ตอนที่ 315 ตัวแทน

เมื่อเห็นว่าฝ่ายหลังไม่รู้จักหอคอยเจ็ดดาว

ผู้อาวุโสเหยาจึงเล่าให้ฟังอย่างละเอียด

หอคอยเจ็ดดาวเป็นดั่งขุมสมบัติลึกลับ

หลังจากแปดนิกายใหญ่ได้ค้นพบความลึกลับนี้

พวกเขาต่างก็ต้องการครอบครองมันเป็นสมบัติของตนเอง เพื่อใช้มันเป็นสถานที่ลับคมและปรับปรุงความแข็งแกร่งของเหล่าเด็กๆในนิกาย

หลังจากต่อสู้และเจรจากันหลายครั้ง

สุดท้ายทั้งแปดนิกายใหญ่ก็บรรลุข้อตกลงร่วมกัน

พวกเขาร่วมมือวางข่ายอาคมขนาดมหึมาขึ้นเพื่อปกป้องความลึกลับนี้และตั้งชื่อของมันว่าหอคอยเจ็ดดาว

หอคอยเจ็ดดาวมีทั้งหมดเจ็ดชั้น จากชั้นแรกถึงชั้นหกจะมีอันตรายและการทดสอบในแต่ละพื้นที่

มีเพียงผ่านการทดสอบเท่านั้นจึงจะสามารถเข้าสู่พื้นที่ในระดับสูงขึ้นได้

บนชั้นที่เจ็ด เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เยี่ยมยอดสำหรับการบ่มเพาะและมีผลกระทบอย่างคาดไม่ถึง

นิกายใหญ่ทั้งแปดตั้งกฎขึ้นและทำให้หอคอยเจ็ดดาวเปิดใช้งานเพียงปีละครั้งเท่านั้น

แต่ละนิกายจะมีป้ายยืนยันที่เป็นเสมือนกุญแจในการเข้าสู่หอคอยเจ็ดดาว

ศิษย์ที่เข้าสู่หอคอยจำเป็นต้องผ่านอุปสรรคตามความสามารถของแต่ละคน

ยิ่งไต่ขึ้นไปได้สูงมากเท่าใดก็ยิ่งได้รับผลประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น

จี้เทียนซิงพยักหน้าเข้าใจพลางถามว่า “ผู้อาวุโสเหยา

ป้ายยืนยันเข้าสู่หอคอยเจ็ดดาวของนิกายเราอยู่กับใครหรือ ?”

อาวุโสเหยาตอบอย่างรวดเร็วว่า "โดยปกติแล้วจะอยู่ในมือของหยุนเหยา"

"หลายปีที่ผ่านมา ทุกครั้งที่หอคอยเจ็ดดาวเปิดขึ้น

นางจะเป็นผู้ถือป้ายยืนยันพาเหล่าศิษย์เข้าไปฝึกฝน  ไม่เคยมีศิษย์คนใดที่สามารถขึ้นไปบนยอดหอคอยเจ็ดดาวได้  มีเพียงหยุนเหยาเท่านั้นที่ทำได้”

“เฉินซู่และถังอี้ลั่วก็เคยขึ้นไป

แต่ทั้งคู่ต้องถอดใจยอมแพ้ที่ชั้นห้าและไม่สามารถขึ้นไปถึงยอดหอคอยได้”

นับตั้งแต่นั้นมานิกายก็ยกป้ายยืนยันให้หยุนเหยาเก็บรักษาแต่เพียงผู้เดียว

เกี่ยวกับหอคอยเจ็ดดาว นางทราบดีกว่าผู้ใด

หากเจ้าต้องการข้อมูลมากกว่านี้ก็ไปถามนางได้"

จี้เทียนซิงพยักหน้าและกล่าวขอบคุณอาวุโสเหยา

จากนั้นอีกฝ่ายก็บอกว่า “ยังมีเวลาเหลืออีกแปดวันก่อนที่หอคอยเจ็ดดาวจะเปิด

อาการของจี้เค่อยังไม่คงที่ ช่วงหลายวันนี้ข้าจะช่วยดูแลนางให้

เมื่อเจ้าได้รับโลงหยกวิญญาณและป้ายยืนยันหอคอยเจ็ดดาวแล้ว

จงเตรียมตัวให้พร้อมทุกเวลา"

"เมื่อข้าควบคุมอาการของจี้เค่อได้แล้วจะส่งคนไปแจ้ง

ถึงตอนนั้นเจ้าค่อยนำร่างนางไว้ในโลงหยกวิญญาณ"

"ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณท่านมาก” จี้เทียนซิงขอบคุณอีกฝ่ายและหันหลังเดินจากไป

หลังออกจากหอวิญญาณโอสถ เขาก็มุ่งหน้าตรงไปยังวิหารไป๋หยุน(วิหารเมฆขาว)ที่อยู่บนยอดเขาชื่อเซียว

วิหารไป๋หยุนเป็นที่อยู่อาศัยของหยุนเหยา

เมื่อเขามาถึงวิหารไป๋หยุนก็พบหยุนเหยากำลังศึกษาตำราโบราณอยู่

ได้ยินเสียงฝีเท้า หยุนเหยาวางตำราโบราณในมือและหันศีรษะน้อยๆไปมองอีกฝ่ายถามว่า

“ศิษย์น้องเทียนซิง

เจ้ามีธุระกับข้า ?”

