ชายเสื้อยังมิอาจสัมผัสต้อง
เสียงของเจียงไป๋อวี้ดังกังวานอย่างชัดเจนไปทั่วทั้งจัตุรัสและทำให้ผู้คนนับหมื่นในจักรวรรดิชิงหยุนต่างก็ได้ยินเต็มสองหู
ฝูงชนเริ่มส่งเสียงดังสนทนากันและมีหลายคนเริ่มกระซิบกระซาบ
ในช่วงสามวันที่ผ่านมา
ผู้ที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดก็คือเจียงไป๋อวี้และจี้เทียนซิง
ฝูงชนมักเอาไปพูดกันว่าเจียงไป๋อวี้กลายเป็นหินรองเท้าสำหรับการถือกำเนิดใหม่ของจี้เทียนซิง
ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เขาโกรธแค้นและไม่พอใจอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก
วาจาฮึกเหิมของเจียงไป๋อวี้ทำให้จอมยุทธ์หลายคนรู้สึกเห็นพ้องและได้รับแรงบันดาลใจไปด้วย พวกเขาเห็นดีเห็นงามกับคำพูดของเจียงไป๋อวี้และคาดว่าเขาจะสามารถล้มจี้เทียนซิงต่อหน้าผู้คนนับหมื่นลงได้
ผ่านไปชั่วครู่
ฝูงชนก็ส่งเสียงเชียร์และมีหลายคนร้องเรียกชื่อเจียงไป๋อวี้เป็นการให้กำลังใจ
ส่วนจี้เทียนซิงยังคงสงบนิ่งไม่หวั่นไหวต่อคำพูดและสถานการณ์โดยรอบ
ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่เจียงไป๋อวี้อย่างเฉื่อยชา
มุมปากยกโค้งขึ้นเผยรอยยิ้มคล้ายเย้ยหยัน จากนั้นก็เริ่มกล่าวออกมาว่า
“เจียงไป๋อวี้ ข้าเห็นใจเจ้านัก ! แต่เอาเถอะ
บางทีนี่อาจเป็นลิขิตชีวิตของเจ้าก็เป็นได้”
ใบหน้าของเจียงไป๋อวี้ดูหดหู่ยิ่งขึ้น
แววตาทอประกายสงสัยในคำพูดของอีกฝ่าย เขาจ้องมองและถามว่า “จี้เทียนซิง เจ้าหมายความว่าอย่างไร ว่ากล่าวมาให้ชัด !"
จี้เทียนซิงตอบพลางหัวเราะเยาะว่า
“ยามที่ข้าได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งในเมืองจักรวรรดิ
เจ้าถูกย่ำไว้ใต้ฝ่าเท้าข้าจนแม้แต่ชื่อก็ยังไม่มีผู้ใดจดจำได้ เมื่อสามวันก่อนเจ้าอวดดีหวังจะสร้างชื่อเสียงแต่สุดท้ายก็ล้มเหลว
แต่ข้ากลับทำสำเร็จจนทำให้ชื่อเสียงของข้าและข่าวเรื่องพลังยุทธ์ที่ฟื้นฟูกระจายไปทั่ว
สิ่งที่เจ้าทำเป็นการตัดเย็บชุดแต่งงานให้ผู้อื่นโดยแท้ เช่นนี้ยังไม่น่าสงสารพออีกหรือ ?"
“นอกจากนี้ ! วันนี้เจ้าจะต้องพ่ายแพ้ข้าต่อหน้าทุกคนและพลาดสิทธิ์ในการเข้าร่วมนิกายหนุนสวรรค์
! เจ้าคือหินรองเท้าของข้าไม่ว่าจะเป็นอดีตหรือปัจจุบัน
นี่คือชะตากรรมของเจ้า !”
เมื่อจี้เทียนซิงกล่าวคำพูดทั้งหมดจบฝูงชนก็ระเบิดเสียงฮือฮาออกมา
พวกเขาทุกคนแสดงสีหน้าอันซับซ้อนและดวงตาเปล่งประกายต่อวาจาโอ้อวดของจี้เทียนซิง
“สวรรค์ ! จี้เทียนซิงกล่าวเช่นนี้ เขามั่นใจมากล้น !”
“โอหัง อวดดีเกินไปแล้ว !”
