ตอนที่ 302

เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร

?

สายตาที่ทุกคนจ้องมองทำให้เฉินซู่รู้สึกอับอาย

มันกลัวหัตถ์เปลวอัคคีและพลังทำลายของกระบี่จี้เทียนซิงอย่างจับจิต

สิ่งที่มันกล่าวมายืดยาวทั้งหมด

เจตนาแท้จริงเพียงต้องการจำกัดไพ่ตายทุกชนิดของอีกฝ่าย

แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนคาดไม่ถึงก็คือ

แม้จี้เทียนซิงจะดูออก แต่เขากลับตกปากรับคำเฉินซู่ !

คนผู้นี้มีความมั่นใจมากเพียงใดกัน

?!

ทันใดนั้นเหล่าศิษย์สาวกนิกายหลายร้อยคนล้วนตกตะลึงและถกเถียงกันเป็นวงกว้าง

เหล่าผู้ดูแลและผู้อาวุโสต่างก็เผยรอยยิ้มและจับจ้องไปที่จี้เทียนซิงด้วยความสนอกสนใจ

ทุกคนรู้ว่าการแสดงที่ดีกำลังจะตามมา

!

จี้เทียนซิงมิใช่บุรุษประเภทที่ชอบโอ้อวดเกินจริง

ในเมื่อเขากล้ารับปากเฉินซู่ก็ย่อมมีความมั่นใจเพียงพอ !

หลายต่อหลายคนตื่นเต้นเดือดพล่านพลางส่งเสียงโห่ร้องให้กำลังใจจี้เทียนซิงและเฉินซู่

เหล่าอาวุโสและผู้ดูแลทั้งหลายล้วนพยักหน้าและเต็มไปด้วยสีหน้าคาดหวัง

เฉินซู่รู้สึกผ่อนคลายจากความตึงเครียดได้มากขึ้น

คนผุดยิ้มบางพลางกล่าวกับอีกฝ่ายว่า “ศิษย์น้องจี้ใจเด็ดจริงๆ

เจ้าเปี่ยมไปด้วยจิตกระหายในการต่อสู้จนศิษย์พี่อย่างข้าอดมิได้ที่จะชื่นชม !”

จี้เทียนซิงกำหมัดคาระวะแล้วทำท่าทาง

"เชิญ"

“ศิษย์น้องจี้ ลงมือเถอะ !”

ท่วงท่าและน้ำเสียงของเฉินซู่แสดงออกถึงความมั่นใจที่เพิ่มพูนขึ้นอย่างมากล้น

มุมปากประดับไปด้วยรอยยิ้มยียวน

ในกรณีที่จี้เทียนซิงไม่ใช้หัตถ์เปลวอัคคีและกระบี่มังกรดำ

มันคิดว่าตนเองมีโอกาสชนะอย่างน้อยก็เก้าส่วน !

จี้เทียนซิงไม่ใส่ใจท่าทางมั่นอกมั่นใจของอีกฝ่าย

คนแค่นเสียงแผ่วเบาและทะยานดิ่งเข้าหาอย่างเร็ว

“ฟ้าว !”

ความเร็วของจี้เทียนซิงไต่ถึงระดับสูงสุดเหลือเพียงภาพติดตาเบื้องหลังที่พุ่งเข้าหาเฉินซู่ในพริบตา

หมัดของเขาที่เหวี่ยงออกไปเปล่งประกายรัศมีพลังปราณสีทองที่ควบแน่นเป็นปราณหมัดขนาดใหญ่

และซัดเข้าหาเฉินซู่อย่างเหี้ยมหาญ

“มาได้ดี !”

เฉินซู่เตรียมพร้อม

คนคำรามด้วยความมั่นใจและตั้งกระบวนท่าโต้กลับอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว

แสงสีฟ้าครามส่องประกายระหว่างฝ่ามือทั้งสองข้างของมัน

ควบแน่นเป็นหัตถ์ปราณสีฟ้าและปิดกั้นปราณหมัดของจี้เทียนซิงในทันที

“เป้ง  ปัง !”