จี้เทียนซิงพยักหน้าและกล่าวว่า

“ศิษย์พี่ ข้ามีเรื่องต้องการถามท่านเกี่ยวกับหอคอยเจ็ดดาว"

"หอคอยเจ็ดดาว ?"

หยุนเหยาขมวดคิ้วเรียวงามครู่หนึ่ง

นางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยและถามว่า

"อีกไม่กี่วันหอคอยเจ็ดดาวจะเปิดขึ้น

ที่ถามเช่นนี้ ใช่คิดเข้าไปในนั้น ?"

"อืม"  จี้เทียนซิงตอบไม่ลังเล  เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็พยักหน้า “ข้าต้องการช่วยชีวิตสหายสนิท

จำเป็นต้องใช้พลังของหอคอยเจ็ดดาว"

คิ้วเรียวงามของหยุนเหยาขมวดเล็กน้อย

กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า

"ถึงแม้หอคอยเจ็ดดาวจะเป็นสถานที่ลับ

เต็มไปด้วยโชควาสนาและโอกาสที่ดี แต่มันก็อันตรายมาก"

"ศิษย์น้อง

ด้วยระดับพลังยุทธ์ของเจ้าตอนนี้ข้าเกรงว่ายากที่จะผ่านไปได้"

จี้เทียนซิงเข้าใจดีว่าหยุนเหยามิได้พูดขู่ให้ตกใจหรือดูถูกความสามารถ  นางตักเตือนเขาด้วยความจริงใจ

ชายหนุ่มกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “ศิษย์พี่ เพื่อช่วยชีวิตคน

ข้าถอยไม่ได้อันตรายเพียงใดก็ต้องไป"

หยุนเหยาปรายตามองอีกฝ่ายด้วยแววตาลึกซึ้ง

หลังจากลังเลครู่หนึ่งนางก็หยิบป้ายสีเงินออกจากแหวนมิติและมอบให้เขา

"นี่คือป้ายยืนยันในการเข้าสู่หอคอยเจ็ดดาว

หนึ่งนิกายจะมีหนึ่งป้าย เมื่อประตูเข้าหอคอยเปิด

แต่ละนิกายจะเข้าไปได้เพียงหนึ่งคนเท่านั้น การทดสอบในสามชั้นแรกนั้นค่อนข้างง่าย

ศิษย์ชั้นสูงส่วนใหญ่สามารถผ่านมันได้ไม่ยาก”

“แต่ทว่า การทดสอบชั้นสี่ถึงหกนั้นยากและอันตรายมาก

สามชั้นนี้แทบจะไม่มีผู้ใดผ่านไปได้

เดิมทีข้าก็ไม่คิดจะเข้าหอคอยเจ็ดดาวของปีนี้อยู่แล้ว

ข้าต้องการมอบโอกาสนี้ให้ศิษย์น้องคนอื่นๆ แต่ในเมื่อเจ้ามีความจำเป็น เช่นนั้นข้าก็ขอมอบโอกาสนี้ให้เจ้า"

หลังจากนั้นนางก็แนะนำจี้เทียนซิงถึงอันตรายในแต่ละพื้นที่และอธิบายถึงความลึกลับในชั้นที่เจ็ด

จี้เทียนซิงฟังอย่างตั้งใจและจดจำคำพูดของนางไว้ทุกคำ

หลังจากหยุนเหยาพูดจบ

เขาก็รับป้ายยืนยันหอคอยเจ็ดดาวมา จากนั้นก็กล่าวขอบคุณนาง

เรื่องการบุกเข้าไปจนถึงชั้นเจ็ดเพื่อรักษาจี้เค่อ

เขาจะต้องเป็นผู้ลงมือกระทำเอง เขาไม่กล้าร้องขอให้หยุนเหยาเป็นผู้ช่วยจี้เค่อ

เพราะพวกนางทั้งสองไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆต่อกัน

เพียงแค่หยุนเหยายินยอมมอบป้ายยืนยันให้มันก็นับว่าดีมากแล้ว

..........

หลังจากออกจากวิหารไป๋หยุน

จี้เทียนซิงมุ่งหน้ากลับไปยังตำหนักฉิงเทียนอีกครั้งเพื่อขอพบฉู่เทียนเซิง

ฉู่เทียนเซิงกำลังเก็บกวาดห้องลับ เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายมาเยี่ยมจึงบอกให้ผู้พิทักษ์ชุดดำพาเข้ามาในห้อง

"เทียนซิง เจ้ากำลังตามหาข้า ?"