“อัจฉริยะอันดับหนึ่งในอดีตกลับมาแล้ว แถมเขายังดูมั่นใจกว่าเดิมมาก
!”
“สมัยก่อนเขายังดูสุภาพกว่านี้มากนัก แต่หลังจากฟื้นฟูพลังกลับมาดูเขาองอาจ
อหังการยิ่งกว่าเดิมราวกับคนละคน !”
“หากจี้เทียนซิงเอาชนะเจียงไป๋อวี้ได้อย่างที่พูดจริงๆ
เจียงไป๋อวี้คงถูกลิขิตให้เกิดมาเป็นหินรองเท้าอย่างที่เขาพูด น่าเห็นใจไม่น้อย !”
คำสนทนาของฝูงชนแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าของเจียงไป๋อวี้ดำเป็นขี้เถ้าและร่างกายสั่นสะท้านด้วยความโกรธจัด ดวงตาเต็มเปี่ยมไปด้วยเจตนาฆ่า
“จี้เทียนซิง เจ้ามันอวดดีเกินไปแล้ว ! ข้าจะทำให้เจ้าพิการจนมิอาจฟื้นฟูกลับมาได้อีก ข้าจะให้เจ้าสำนึกว่าขยะก็ย่อมเป็นขยะวันยังค่ำ
!”
ฟุ่บ
!
เจียงไป๋อวี้ทะลึ่งกายขึ้นและคำรามออกมาพร้อมกับซัดกระบี่เข้าใส่จี้เทียนซิงอย่างดุเดือด
“เพลงกระบี่แปดงูทองคำ !”
ทันทีที่ลงมือเขาก็ใช้ออกด้วยเคล็ดวิชากระบี่ที่รุนแรงที่สุดออกมา ลำแสงกระบี่สีทองแปดสายแทงเข้าหาและโจมตีจี้เทียนซิงจากทุกทิศทางเพื่อโอบล้อมร่างของเขาเอาไว้
จี้เทียนซิงไม่ถอยหนีและไม่คิดหลบเลี่ยง
ดวงตาเฉียบคมคู่นั้นสาดประกายเย็นเยือกและปะทุพลังของตัวอ่อนกระบี่ให้แผ่พุ่งปราณกระบี่
6 สายออกมาทันที
“เช้ง เช้ง เช้ง เช้ง เช้ง เช้ง !”
ปราณกระบี่ทองคำ
6 สายยิงออกมาจากร่างของชายหนุ่มราวกับลำแสงสายฟ้า
ถักทอเป็นข่ายกระบี่และพุ่งไปที่กระบี่แปดงูทองคำของเจียงไป๋อวี้
“ตูม !”
ปราณกระบี่ปะทะกับลำแสงกระบี่และระเบิดออกเป็นลำแสงสีทอง
ณ จุดตกกระทบ
ลำแสงกระบี่ทองคำ
8 สายของเจียงไป๋อวี้แตกกระจายและสลายไปในพริบตา
เจียงไป๋อวี้หน้าถอดสีไปชั่ววูบแต่ก็ยังไม่คิดรามือ
เขาโยนร่างตนเองเข้าหาจี้เทียนซิงอีกครั้งและซัดลำแสงกระบี่ 8 สายออกมาอีกคำรบ
“งูทองร่ายรำ !”
ลำแสงกระบี่
8 สายปะทุพลังอันเกรี้ยวกราดและดุดันออกมา
มันทำให้เกิดคลื่นวายุอันรุนแรงพัดกระหน่ำบนลานประลอง
จี้เทียนซิงสีหน้าไม่เปลี่ยน
เขาสลับกระบี่มังกรดำไปไว้ที่มือซ้ายและใช้มือขวาควบคุมปราณกระบี่ทั้ง 6 สายด้วยศาสตร์ลับอวี้เจี้ยนให้บินกลับไปสู้ต่อ
“เช้ง เช้ง เช้ง !”
6
ปราณกระบี่แตกออกเป็น 12 ปราณกระบี่ มันผสานกับความเร็วและควบแน่นกลายเป็นข่ายกระบี่
ปึง
!
ข่ายกระบี่ปิดกั้นลำแสงกระบี่ทั้ง
8 สายของเจียงไป๋อวี้ และโยงใยไปห้อมล้อมอีกฝ่ายราวกับคลื่นสายฟ้า
ฉัวะ
ฉัวะ ฉัวะ.... !
