ตอนที่ 77

ชายเสื้อยังมิอาจสัมผัสต้อง

เสียงของเจียงไป๋อวี้ดังกังวานอย่างชัดเจนไปทั่วทั้งจัตุรัสและทำให้ผู้คนนับหมื่นในจักรวรรดิชิงหยุนต่างก็ได้ยินเต็มสองหู

ฝูงชนเริ่มส่งเสียงดังสนทนากันและมีหลายคนเริ่มกระซิบกระซาบ

ในช่วงสามวันที่ผ่านมา

ผู้ที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดก็คือเจียงไป๋อวี้และจี้เทียนซิง

ฝูงชนมักเอาไปพูดกันว่าเจียงไป๋อวี้กลายเป็นหินรองเท้าสำหรับการถือกำเนิดใหม่ของจี้เทียนซิง

ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เขาโกรธแค้นและไม่พอใจอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก

วาจาฮึกเหิมของเจียงไป๋อวี้ทำให้จอมยุทธ์หลายคนรู้สึกเห็นพ้องและได้รับแรงบันดาลใจไปด้วย  พวกเขาเห็นดีเห็นงามกับคำพูดของเจียงไป๋อวี้และคาดว่าเขาจะสามารถล้มจี้เทียนซิงต่อหน้าผู้คนนับหมื่นลงได้

ผ่านไปชั่วครู่

ฝูงชนก็ส่งเสียงเชียร์และมีหลายคนร้องเรียกชื่อเจียงไป๋อวี้เป็นการให้กำลังใจ

ส่วนจี้เทียนซิงยังคงสงบนิ่งไม่หวั่นไหวต่อคำพูดและสถานการณ์โดยรอบ

ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่เจียงไป๋อวี้อย่างเฉื่อยชา

มุมปากยกโค้งขึ้นเผยรอยยิ้มคล้ายเย้ยหยัน จากนั้นก็เริ่มกล่าวออกมาว่า

“เจียงไป๋อวี้ ข้าเห็นใจเจ้านัก !  แต่เอาเถอะ

บางทีนี่อาจเป็นลิขิตชีวิตของเจ้าก็เป็นได้”

ใบหน้าของเจียงไป๋อวี้ดูหดหู่ยิ่งขึ้น

แววตาทอประกายสงสัยในคำพูดของอีกฝ่าย เขาจ้องมองและถามว่า “จี้เทียนซิง เจ้าหมายความว่าอย่างไร ว่ากล่าวมาให้ชัด !"

จี้เทียนซิงตอบพลางหัวเราะเยาะว่า

“ยามที่ข้าได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งในเมืองจักรวรรดิ

เจ้าถูกย่ำไว้ใต้ฝ่าเท้าข้าจนแม้แต่ชื่อก็ยังไม่มีผู้ใดจดจำได้ เมื่อสามวันก่อนเจ้าอวดดีหวังจะสร้างชื่อเสียงแต่สุดท้ายก็ล้มเหลว

แต่ข้ากลับทำสำเร็จจนทำให้ชื่อเสียงของข้าและข่าวเรื่องพลังยุทธ์ที่ฟื้นฟูกระจายไปทั่ว

สิ่งที่เจ้าทำเป็นการตัดเย็บชุดแต่งงานให้ผู้อื่นโดยแท้   เช่นนี้ยังไม่น่าสงสารพออีกหรือ ?"

“นอกจากนี้ !  วันนี้เจ้าจะต้องพ่ายแพ้ข้าต่อหน้าทุกคนและพลาดสิทธิ์ในการเข้าร่วมนิกายหนุนสวรรค์

! เจ้าคือหินรองเท้าของข้าไม่ว่าจะเป็นอดีตหรือปัจจุบัน

นี่คือชะตากรรมของเจ้า !”

เมื่อจี้เทียนซิงกล่าวคำพูดทั้งหมดจบฝูงชนก็ระเบิดเสียงฮือฮาออกมา

พวกเขาทุกคนแสดงสีหน้าอันซับซ้อนและดวงตาเปล่งประกายต่อวาจาโอ้อวดของจี้เทียนซิง

“สวรรค์ !  จี้เทียนซิงกล่าวเช่นนี้ เขามั่นใจมากล้น !”

“โอหัง อวดดีเกินไปแล้ว !”

“อัจฉริยะอันดับหนึ่งในอดีตกลับมาแล้ว แถมเขายังดูมั่นใจกว่าเดิมมาก

!”

“สมัยก่อนเขายังดูสุภาพกว่านี้มากนัก  แต่หลังจากฟื้นฟูพลังกลับมาดูเขาองอาจ

อหังการยิ่งกว่าเดิมราวกับคนละคน !”

“หากจี้เทียนซิงเอาชนะเจียงไป๋อวี้ได้อย่างที่พูดจริงๆ

เจียงไป๋อวี้คงถูกลิขิตให้เกิดมาเป็นหินรองเท้าอย่างที่เขาพูด  น่าเห็นใจไม่น้อย !”

คำสนทนาของฝูงชนแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว

ใบหน้าของเจียงไป๋อวี้ดำเป็นขี้เถ้าและร่างกายสั่นสะท้านด้วยความโกรธจัด  ดวงตาเต็มเปี่ยมไปด้วยเจตนาฆ่า

“จี้เทียนซิง เจ้ามันอวดดีเกินไปแล้ว !  ข้าจะทำให้เจ้าพิการจนมิอาจฟื้นฟูกลับมาได้อีก  ข้าจะให้เจ้าสำนึกว่าขยะก็ย่อมเป็นขยะวันยังค่ำ

!”

ฟุ่บ

!

เจียงไป๋อวี้ทะลึ่งกายขึ้นและคำรามออกมาพร้อมกับซัดกระบี่เข้าใส่จี้เทียนซิงอย่างดุเดือด

“เพลงกระบี่แปดงูทองคำ !”

ทันทีที่ลงมือเขาก็ใช้ออกด้วยเคล็ดวิชากระบี่ที่รุนแรงที่สุดออกมา ลำแสงกระบี่สีทองแปดสายแทงเข้าหาและโจมตีจี้เทียนซิงจากทุกทิศทางเพื่อโอบล้อมร่างของเขาเอาไว้

จี้เทียนซิงไม่ถอยหนีและไม่คิดหลบเลี่ยง

ดวงตาเฉียบคมคู่นั้นสาดประกายเย็นเยือกและปะทุพลังของตัวอ่อนกระบี่ให้แผ่พุ่งปราณกระบี่

6 สายออกมาทันที

“เช้ง เช้ง เช้ง เช้ง เช้ง เช้ง !”

ปราณกระบี่ทองคำ

6 สายยิงออกมาจากร่างของชายหนุ่มราวกับลำแสงสายฟ้า

ถักทอเป็นข่ายกระบี่และพุ่งไปที่กระบี่แปดงูทองคำของเจียงไป๋อวี้

“ตูม  !”

ปราณกระบี่ปะทะกับลำแสงกระบี่และระเบิดออกเป็นลำแสงสีทอง

ณ จุดตกกระทบ

ลำแสงกระบี่ทองคำ

8 สายของเจียงไป๋อวี้แตกกระจายและสลายไปในพริบตา

เจียงไป๋อวี้หน้าถอดสีไปชั่ววูบแต่ก็ยังไม่คิดรามือ

เขาโยนร่างตนเองเข้าหาจี้เทียนซิงอีกครั้งและซัดลำแสงกระบี่ 8 สายออกมาอีกคำรบ

“งูทองร่ายรำ !”

ลำแสงกระบี่

8 สายปะทุพลังอันเกรี้ยวกราดและดุดันออกมา

มันทำให้เกิดคลื่นวายุอันรุนแรงพัดกระหน่ำบนลานประลอง

จี้เทียนซิงสีหน้าไม่เปลี่ยน

เขาสลับกระบี่มังกรดำไปไว้ที่มือซ้ายและใช้มือขวาควบคุมปราณกระบี่ทั้ง 6 สายด้วยศาสตร์ลับอวี้เจี้ยนให้บินกลับไปสู้ต่อ

“เช้ง เช้ง เช้ง !”

6

ปราณกระบี่แตกออกเป็น 12 ปราณกระบี่ มันผสานกับความเร็วและควบแน่นกลายเป็นข่ายกระบี่

ปึง

!

ข่ายกระบี่ปิดกั้นลำแสงกระบี่ทั้ง

8 สายของเจียงไป๋อวี้ และโยงใยไปห้อมล้อมอีกฝ่ายราวกับคลื่นสายฟ้า

ฉัวะ

ฉัวะ ฉัวะ.... !

เจียงไป๋อวี้ตกอยู่ในอันตรายในทันที ภายในพริบตาเขาถูกเฉือนด้วยข่ายปราณกระบี่จนโลหิตสีแดงสดไหลซึมออกมา

"ระยำเอ้ย !  นี่มันเพลงกระบี่ผีสางอันใด !”

เจียงไป๋อวี้ทั้งตกใจและเต็มไปด้วยโทสะ

เขาฟาดฟันกระบี่ไปมาอย่างรวดเร็วเพื่อต่อต้านการบีบรัดของข่ายกระบี่

จี้เทียนซิงที่ยืนอยู่ด้านหน้าใช้ศาสตร์ลับอวี้เจี้ยนเพื่อควบคุมปราณกระบี่ทีละเส้นสายให้ผลัดกันโจมตีเจียงไป๋อวี้

เจียงไป๋อวี้ไร้หนทางตอบโต้

ลำพังแค่ตาข่ายกระบี่ที่บีบล้อมเอาไว้เขาก็ยังไม่อาจทำลายได้

นับประสาอะไรกับการเข้าใกล้จี้เทียนซิง

ผู้คนหลายหมื่นคนในจัตุรัสมองดูภาพนี้ด้วยสีหน้าโง่งม

ทุกคนเต็มไปด้วยสีหน้าที่บิดเบี้ยวหวาดกลัวและตื่นตระหนกอย่างยิ่ง

จากนั้นก็ระเบิดเสียงสนทนาออกมา

“สวรรค์ช่วย !  นั่นมันศาสตร์กระบี่แขนงใด ? เหตุใดข้าไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนเลย”

“เหลือเชื่อ ! จี้เทียนซิงสามารถควบคุมปราณให้ปรากฏเป็นกระบี่และออกมาโจมตีได้

?”

“นี่มันใช่สิ่งที่จอมยุทธ์ระดับเขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงทำได้แน่หรือ

!?

การควบคุมคลื่นกระบี่ให้ออกไปโจมตีจากระยะไกล

ศาสตร์ระดับนี้กล่าวกันว่ามีเพียงจอมยุทธ์ระดับแก่นกำเนิดที่ทำได้ใช่หรือ ?

“เพลงกระบี่แขนงนี้ยอดเยี่ยมมาก วันนี้ข้าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว !”

“ไม่น่าแปลกใจที่จี้เทียนซิงเต็มเปี่ยมไปด้วยความใจและกล้าอวดดีราวกับไม่เห็นเจียงไป๋อวี้อยู่ในสายตา

ที่แท้มันมีเพลงกระบี่ที่น่าอัศจรรย์เป็นทุนรอน !”

“เจียงไป๋อวี้ไม่สามารถทำลายได้แม้กระทั่งปราณกระบี่เล่มเดียว

นับประสาอะไรกับจะแตะชายเสื้อจี้เทียนซิง

แบบนี้จะสู้กันได้อย่างไร ?”

“เฮ้อ... ชัดเจนแล้ว เจียงไป๋อวี้แพ้พ่าย !”

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ...

อาภรณ์สีขาวอันองอาจหรูหราของเจียงไป๋อวี้ถูกตัดเป็นท่อนๆด้วยปราณกระบี่ราวกับกองผ้าขี้ริ้ว เขาไม่ต่างอะไรกับเปลือยเปล่า

ยิ่งไปกว่านั้น

ทั่วร่างของเขายังเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและบาดแผลจากปราณกระบี่ที่เชือดเฉือนมากกว่า 60 แผลจนเลือดไหลออกมาอย่างต่อเนื่องจากแผลเหล่านั้นจนอาบชโลมอาภรณ์ให้กลายเป็นสีแดงสด

มีหลายครั้งที่เจียงไป๋อวี้พยายามฝ่าทะลวงข่ายกระบี่ออกไปด้วยสภาพทุลักทุเลอย่างหมดท่า

จนดูเหมือนจะทำลายข่ายกระบี่ได้สำเร็จก็จริง

อย่างไรก็ตาม สายธารกระบี่ทั้ง 12 อยู่ภายใต้การควบคุมของจี้เทียนซิงราวกับว่ามันมีสติปัญญาและจิตวิญญาณเป็นของตัวเอง

!

ต่อให้เจียงไป๋อวี้ฝืนใช้กำลังฝ่าแยกข่ายกระบี่ออกไปได้

แต่จี้เทียนซิงก็ควบคุมปราณกระบี่ให้มาเติมเต็มช่องว่างได้แทบจะทันที

ดังนั้นเจียงไป๋อวี้จึงไม่สามารถหนีรอดไปจากการบีบรัดของข่ายกระบี่ได้เลย  อาการบาดเจ็บของเขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าซีดขาวราวกับกระดาษและพลังลมปราณสูญสลายไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากความพยายามครั้งที่สิบ

กระบี่ในมือของเจียงไป๋อวี้ก็ถูกปัดกระเด็นด้วยปราณกระบี่สายหนึ่งจนตกไปใต้เวที

วูบ

!

ข่ายกระบี่หดหายอย่างกะทันหันและแปรเปลี่ยนเป็นปราณกระบี่หกสายที่ล่องลอยกลางอากาศอย่างเงียบงันแต่พวกมันชี้จ่อไปที่ศีรษะและลำคอของเจียงไป๋อวี้

ผลตัดสินแล้ว....

จี้เทียนซิงมองไปที่เจียงไป๋อวี้และตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแส

“เจียงไป๋อวี้ นี่คือชะตาของเจ้า จงยอมรับความพ่ายแพ้เสีย !”

เจียงไป๋อวี้ผู้ซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยเลือดกำลังหอบหายใจยืนอยู่บนเวทีด้วยร่างกายที่ราวกับจะพังทลายลงได้ทุกเมื่อ

เขาไม่สามารถยอมรับผลการต่อสู้นี้ได้

!

เขารู้สึกไม่อยากเชื่อว่าตนเองจะพ่ายแพ้ต่อจี้เทียนซิงผู้ซึ่งถูกเขาสบประมาทมานับครั้งไม่ถ้วน

แถมยังไม่สามารถแตะได้แม้แต่ชายเสื้อของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ !

ในขณะนี้เองความภาคภูมิใจและความมั่นใจของมันถูกจี้เทียนซิงบดขยี้จนหมดสิ้นแล้ว

!

ตอนนี้จะให้ทิ้งศักดิ์ศรีและยอมรับความพ่ายแพ้งั้นหรือ

?

ต่อหน้าผู้คนในเมืองจักรวรรดินับหมื่น

?

เจียงไป๋อวี้ทำไม่ได้เด็ดขาด

!

เขาจ้องไปที่จี้เทียนซิงด้วยดวงตาพร่ามัวและร่ำร้องออกมาว่า

“ไม่ !  ไม่มีทาง จี้เทียนซิง !  ข้าไม่มีวันยอมแพ้ต่อเจ้า !”

จี้เทียนซิงมุ่นหัวคิ้วและกล่าวอย่างไร้อารมณ์ว่า

“ไม่ยอมแพ้ ? ย่อมได้

งั้นข้าจะโยนเจ้าลงไปเอง”

วูบ

!

เมื่อสิ้นเสียงจี้เทียนซิงก็ไหวร่างพุ่งไปปรากฏตัวที่เบื้องหน้าของเจียงไป๋อวี้และยกเท้าขึ้นถีบเข้าที่ยอดอก

เจียงไป๋อวี้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเป็นดั่งลูกธนูที่ถูกยิงออกไปสุดหล้าแล้ว

ย่อมไม่สามารถต้านทานและหลบหนีได้

"ปง !"

ด้วยเสียงจากฝ่าเท้ากระทบยอดอก

เจียงไป๋อวี้ก็ถูกถีบจนลอยขึ้นเป็นเส้นโค้งกลางอากาศและกระแทกพื้นหลายตลบก่อนที่จะหยุดลง

เขาพยายามชันกายเพื่อลุกขึ้นและตะโกนออกมา

“จี้เทียนซิง ! เจ้า

…..."

จากความอัปยศอดสูอย่างที่สุดทำให้เขาอาเจียนออกมาเป็นเลือดและตัวสั่นเทิ้ม

เขาคิดจะเอ่ยปากพูดและเลือดลมตีกลับจนหมดสติไป