ฉู่เทียนเซิงนั่งขัดสมาธิอยู่ในข่ายปราณและเอ่ยปากถามด้วยสีหน้าราบเรียบ

จี้เทียนซิงเดินไปหยุดอยู่ข้างหน้าอีกฝ่าย “คารวะท่านอาจารย์ ศิษย์มีเรื่องคิดถามท่านสักเล็กน้อย”

"สหายสนิทของข้าเป็นศิษย์อยู่ในหอวิญญาณโอสถ

นางกำลังอยู่ในอันตรายด้วยปัญหาที่ยากจะแก้ ... "

“ผู้อาวุโสเหยาบอกศิษย์ว่าหากต้องการรักษานางจะต้องอาศัยโลงหยกวิญญาณ

และพานางขึ้นไปบนหอคอยเจ็ดดาวชั้นบนสุดเพื่อดูดซับไอพลังจากดวงดาว”

"ดังนั้นศิษย์จึงบังอาจขอยืมโลงหยกวิญญาณจากท่าน

หวังว่าท่านอาจารย์จะเติมเต็มความปรารถนาให้ศิษย์"

หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้

สีหน้าของฉู่เทียนเซิงเต็มไปด้วยความสงสัยแล้วถามขึ้นว่า "เจ้าคิดจะไปหอคอยเจ็ดดาว

?"

"หอคอยเจ็ดดาวแต่ละชั้นเต็มไปด้วยอันตรายทุกย่างก้าว

หากพลาดพลั้งเพียงนิดเดียวเจ้าอาจจะจบชีวิตลงได้"

จี้เทียนซิงกำหมัดและกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “ท่านอาจารย์ เพื่อช่วยชีวิตผู้คน

ยิ่งเป็นสหายสนิทของศิษย์ด้วยแล้ว ข้าจำเป็นต้องเสี่ยง"

ฉู่เทียนเซิงขมวดคิ้วและชั่งน้ำหนักเรื่องนี้ในใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากว่า

“ในเมื่อเจ้าตัดสินใจไปแล้วอาจารย์ก็จะไม่ขัด

หอคอยเจ็ดดาวอันตรายมาก หากคิดจะไปที่นั่นเจ้าต้องฝึกฝนตัวเองและพัฒนาความแข็งแกร่ง

อาจารย์สามารถให้เจ้ายืมโลงหยกวิญญาณได้ แต่วัตถุชิ้นนี้เป็นสมบัติล้ำค่าของนิกาย

มันหาได้ยากและล้ำค่ามาก เจ้าจงรักษามันไว้ให้ดีอย่าได้สูญหาย"

จี้เทียนซิงพยักหน้าและสัญญาทันที

"ขอบคุณท่านอาจารย์สำหรับความเมตตา

ศิษย์จะรักษามันให้ดีและไม่ปล่อยให้มันต้องเสียหายเด็ดขาด"

ฉู่เทียนเซิงพยักหน้าพลางเหยียดฝ่ามือซ้ายออกไป

แสงสีเงินเปล่งประกายอยู่บนฝ่ามือของเขา

จากนั้นกล่องหยกสีขาวขนาดเท่าหัวแม่มือก็ปรากฏขึ้นทันที

กล่องหยกขาวเท่าหัวแม่มือนี้มีลักษณะยาวและถูกแกะสลักเป็นรูปโลงศพ

หากต้องการใช้งานโลงหยกวิญญาณ

คนผู้นั้นจำเป็นจะต้องใช้วิธีพิเศษเพื่อเปิดข่ายอาคมและทำให้มันกลายเป็นโลงที่แท้จริง

หลังจากจี้เทียนซิงรับของมา

ฉู่เทียนเซิงก็สอนวิธีใช้งานทั้งหมดให้

จี้เทียนซิงนั่งฟังและจดจำทุกถ้อยคำที่อีกฝ่ายกล่าว

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยามเขาก็ประสบความสำเร็จในวิธีการเปิดและใช้งานโลงหยกวิญญาณ

ฉู่เทียนเซิงหยิบเครื่องรางอีกสองชิ้นและลูกบอลสีเงินขนาดเท่ากำปั้นขนาดใหญ่ออกมาและมอบมันให้เขา

พร้อมทั้งกล่าวว่า

"เทียนซิง ครั้งนี้เจ้าไปที่หอคอยเจ็ดดาวย่อมเต็มไปด้วยอันตรายมาก

บางครั้งอาจตกอยู่ในสถานะวิกฤติถึงชีวิต อาจารย์ขอมอบเครื่องรางให้เจ้าสองชิ้นและสมบัติไว้ป้องกันตัว

เจ้าสามารถใช้พวกมันหากตกอยู่ในยามคับขัน พวกมันจะช่วยเจ้าให้พ้นอันตราย"