เจียงไป๋อวี้ตกอยู่ในอันตรายในทันที ภายในพริบตาเขาถูกเฉือนด้วยข่ายปราณกระบี่จนโลหิตสีแดงสดไหลซึมออกมา
"ระยำเอ้ย ! นี่มันเพลงกระบี่ผีสางอันใด !”
เจียงไป๋อวี้ทั้งตกใจและเต็มไปด้วยโทสะ
เขาฟาดฟันกระบี่ไปมาอย่างรวดเร็วเพื่อต่อต้านการบีบรัดของข่ายกระบี่
จี้เทียนซิงที่ยืนอยู่ด้านหน้าใช้ศาสตร์ลับอวี้เจี้ยนเพื่อควบคุมปราณกระบี่ทีละเส้นสายให้ผลัดกันโจมตีเจียงไป๋อวี้
เจียงไป๋อวี้ไร้หนทางตอบโต้
ลำพังแค่ตาข่ายกระบี่ที่บีบล้อมเอาไว้เขาก็ยังไม่อาจทำลายได้
นับประสาอะไรกับการเข้าใกล้จี้เทียนซิง
ผู้คนหลายหมื่นคนในจัตุรัสมองดูภาพนี้ด้วยสีหน้าโง่งม
ทุกคนเต็มไปด้วยสีหน้าที่บิดเบี้ยวหวาดกลัวและตื่นตระหนกอย่างยิ่ง
จากนั้นก็ระเบิดเสียงสนทนาออกมา
“สวรรค์ช่วย ! นั่นมันศาสตร์กระบี่แขนงใด ? เหตุใดข้าไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนเลย”
“เหลือเชื่อ ! จี้เทียนซิงสามารถควบคุมปราณให้ปรากฏเป็นกระบี่และออกมาโจมตีได้
?”
“นี่มันใช่สิ่งที่จอมยุทธ์ระดับเขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงทำได้แน่หรือ
!?
การควบคุมคลื่นกระบี่ให้ออกไปโจมตีจากระยะไกล
ศาสตร์ระดับนี้กล่าวกันว่ามีเพียงจอมยุทธ์ระดับแก่นกำเนิดที่ทำได้ใช่หรือ ?
“เพลงกระบี่แขนงนี้ยอดเยี่ยมมาก วันนี้ข้าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว !”
“ไม่น่าแปลกใจที่จี้เทียนซิงเต็มเปี่ยมไปด้วยความใจและกล้าอวดดีราวกับไม่เห็นเจียงไป๋อวี้อยู่ในสายตา
ที่แท้มันมีเพลงกระบี่ที่น่าอัศจรรย์เป็นทุนรอน !”
“เจียงไป๋อวี้ไม่สามารถทำลายได้แม้กระทั่งปราณกระบี่เล่มเดียว
นับประสาอะไรกับจะแตะชายเสื้อจี้เทียนซิง
แบบนี้จะสู้กันได้อย่างไร ?”
“เฮ้อ... ชัดเจนแล้ว เจียงไป๋อวี้แพ้พ่าย !”
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ...
อาภรณ์สีขาวอันองอาจหรูหราของเจียงไป๋อวี้ถูกตัดเป็นท่อนๆด้วยปราณกระบี่ราวกับกองผ้าขี้ริ้ว เขาไม่ต่างอะไรกับเปลือยเปล่า
ยิ่งไปกว่านั้น
ทั่วร่างของเขายังเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและบาดแผลจากปราณกระบี่ที่เชือดเฉือนมากกว่า 60 แผลจนเลือดไหลออกมาอย่างต่อเนื่องจากแผลเหล่านั้นจนอาบชโลมอาภรณ์ให้กลายเป็นสีแดงสด
มีหลายครั้งที่เจียงไป๋อวี้พยายามฝ่าทะลวงข่ายกระบี่ออกไปด้วยสภาพทุลักทุเลอย่างหมดท่า
จนดูเหมือนจะทำลายข่ายกระบี่ได้สำเร็จก็จริง
อย่างไรก็ตาม สายธารกระบี่ทั้ง 12 อยู่ภายใต้การควบคุมของจี้เทียนซิงราวกับว่ามันมีสติปัญญาและจิตวิญญาณเป็นของตัวเอง
!
ต่อให้เจียงไป๋อวี้ฝืนใช้กำลังฝ่าแยกข่ายกระบี่ออกไปได้
แต่จี้เทียนซิงก็ควบคุมปราณกระบี่ให้มาเติมเต็มช่องว่างได้แทบจะทันที
ดังนั้นเจียงไป๋อวี้จึงไม่สามารถหนีรอดไปจากการบีบรัดของข่ายกระบี่ได้เลย อาการบาดเจ็บของเขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าซีดขาวราวกับกระดาษและพลังลมปราณสูญสลายไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากความพยายามครั้งที่สิบ
กระบี่ในมือของเจียงไป๋อวี้ก็ถูกปัดกระเด็นด้วยปราณกระบี่สายหนึ่งจนตกไปใต้เวที
วูบ
!
ข่ายกระบี่หดหายอย่างกะทันหันและแปรเปลี่ยนเป็นปราณกระบี่หกสายที่ล่องลอยกลางอากาศอย่างเงียบงันแต่พวกมันชี้จ่อไปที่ศีรษะและลำคอของเจียงไป๋อวี้
ผลตัดสินแล้ว....
จี้เทียนซิงมองไปที่เจียงไป๋อวี้และตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแส
“เจียงไป๋อวี้ นี่คือชะตาของเจ้า จงยอมรับความพ่ายแพ้เสีย !”
เจียงไป๋อวี้ผู้ซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยเลือดกำลังหอบหายใจยืนอยู่บนเวทีด้วยร่างกายที่ราวกับจะพังทลายลงได้ทุกเมื่อ
เขาไม่สามารถยอมรับผลการต่อสู้นี้ได้
!
เขารู้สึกไม่อยากเชื่อว่าตนเองจะพ่ายแพ้ต่อจี้เทียนซิงผู้ซึ่งถูกเขาสบประมาทมานับครั้งไม่ถ้วน
แถมยังไม่สามารถแตะได้แม้แต่ชายเสื้อของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ !
ในขณะนี้เองความภาคภูมิใจและความมั่นใจของมันถูกจี้เทียนซิงบดขยี้จนหมดสิ้นแล้ว
!
ตอนนี้จะให้ทิ้งศักดิ์ศรีและยอมรับความพ่ายแพ้งั้นหรือ
?
ต่อหน้าผู้คนในเมืองจักรวรรดินับหมื่น
?
เจียงไป๋อวี้ทำไม่ได้เด็ดขาด
!
เขาจ้องไปที่จี้เทียนซิงด้วยดวงตาพร่ามัวและร่ำร้องออกมาว่า
“ไม่ ! ไม่มีทาง จี้เทียนซิง ! ข้าไม่มีวันยอมแพ้ต่อเจ้า !”
จี้เทียนซิงมุ่นหัวคิ้วและกล่าวอย่างไร้อารมณ์ว่า
“ไม่ยอมแพ้ ? ย่อมได้
งั้นข้าจะโยนเจ้าลงไปเอง”
วูบ
!
เมื่อสิ้นเสียงจี้เทียนซิงก็ไหวร่างพุ่งไปปรากฏตัวที่เบื้องหน้าของเจียงไป๋อวี้และยกเท้าขึ้นถีบเข้าที่ยอดอก
เจียงไป๋อวี้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเป็นดั่งลูกธนูที่ถูกยิงออกไปสุดหล้าแล้ว
ย่อมไม่สามารถต้านทานและหลบหนีได้
"ปง !"
ด้วยเสียงจากฝ่าเท้ากระทบยอดอก
เจียงไป๋อวี้ก็ถูกถีบจนลอยขึ้นเป็นเส้นโค้งกลางอากาศและกระแทกพื้นหลายตลบก่อนที่จะหยุดลง
เขาพยายามชันกายเพื่อลุกขึ้นและตะโกนออกมา
“จี้เทียนซิง ! เจ้า
…..."
จากความอัปยศอดสูอย่างที่สุดทำให้เขาอาเจียนออกมาเป็นเลือดและตัวสั่นเทิ้ม
เขาคิดจะเอ่ยปากพูดและเลือดลมตีกลับจนหมดสติไป
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved