ไก่เห็นตีนงู
งูเห็นนมไก่
ประมุขนิกายกระบี่ฟ้าจ้องมองไปที่เทียนจี้เจิ้นเหรินและลอบพิจารณาในใจอย่างลับๆ
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็เอื้อมมือไปที่โต๊ะและหยิบม้วนคัมภีร์ออกมาจ้องมองอย่างละเอียด
สำหรับเขา
ไม่ว่าเจิ้นเหรินท่านนี้จะมีจุดประสงค์อะไรก็ไม่สำคัญ
ตราบเท่าที่แผนผังเส้นชีพจรวิญญาณเก้ามังกรนี้เป็นของจริง
เมื่อเขาคลี่ม้วนคัมภีร์ออกมาและได้เห็นลวดลายที่เขียนวาดไว้บนกระดาษ
ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างและเปล่งประกายอย่างเหลือเชื่อ
ม้วนคัมภีร์นี้มีความกว้างประมาณครึ่งเมตรและยาวหนึ่งเมตร
เส้นหนาทึบที่วาดไว้บนนั้นแสดงภูมิประเทศของยอดเขาทั้งเก้าอย่างชัดเจน เส้นชีพจรเก้ามังกรนั้นมีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดและก่อตัวขึ้นเป็นมหาข่ายปราณเส้นชีพจรวิญญาณ
นอกจากนี้มันยังบ่งบอกถึงตำแหน่งสำคัญของเส้นชีพจรที่ทำเครื่องหมายเอาไว้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือแผนผังที่ชัดเจนมีรายละเอียดครบถ้วนและสมบูรณ์แบบที่สุด
!
หากเทียบกับแผนผังที่หวงฟู่เคยวาดไว้ตอนที่ไปสืบข่าวจากนิกายพันธมิตรสวรรค์
แผนผังของเทียนจี้เจิ้นเหรินยังเหนือล้ำกว่าไม่รู้ตั้งกี่สิบเท่า !
เพียงแค่กวาดตามองหยาบๆ
ในใจเขาก็ได้คำตอบแล้ว นี่เป็นแผนผังของแท้
นี่คือแผนผังที่เขาใฝ่ฝันมาโดยตลอด
!
หลังจากผ่านช่วงเวลาชื่นชมอย่างลืมตัวไปพักใหญ่
ประมุขนิกายกระบี่ฟ้าก็หันไปถามว่าเทียนจี้เจิ้นเหรินว่า “ข้าขอเสียมารยาทถามเจิ้นเหริน
แผนผังชีพจรวิญญาณเป็นความลับสุดยอดของนิกายพันธมิตรสวรรค์ เช่นนี้
เจิ้นเหรินได้มันมาได้อย่างไร ?”
“นอกจากนี้
หากพูดอย่างไม่อ้อมค้อม ข้าประมุขก็ไม่เคยมีสัมพันธ์อันใดต่อเจิ้นเหริน
ไฉนท่านถึงได้ช่วยเหลือนิกายของข้ามากเพียงนี้ ?”
เทียนจี้เจิ้นเหรินสีหน้าราบเรียบผ่อนคลาย
เขายกมือลูบเคราขาวพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่แยแสว่า “นี่คือเจตจำนงจากสวรรค์ เป็นความลับที่ไม่สามารถแพร่งพรายได้”
“………….”
ประมุขนิกายกระบี่ฟ้าเงียบไป
ฉากหน้าดูสงบราบเรียบ แต่ในใจกลับลอบสบถอย่างเงียบงันว่า “จิ้งจอกเฒ่า
!”
ทว่า
รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็มิได้ลดลงและกล่าวต่อไปว่า “เจิ้นเหรินช่างหยั่งรู้ความลับสวรรค์จริงๆ
!"
“ด้วยแผนผังที่เจิ้นเหรินมอบให้นี้
แน่นอนว่าเป็นของขวัญล้ำเลิศของนิกายเรา
ข้าประมุขไม่ทราบว่าควรตอบแทนเจิ้นเหรินอย่างไรดี ?”
เมื่อพูดถึงการตอบแทน
ท่าทางของเทียนจี้เจิ้นเหรินก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้มลี้ลับเล็กๆพลางกล่าวว่า
“เราผู้เฒ่าเดินทางทั่วแผ่นดินใหญ่
วุ่นวายกับการช่วยเหลือผู้คน ทำตามเจตนารมณ์ของสวรรค์อย่างไม่เคยท้อถอย”
“ถ้าหากท่านประมุขคิดจะตอบแทนบุญคุณของข้าจริงๆ
เช่นนั้นก็อย่าลืมมอบหินวิญญาณให้ข้าสักเล็กน้อย
เพียงนี้ก็ถือว่าเป็นการตอบแทนเราผู้เฒ่าแล้ว....”
ประมุขนิกายกระบี่ฟ้าแค่นเสียงในใจลับๆว่า
“ตาเฒ่าโง่เง่าผู้นี้ทำเป็นคารมคมคาย ที่แท้ก็ต้องการหินวิญญาณงั้นหรือ ?”
หินวิญญาณเป็นอัญมณีที่หาได้ยาก
มันเป็นสมบัติล้ำค่าที่เปี่ยมล้นไปด้วยพลังปราณแท้อันบริสุทธิ์
ผู้ฝึกยุทธ์สามารถบ่มเพาะพลังจากการดูดซับหินวิญญาณโดยตรงและผลที่ได้ก็ดีกว่าเม็ดยาหลายๆประเภทเสียอีก
ดังนั้นหินวิญญาณจึงเป็นที่ต้องการอย่างสูงของผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนในยุทธภพ
น่าเสียดายที่จำนวนของหินวิญญาณนั้นมีไม่มากนัก กระจัดกระจายไปตามสถานที่ต่างๆ ณ
เส้นชีพจรวิญญาณทั่วๆไปจะเกิดหินวิญญาณเพียงไม่กี่สิบก้อนต่อปี
แม้แต่นิกายที่ใหญ่เป็นอันดับสองอย่างนิกายกระบี่ฟ้าก็ยังใช้เวลาหลายปีสะสมหินวิญญาณได้แค่พันก้อนเท่านั้น
แต่หากเทียบกับแผนผังเส้นชีพจรวิญญาณที่สมบูรณ์แบบนี้
ประมุขนิกายกระบี่ฟ้าย่อมยินดีจ่ายอย่างไม่ลังเล เขาพยักหน้าและตอบว่า “เจิ้นเหรินสมถะโดยแท้ หินก้อนเล็กๆนั้นมิใช่เรื่องใหญ่”
ท้ายที่สุดเขาก็หยิบหินวิญญาณจำนวนสามสิบก้อนออกจากแหวนมิติมากองลงบนโต๊ะ
หินวิญญาณแต่ละก้อนมีขนาดเท่าไข่ฟองหนึ่งและเปล่งแสงห้าสีที่นำมาซึ่งรัศมีอันเจิดจ้า
ประมุขนิกายกระบี่ฟ้าผลักหินวิญญาณสามสิบก้อนไปหาเทียนจี้เจิ้นเหรินด้วยรอยยิ้มพลางกล่าวว่า
“ของกำนัลเล็กน้อยนี้คือน้ำใจของข้า หวังว่าเจิ้นเหรินจะไม่รังเกียจที่จะรับมันไว้”
เทียนจี้เจิ้นเหรินเหลือบมองหินวิญญาณด้วยหางตาและยิ้มพลางส่ายหัว
“ท่านประมุข
ท่านคือผู้ที่จะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของทั่วทั้งอาณาจักรเทียนเฉิน
ความจริงใจของท่านที่มีต่อสวรรค์มีแค่นี้หรือ ?”
“นี่ยังน้อยไปหรือ ?”
