิบัติตามคำพูดของเจ้าแล้ว !”

ทันใดนั้น

เขาชักกระบี่ออกมาและเสือกแทงเข้าที่หัวใจของหลิงหยุนเฟยอย่างเลือดเย็น

หลิงหยุนเฟยดวงตาเบิกกว้าง

สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและไม่อยากเชื่อ

นางไม่ได้คาดคิดเลยว่า

ชายหนุ่มที่อ่อนโยนพูดจาหวานหูกับนางมาโดยตลอดจะชำแรกคมกระบี่ ปักเข้าที่ขั้วหัวใจของนางอย่างเลือดเย็นเช่นนี้

!

นางมองไปที่องค์ชายน้อยอย่างตกตะลึง

มุมปากของนางเต็มไปด้วยโลหิตที่ไหลทะลักออกมาอย่างต่อเนื่อง พลางถามด้วยน้ำเสียงอ่อนล้าว่า  “เพราะ... เหตุใด …ทำไม?”

องค์ชายน้อยยังคงมีรอยยิ้ม

เขายื่นมือออกไปลูบแก้มอันนวลเนียนของนาง  การเคลื่อนไหวของเขานั้นนุ่มนวลและอ่อนโยนเหมือนเช่นเคย

“นี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่ราชาผู้นี้จะมอบให้เจ้าก่อนตาย”

“เราราชาจะส่งร่างของเจ้ากลับไปที่ตระกูลหลิงและป่าวประกาศว่า

จี้เทียนซิงเป็นคนสังหารเจ้า”

“มั่นใจได้เลยว่าเรื่องของเจ้าจะได้รับการแก้แค้นอย่างแน่นอน

ดังนั้น จงตายอย่างมีประโยชน์ให้ข้าเถิด”

ดวงตาของหลิงหยุนเฟยเบิกกว้างด้วยความโกรธแค้นและความคับข้องใจไม่สิ้นสุด  นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยความสำนึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง

“จี้หลิง ! เจ้า...

เจ้า...  เจ้ามัน... สารเลว.. . . ..”

นางรวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายและกล่าวคำพูดสุดท้ายในชีวิตออกมา

โลหิตสีแดงสดล้นออกมาจากปากของนาง

ชโลมเสื้อผ้าและย้อมจนเป็นสีแดงฉาด

ดวงตาของนางไร้ซึ่งพลัง

ไร้ซึ่งลมหายใจ ดวงตาคู่งามของนางเบิกกว้างอย่างไม่ยินยอมและไม่เต็มใจ !