หมัดและฝ่ามือของชายทั้งสองปะทะกันก่อเกิดเป็นเสียงอึกทึกอย่างรุนแรง

นำพาสายลมแรงพัดกระจายไปรอบๆจนชายเสื้อของทั้งสองพัดพริ้วไปตามแรงลม

การลงมือครั้งนี้เป็นเพียงการประเมิน

ไม่มีฝ่ายใดได้เปรียบเสียเปรียบ

จี้เทียนซิงถอนหมัดออกมาทันทีพลันยกขาขวาขึ้นเตะเหวี่ยงออกไปด้วยความรวดเร็วดั่งสายฟ้าฟาด

มุ่งเป้ากระแทกเข้าหาช่วงเอวของเฉินซู่

เฉินซู่ไม่ธรรมดาสมราคาคุย

คนมีปฏิกิริยาตอบโต้รวดเร็วยิ่ง มันยกขาขึ้นมาปัดป้องและสะบัดกายหลบหนีจากการจู่โจมต่อเนื่องของจี้เทียนซิงราวกับภูติพราย

มันพุ่งไปด้านข้างจี้เทียนซิงและยกฝ่ามือขึ้นจ้วงแทงเป็นกรงเล็บเข้าหาลำคอและหน้าอก

จี้เทียนซิงถอยหลังหลบหลีกพลางโบกมือปัดป่ายอย่างรวดเร็วเพื่อตอบโต้

ชายทั้งสองต่อสู้พัวพันกันราวกับมิต้องพักหายใจ

ท่าร่างรวดเร็วดั่งสายลมกระพริบโผล่ซ้ายทีขวาทีอยู่รอบเวทีและตอบโต้สลับสับเปลี่ยนกันไปมา

ศิษย์หลายคนในจัตุรัสไม่มีความสามารถพอจะมองเห็นหมัดฝ่ามือและการเคลื่อนไหวของพวกเขาทั้งสองได้ชัดตา

สิ่งที่พวกเขาเห็นมีเพียงเงาร่างอันพร่าเลือนสองกลุ่มที่เข้าปะทะหักหาญและทับซ้อนกัน

จากนั้นก็แยกจากกันอย่างรวดเร็ว

เสียงของหมัดฝ่ามือดัง

“ปัง ปัง ปัง  !” ไม่ขาดสายและส่งเสียงกึกก้องอยู่ตลอดเวลา

ทั้งจี้เทียนซิงและเฉินซู่ล้วนแต่ใช้ความแข็งแกร่งอย่างเต็มที่

มือของพวกเขาส่องสว่างไปด้วยพลังปราณที่อัดแน่น

ทุกครั้งที่คนทั้งสองปะทะกัน

แรงปะทะก่อเกิดเป็นเสียงสายลมหวีดร้องและกระจายไปทุกทิศทุกทาง

เมื่อทั้งสองเริ่มลงมือรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจนแรงปะทะทำให้เกิดลมแรงพัดพาก้อนหินดินทรายคลุ้งไปทั่วบริเวณจนสับสนวุ่นวาย

ในช่วงเวลาสั้นๆที่ใช้พลังเต็มพิกัด

ทั้งสองฝ่ายได้ปะทะกันไปกว่าร้อยกระบวนท่า

เพลงหมัดมวยของทั้งสองฝ่ายมีวิถีการจู่โจมที่แตกต่างกัน

ล้วนมีข้อดีข้อเสียต่างกันออกไป ทำให้แต่ละฝ่ายต่างก็ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยตามๆกัน

อย่างไรก็ตาม

ทั้งคู่เป็นอัจฉริยะอันดับต้นๆ ไม่เพียงแค่มีกระบวนท่าจู่โจมอันล้ำลึก

แต่การป้องกันของพวกเขาล้วนแข็งแกร่งเช่นเดียวกัน

ด้วยการต่อสู้มือเปล่าเยี่ยงนี้ มันเป็นการยากที่จะหาผู้แพ้ผู้ชนะได้ในเวลาอันสั้น

ในที่สุดเฉินซู่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกวิตกกังวล

เดิมทีมันคิดว่าหากไร้ซึ่งกระบี่และเพลงฝ่ามือ

มันจะสามารถเอาชนะจี้เทียนซิงได้ภายในหนึ่งร้อยกระบวนท่า

แต่สิ่งที่มันคาดไม่ถึงก็คือ

ต่อให้ไร้ซึ่งไพ่ตายทั้งสองชนิด จี้เทียนซิงก็ยังคงแข็งแกร่งผิดธรรมดา

ในขณะที่ในใจว้าวุ่นไปด้วยความวิตกกังวล

มันมิอาจเก็บงำความแข็งแกร่งไว้ได้อีกต่อไป มันจึงแสดงกระบวนท่าที่รุนแรงที่สุดออกมา

“เพลงหมัดเก้าสังหาร !!”

เฉินซู่โห่ร้องเสียงต่ำ

กำปั้นกรีดกรายไปด้วยลำแสงสีฟ้าที่ฉีกผ่านอากาศก่อเกิดเป็นหมัดปราณสีฟ้าเก้าหมัดที่พุ่งเข้าหาจี้เทียนซิงอย่างเกรี้ยวกราด

หมัดปราณแต่ละหมัดมีขนาดใหญ่เท่าถังน้ำ

ทุกหมัดมีพลังเต็มสิบส่วนของระดับปราณจิตขั้นเก้าที่ดิ่งเข้าใส่จุดตายของจี้เทียนซิงในทิศทางที่ต่างกัน

เมื่อหมัดปราณปรากฏขึ้น

ทั่วทั้งเวทีก่อเกิดลมแรงเป็นพายุเฮอริเคนและสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

ร่างของจี้เทียนซิงถูกบัดบังด้วยกำปั้นขนาดใหญ่ทั้งเก้าในพริบตา

ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้

ชายหนุ่มยังไม่เปลี่ยนสีหน้า เขายังคงสงบเยือกเย็นด้วยแววตาที่เปล่งประกาย

“คมมีดขนนกพันเล่ม ”

เขากระตุ้นปราณกระบี่สามเล่มออกมาอย่างไร้ซึ่งความลังเลและสำแดงเพลงกระบี่ดาราเหินออกมาตอบโต้ทันที

“ซัวะ

ซัวะ  ซัวะ  !”

ปราณกระบี่สามเล่มแยกออกเป็นเก้าในพริบตา

พวกมันโบยบินออกไปดุจลำแสงออโร่ร่าที่ทักทอเป็นข่ายกระบี่เพื่อต้านรับอีกฝ่าย

เป้ง  เป้ง

เป้ง ...... !

หมัดปราณจากเพลงหมัดเก้าสังหารพุ่งเข้าถล่มกับปราณกระบี่ทั้งเก้าเล่ม

ส่งเสียงระเบิดออกมาหลายระลอกจนดังสนั่นกึกก้อง

หมัดเก้าสังหารของเฉินซู่ถูกต้านรับไว้ได้หมดสิ้น

แต่เก้าปราณกระบี่ของจี้เทียนซิงกลับยังไม่บุบสลาย

ภายใต้การควบคุมของชายหนุ่ม

กระบี่ทั้งเก้าตัดผ่านอากาศและพุ่งเข้าจู่โจมเฉินซู่อย่างต่อเนื่อง

ปราณกระบี่ทุกเล่มเปล่งประกายและรวดเร็วดั่งสายฟ้าแลบ

มันระเบิดพลังทำลายอันดุร้ายของเพลงกระบี่ดาราเหินออกมา

“ฉัวะ

ฉัวะ  ฉัวะ  !!”

เพียงพริบตาเดียว

เก้าปราณกระบี่พวยพุ่งจู่โจมออกไปร่วมสองร้อยครั้งจากทุกทิศทางและทุกแง่มุม

เฉินซู่ถูกครอบงำโดยลำแสงกระบี่พร่างพราวเต็มท้องฟ้าในทันที

ใบหน้าของมันซีดขาวดุจกระดาษและอดไม่ได้ที่จะกรีดร้องเสียงหลงออกมา

“จี้เทียนซิง ! ข้าไม่อยากจะเชื่อเลย

!  เจ้า........อ้ากกกกกกกกก

!”

คำพูดยังไม่ทันจบ

คนพลันแผดเสียงกรีดร้องที่เจ็บปวดออกมา

เห็นได้ชัดว่าเฉินซู่เข้าใจผิดคิดว่าจี้เทียนซิงเล่นสกปรกลอบใช้ปราณกระบี่จากกระบี่มังกรดำในการร่ายเคล็ดเพลงกระบี่อันดุร้ายเกรี้ยวกราดนี้ออกมา

ปราณกระบี่รัวถี่ยิบหนาแน่นเพียงนี้

อีกทั้งความเร็วยังสูงล้ำ เป็นไปไม่ได้ที่เฉินซู่จะปิดกั้นได้หมดสิ้น

ในระยะเวลาเพียงห้าอึดใจ

เก้ากระบี่ได้จู่โจมออกไปกว่าพันครั้ง

เมื่อสิ้นสุดกระบวนท่า

ลำแสงกระบี่ทั้งหมดก็จางหายไปหลงเหลือเพียงร่างของเฉินซู่ที่มอมแมม

โลหิตโทรมกายอย่างน่าเวทนา

เสื้อคลุมสีขาวที่ปกคลุมบนร่างของมันถูกตัดผ่าเป็นชิ้นๆเหมือนกองผ้าขี้ริ้ว

ทั่วร่างเต็มไปด้วยบาดแผลกระบี่และรอยบาก

โลหิตสีแดงฉาดไหลซึมออกมาจากปากแผลจนย้อมเสื้อผ้าอาภรณ์เป็นสีแดงก่ำ

มันจ้องเขม็งไปที่จี้เทียนซิงพลางคำรามด้วยโทสะ

ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย “จี้เทียนซิง !  ระยำเอ้ย

เจ้ามันชั่วช้าบัดซบยิ่งนัก เจ้ากลับคำพูดอย่างน่าไม่อาย

ไหนตกลงกันว่าจะไม่ใช้กระบี่อย่างไงเล่า !?”

จี้เทียนซิงมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าราบเรียบและกล่าวอย่างไม่แยแสว่า

“เจ้าเอาตาไปไว้ที่ไหนถึงพูดว่าข้าลอบใช้กระบี่ ?”

“อย่ามาเล่นลิ้น ! ทุกคนต่างก็เห็นเต็มสองตา

เจ้ายังคิดจะเถียงหน้าด้านๆอีกหรือ ?!” เฉินซู่โกรธเกรี้ยวจะแผดเสียงอาละวาดออกมา

จี้เทียนซิงจ้องมองมันราวกับมองคนเมาอาละวาดพลางกล่าวว่า

“งั้นเจ้าก็ถามพวกเขาสิ  มีใครเห็นบ้างว่าข้าใช้ ‘กระบี่’ ?”

เฉินซู่ชะงักงันและหันซ้ายแลขวาไปมองเหล่าศิษย์รอบๆเวทีเป็นเชิงไตร่ถามในทันที

อย่างไรก็ตาม

เขาเห็นเพียงว่าทุกคนล้วนแต่ส่ายหัวไปตามๆกัน

เหล่าศิษย์หลายคนยังเผยสีหน้าเวทนา

บ้างก็ส่ายหัวถอนหายใจ บ้างก็แสยะยิ้มมุมปากด้วยสีหน้าแปลกๆ

เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร

……. ?

เฉินซู่เป็นโง่งมไปในทันที