ประมุขนิกายกระบี่ฟ้าลอบทอดทอนใจ
เขาหยิบหินวิญญาณออกมาอีกสามสิบก้อนจากแหวนมิติและวางไว้ตรงหน้าเทียนจี้เจิ้นเหรินอีกรอบ
“เจิ้นเหรินตรงไปตรงมาและกล่าวได้ดี
ผู้ฝึกยุทธ์เล็กจ้อยอย่างข้าไม่ควรตระหนี่ต่อสวรรค์ บอกตามตรง ข้านั้นรู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณต่อเจิ้นเหรินอย่างยิ่งที่นำความลับของสวรรค์มาเปิดเผยต่อข้า
แต่ความจริงใจที่ข้ามอบให้ท่านนี้ก็นับว่ากระทบต่อฐานรากของนิกายข้าไปมากแล้ว”
ความหมายของเขานั้นชัดเจนมาก
นิกายกระบี่ฟ้าแม้จะเป็นนิกายอันดับสองของอาณาจักรเทียนเฉิน
แต่ก็ยังเป็นเพียงนิกายและตระกูลเล็กๆหากเทียบกับทวีปลมปราณฟ้า
เขาไม่มีหินวิญญาณมากมายนัก
ที่มอบให้ทั้งหมดนี้ก็นับว่าแทบจะกระทบต่อรากฐานในอนาคตของนิกายกระบี่ฟ้าไปหลายสิบปีแล้ว
เทียนจี้เจิ้นเหรินก็ตระหนักดีเช่นกัน
ดังนั้นเขาไม่เสแสร้งอีกต่อไปและโบกมือเก็บหินวิญญาณทั้งหกสิบก้อนเข้าไปไว้ในแขนเสื้อหลวมกว้างอย่างรวดเร็ว
“เอาล่ะ ในเมื่อท่านประมุขจริงใจเพียงนี้สวรรค์ย่อมรับรู้ถึงความซาบซึ้งของท่าน จงกลายเป็นมังกรที่พลิกลักขณาของอาณาจักรเทียนเฉินเถิด”
เทียนจี้เจิ้นเหรินกล่าวด้วยรอยยิ้มและผุดลุกขึ้นเตรียมจะจากไป เขากล่าวทิ้งท้ายว่า
“อ้อ
ท่านประมุขจดจำไว้อย่างหนึ่ง เรื่องนี้รอช้าไม่ได้ มิฉะนั้นแล้วหากเวลาล่วงเลยผ่านไปข้าเกรงว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอีก
เพราะเจตจำนงของสวรรค์นั้นมิอาจคาดเดาได้โดยง่ายนักหรอก”
ประมุขนิกายกระบี่ฟ้าพยักหน้าและลุกขึ้นอย่างรวดเร็วหมายจะเดินไปส่งเทียนจี้เจิ้นเหรินที่ประตูห้องโถงใหญ่
เมื่อมองไปที่ด้านหลังของเทียนจี้เจิ้นเหรินในชุดขาวที่ค่อยๆเดินลับตาไป
รอยยิ้มของประมุขนิกายกระบี่ฟ้าก็ค่อยๆหายไปและแทนที่ด้วยสีหน้าดูหมิ่นเหยียดหยาม
จากนั้นไม่นาน
เมื่ออีกฝ่ายจากไปไกลเขาก็หันหลังเดินเข้ากลับห้องโถงใหญ่
เขารีบนำแผนผังเส้นชีพจรวิญญาณเก้ามังกรออกมาสำรวจอย่างระมัดระวัง
ในเวลานี้เองหวงฟู่ที่รออยู่อีกห้องหนึ่งก็รีบเข้ามาในห้องโถงและมาถึงด้านข้างของประมุขนิกายกระบี่ฟ้า
“ท่านประมุข, ปรมาจารย์ท่านนั้นไปแล้วหรือ
?”
เมื่อเขาได้เหลือบมองไปเห็นม้วนคัมภีร์บนโต๊ะก็เผยสีหน้าตกตะลึงออกมา
“นี่.......
นี่คือ…แผนผังงั้นหรือ ?”
ประมุขนิกายกระบี่ฟ้าพยักหน้าและยิ้มพลางกล่าวว่า
“นี่คือแผนผังเส้นชีพจรวิญญาณเก้ามังกรของนิกายพันธมิตรสวรรค์ ข้าประมุขซื้อมันมาด้วยหินวิญญาณหกสิบก้อน”
หวงฟู่เบิกตากว้างและเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
เขาไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
“ท่านประมุข ท่านจะบอกว่าท่านซื้อแผนผังนี้มาด้วยหินวิญญาณถึงหกสิบก้อนเชียวหรือ
?!"
“ท่านประมุข เทียนจี้เจิ้นเหรินผู้นั้นเป็นพวกต้มตุ๋นหลอกลวงหรือเปล่า
? ท่านไว้ใจเขาหรือ ?”
ประมุขนิกายกระบี่ฟ้ายิ้มและพยักหน้า
“ถูกต้อง
เจ้าสวะเทียนจี้เจิ้นเหรินผู้นั้นเป็นจิ้งจอกเฒ่าตัวหนึ่ง
มันเสแสร้งและเจ้าเล่ห์หลักแหลมนัก”
“เหอะ ลมเมฆบ้าบออะไรจะพัดพาผู้คนจนเปลี่ยนเป็นมังกรไปได้
เพ้อเจ้อ แต่มันพูดถูกอยู่อย่างหนึ่ง
มังกรที่จะเปลี่ยนลักขณาและสถานการณ์ทั่วทั้งอาณาจักรเทียนเฉินก็คือข้าผู้นี้”
หวงฟู่ยิ่งสับสนมึนงงมากขึ้น
เขาขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ท่านประมุข ในเมื่อเทียนจี้เจิ้นเหรินเป็นพวกโกหกพกลม
เหตุใดท่านยังเชื่อมันและยอมจ่ายหินวิญญาณซื้อแผนผังจากมันมาอีกเล่า ?”
ประมุขนิกายกระบี่ฟ้าหัวเราะร่าพลางกล่าวว่า
“เชื่อมัน ? ฮ่าๆ ที่ไหนกันเล่าหวงฟู่
ข้าไม่ได้โง่ขนาดนั้น หินวิญญาณหกสิบก้อนจะว่ามากก็มากจะว่าน้อยก็น้อย
แต่หากเทียบกับสมบัติบางอย่างแล้วมันไม่นับว่าเป็นอันใด !”
จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่แผนผังเส้นชีพจรวิญญาณเก้ามังกรที่วางอยู่บนโต๊ะและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า
“หวงฟู่ ถึงแม้ว่าเจ้าเฒ่าเทียนจี้เจิ้นเหรินนั่นจะเป็นพวกต้มตุ๋น
แต่แผนผังนี้ก็นับว่าละเอียดสมบูรณ์อย่างมาก”
“ท่านช่วยข้าดูให้ละเอียดซิว่าแผนผังนี้มีปัญหาบกพร่องที่จุดไหนหรือไม่”
หวงฟู่คือปรมาจารย์ข่ายอาคมที่ประมุขนิกายกระบี่ฟ้าวางใจที่สุด เมื่อได้ยินคำขอ เขาก็พยักหน้าและจ้องมองไปที่ลวดลายที่วาดไว้บนนั้น
ผ่านไปไม่นานเขาก็เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจและมีความสุขมากขึ้น สุดท้ายเขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะร่าออกมา
“ฮะ..... ฮ่าๆๆๆ ใช่แล้ว
มันเป็นแผนผังเส้นชีพจรวิญญาณเก้ามังกรของนิกายพันธมิตรสวรรค์จริงๆด้วย !”
“แผนผังนี้มีรายละเอียดที่ครบถ้วนและมากกว่าของข้าเสียอีก
ตรงจุดสำคัญและหัวใจหลักก็ทำเครื่องหมายไว้อย่างชัดเจนและมีหลักการ นอกจากนี้ยังประณีตและลึกซึ้ง
!”
“ท่านประมุข ท่านกล่าวได้ถูกต้องแล้ว
หินวิญญาณหกสิบก้อนนับว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก !”
หวงฟู่อดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมาด้วยดีใจ
หลังจากที่สงบใจลงเขาก็กล่าวด้วยความสับสนว่า
“ท่านประมุข
แผนผังนี้เป็นความลับสุดยอดของนิกายพันธมิตรสวรรค์
ไม่ต้องพูดถึงหินวิญญาณหกสิบก้อนเลย
ต่อให้เป็นหกหมื่นหรือหกแสนก้อนก็ไม่อาจหาซื้อได้ด้วยซ้ำ !”
“เทียนจี้เจิ้นเหรินผู้นั้นเป็นใครกันแน่ ? เขามีจุดประสงค์อะไร ทำไมถึงได้มอบสิ่งล้ำค่าขนาดนี้ให้กับนิกายเรา
?”
ประมุขนิกายกระบี่ฟ้าผุดลุกขึ้นด้วยสองมือไพล่
ใบหน้าเผยรอยยิ้มบางขึ้นกล่าวว่า “มันอ้างว่าเดินทางไปทั่วแผ่นดินใหญ่นับร้อยปี
จุดหมายก็เพื่อบำเพ็ญตบะและถ่ายทอดเจตจำนงของสวรรค์ มารดามันเถอะ
คำพูดเพ้อเจ้อเช่นนี้น่าเชื่อถือนักหรือไง ?”
“จากมุมมองและการคาดเดาของข้า
เทียนจี้เจิ้นเหรินผู้นี้เป็นใครสักคนที่ปลอมตัวและกุเรื่องพวกนี้ขึ้นมา คนๆนี้น่าจะเป็นคนของนิกายอื่นหรือกองกำลังอื่น
และแน่นอนจุดประสงค์ของมันก็คือต้องการยืมมือข้าจัดการกับนิกายพันธมิตรสวรรค์”
“ท้ายที่สุดแล้วนิกายพันธมิตรสวรรค์ก็เป็นนิกายใหญ่อันดับหนึ่งของทั้งแปดนิกายที่ควบคุมกำกับทุกอย่างในอาณาจักรเทียนเฉินเป็นเวลานับพันปี”
“ไม่เพียงแค่นิกายเรา ลำพังนิกายอื่นและกองกำลังอื่นก็ใช่ว่าจะชอบขี้หน้านิกายพันธมิตรสวรรค์เสียเท่าไหร่
เพียงแต่ว่าขุมอำนาจพวกนั้นไม่เต็มใจที่จะวัดกับนิกายพันธมิตรสวรรค์ซึ่งหน้า
ดังนั้นจึงจงใจใช้วิธีนี้ให้นิกายเราเป็นฝ่ายต่อกรกับนิกายพันธมิตรสวรรค์แทน ที่สำคัญ ไม่ว่านิกายเราจะทำสำเร็จหรือล้มเหลว
ขุมอำนาจที่ว่ามาก็สามารถทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ได้อย่างสายใจ
รอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ทีหลัง”
“ฮึ ! นับว่าเป็นแผนการที่ลึกซึ้งไม่น้อยและมีแต่ได้กับได้เท่านั้น”
***
ไก่เห็นตีนงู
งูเห็นนมไก่ เป็นสำนวนหมายถึง
คนสองคนต่างรู้ความลับหรือนิสัยใจคอของกันและกันเป็นอย่างดี
แต่คนอื่นนั้นไม่รู้เรื่องของทั้งสอง ประมาณว่าเจ้าหลอกข้าแต่ข้ารู้ทันเจ้า
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved