ความล้มเหลว
ห้องลับ, ประตูสีขาวส่องสว่างไปด้วยแสงสีขาวที่วูบวาบบาดสายตา
ฉู่เทียนเซิงยังไม่ได้รีบร้อนเดินผ่านประตูเข้าไปแต่มองจี้หลิงด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจริงจังและกล่าวว่า “จี้หลิง เรื่องนี้สำคัญมาก มันเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนิกายพันธมิตรสวรรค์
เมื่อเจ้าลงไปใต้ดินแล้ว เจ้าทำได้เพียงทำตามที่ข้าพูดเท่านั้น ไม่ต้องมอง ! ไม่ต้องวอกแวกและไม่ต้องถามใดๆทั้งสิ้น ! ที่สำคัญคือเจ้าห้ามทำให้เรื่องนี้ให้รั่วไหลแม้แต่น้อย
เข้าใจหรือไม่ ?!"
จี้หลิงเดาว่าฉู่เทียนเซิงกำลังจะเผยความลับอันใหญ่หลวงของนิกายออกมา อารมณ์ของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี
แต่พื้นผิวยังคงวางสีหน้าสงบราบเรียบ
เขาพยักหน้าให้ฉู่เทียนเซิงและกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า
"ขอท่านประมุขวางใจ
ศิษย์จะไม่ถามอะไรที่ไม่บังควรและจะไม่เผยแพร่ความลับนี้ออกไปแน่นอน !"
จี้หลิงกล่าวหนักแน่นพร้อมกับสาบานเพื่อแสดงถึงความซื่อสัตย์ภักดีที่มีต่อฉู่เทียนเซิง
ฉู่เทียนเซิงพอใจมากต่อปฏิกิริยาและทัศนคติของจี้หลิง สีหน้าของเขาผ่อนคลายลงอย่างมาก
เซี่ยงหวู่จี้หรี่ตาและชำเลืองมองจี้หลิงอยู่หลายครั้งด้วยความสงสัยว่า
ภายในใจของชายหนุ่มผู้นี้กำลังคิดอะไรอยู่
“ไป
เข้าไปข้างในได้แล้ว
เชิญท่านอาจารย์อา”
ท้ายที่สุด
ฉู่เทียนเซิงก็เป็นคนแรกที่ก้าวเท้าผ่านประตูแสงเข้าไป
เมื่อประตูส่องแสงสีขาว
เงาร่างของเขาก็หายวับไปทันที จี้หลิงติดตามไปอย่างใกล้ชิดจากด้านหลังและเข้าไปในประตู
ส่วนเซี่ยงหวู่จี้อยู่ท้ายสุด
เมื่อคนทั้งสามเข้าสู่ถ้ำใต้ดิน
ความเงียบก็เข้าปกคลุมห้องลับ จากนั้นประตูแสงที่เป็นทางผ่านก็หายไปอย่างช้าๆ
......
อึก.....อือ...
จี้เทียนซิงเปล่งเสียงครวญครางและฟื้นขึ้นมา เขาไม่รู้ว่ามันผ่านมานานแค่ไหนแล้ว
ครึ่งวันหรือหนึ่งวัน ?
เขารู้เพียงว่าเจ็บหน้าอกอย่างรุนแรงเหมือนมีดตัดผ่ากลางหน้าอก
ทุกลมหายใจร้อนแรงดั่งอัคคีแผดเผา
ปากและจมูกเต็มไปด้วยคราบโลหิตที่แห้งกรังเปรอะเปื้อน
"แค่ก......…แค่ก !"
เขาไอออกมาสองครั้ง
ปากและจมูกเกิดฟองเลือดสีแดงเข้มออกมา
เพียงแค่เคลื่อนไหวร่างกายเล็กน้อยก็รุ้สึกเจ็บปวดรวดร้าวจนเหงื่อเย็นผุดออกมา
เขาดิ้นรนและต้องการจะลุกขึ้น
แต่ก็เจ็บปวดอย่างยิ่งจนไม่สามารถชันกายให้ลุกได้
ด้วยความสิ้นหวัง
เขาทำได้เพียงนอนแผ่บนพื้นเย็นๆต่อไปเท่านั้น
ในใจคิดทบทวนถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นก่อนหน้านี้
“นี่ข้ายังไม่ตาย........ ? นังผู้หญิงชุดดำชั่วช้าสารเลวนั่นหายไปไหนกัน
?”
“หลังจากฝ่ามือนั้นของนางทำให้ข้าเจ็บปวดเกิดบรรยายจนหมดสติไป”
เขามองไปที่หน้าอก
เสื้อคลุมสีฟ้าที่ถูกแผดเผาหมดสิ้นเผยให้เห็นถึงชั้นลำแสงสีฟ้าบางๆสายหนึ่งที่อยู่ข้างใน แต่ทว่าแสงของเกราะมังกรน้ำแข็งนั้นเริ่มสลัว
เห็นได้ชัดว่ามันเสียหาย
“โชคยังดีที่ข้ามีเกราะมังกรน้ำแข็งคุ้มกายไว้
มันช่วยสลายพลังโจมตีไปได้หลายส่วน มิฉะนั้นข้าคงจบชีวิตไปนานแล้ว !”
จี้เทียนซิงถอนหายใจลับๆและเริ่มรู้สึกผ่อนคลายลง
หลังจากนอนแผ่อยู่หลายสิบนาที
ในที่สุดเขาก็พอจะฟื้นพลังกายกลับคืนมาได้เล็กน้อยจึงค่อยๆลุกขึ้นไปนั่งที่มุม
เขามองไปมารอบๆ
และเห็นสภาพแวดล้อมที่เละเทะปั่นป่วน ผนังและพื้นเต็มไปด้วยรอยแตกและมีหลุมบ่อขนาดใหญ่
นอกจากนี้ยังมีประตูเหล็กสีดำซึ่งถูกพลังบางอย่างบิดจนโค้งงออย่างผิดรูป
จี้เทียนซิงตื่นตระหนกและรู้สึกว่าผู้หญิงชุดดำคนนั้นทั้งโหดเหี้ยมและทรงพลัง นางถึงขั้นมีพลังทำลายล้างที่น่ากลัวเช่นนี้
!
“บัดซบ นังเผ่าประหลาดชุดดำนั่นไร้เหตุผลสิ้นดี !”
เขาสบถแผ่วเบาและหยิบเม็ดยาฟื้นฟูออกจากถุงมิติและกลืนลงไป
จากนั้นเขาก็เริ่มดูดซับผลของเม็ดยาเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ ภายในถ้ำยังคงมืดมืดและเงียบงัน
ลมหนาวพัดผ่านมาอย่างต่อเนื่องและส่งผ่านมายังห้องหิน
หลังจากนั้นประมาณหกชั่วโมง, ครึ่งวันผ่านไปจี้เทียนซิงก็หยุดการดูดซับเม็ดยาเพื่อรักษาอาการเนื่องจากอาการบาดเจ็บภายในเริ่มทรงตัว
และคงไม่มีปัญหาร้ายแรงในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม
เขาจำเป็นต้องพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บอย่างน้อยๆก็ครึ่งเดือน จี้เทียนซิงมองไปด้านนอกถ้ำและขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด “ข้าถูกขังมา 12 วันแล้ว อีก 3 วันก็จะถึงเวลาทดสอบของหอยุทธ์.... เหอเหอ
แต่ตอนนี้ข้ากลับถูกลงโทษอยู่ที่นี่ สวรรค์ช่างกลั่นแกล้งนัก...”
เขาหัวเราะเยาะสมเพชตัวเองและกระซิบด้วยเสียงแผ่วเบาว่า
“ผู้หญิงชุดดำสวมหน้ากากผู้นั้นเป็นคนต่างเผ่า
ข้าไม่รู้ว่านางมีแผนการร้ายอะไรถึงได้ลอบเข้ามาในนิกาย
หวังว่าทางนิกายคงทราบเรื่องแล้วและตามล่าขับไล่นางออกไป !”
“หวังว่าเค่อเค่อจะฟื้นขึ้นมาเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของข้า
จี้หลิงมันจะได้รับโทษอย่างสาสม !”
หลังจากคิดอยู่พักหนึ่งอารมณ์ของจี้เทียนซิงก็สงบลงอย่างช้าๆ
จากนั้นเขาก็ฝึกฝนต่อไป
......
กลางดึก ยอดเขาเมฆาสีชาด
ภายในห้องลับลึกเข้าไปในตำหนัก
ประตูลับส่องแสงสว่างและร่างทั้งสามก็ค่อยๆเดินกลับออกมาจากประตูอาคมบานหนึ่ง
ทั้งสามนี้คือฉู่เทียนเซิง
เซี่ยงหวู่จี้และจี้หลิง
อย่างไรก็ตามใบหน้าของฉู่เทียนเซิงบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ ดวงตาของเขามืดมนและเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ? เป็นไปไม่ได้ !!” เขากระซิบในใจอย่างไม่เต็มใจและไม่อาจทำใจเชื่อได้
ใบหน้าของจี้หลิงยิ่งน่าเกลียดกว่า
แววตาเหม่อลอยว่างเปล่าเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
เขายืนก้มหน้าอยู่ข้างๆฉู่เทียนเซิงและดูเหมือนว่าสูญเสียจิตวิญญาณไปแล้ว มวลอารมณ์จมดิ่งลงสู่ก้นเหว
ส่วนเซี่ยงหวู่จี้
สีหน้ายิ่งมืดมนดูไม่จืด ดวงตาเต็มไปด้วยโทสะที่พร้อมจะระเบิดออกได้ทุกเมื่อ
ลำแสงจากประตูอาคมกระจายหายไปอย่างรวดเร็ว ทั้งสามเดินออกจากห้องลับของฉู่เทียนเซิงอย่างเงียบงันและไปที่ห้องโถงตำหนักฉิงเทียน
แสงสว่างในห้องโถงตำหนักนั้นมืดครึ้ม
มีเพียงไฟหินบนผนังที่ส่องแสงสลัวๆเท่านั้น
บรรยากาศยิ่งมืดมนหดหู่ต่อคนทั้งสามเป็นทบทวี
ฉู่เทียนเซิงสูดหายใจลึก
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งก็เอ่ยเสียงแผ่วกับจี้หลิงว่า “จี้หลิง เจ้าถอยไปก่อน กลับไปยังหอยุทธ์ฟงอวิ๋นซะ”
“เรื่องในวันนี้เจ้าต้องไม่เปิดเผยต่อผู้ใดทั้งสิ้น
มิฉะนั้นจะถูกลงโทษสถานหนัก จำไว้ให้ดี !”
ใบหน้าของจี้หลิงดูอึดอัดคับข้อง
เขาทำได้เพียงแค่ก้มหน้าและประสานมือคารวะ
“ศิษย์เข้าใจ
ศิษย์ขอตัว”
หลังจากนั้นเขาก็หันหลังกลับและเดินออกจากตำหนักฉิงเทียน
มุ่งหน้าไปยังหอยุทธ์ฟงอวิ๋นด้วยความเศร้าสลด
ขณะนี้
ภายในตำหนักฉิงเทียนอันกว้างใหญ่ก็เหลือเพียงเซี่ยงหวู่จี้กับฉู่เทียนเซิงเท่านั้น
บรรยากาศและกลิ่นอายรอบๆค่อนข้างหดหู่สิ้นหวัง
ฉู่เทียนเซิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะโค้งคำนับเซี่ยงหวู่จี้แล้วกล่าวว่า
“ท่านอาจารย์อา เป็นศิษย์ไม่ดีเอง
ศิษย์มิอาจเริ่มวางข่ายอาคมใหม่ได้สำเร็จดังที่เคยกล่าวไว้ ขอท่านโปรดลงโทษด้วย !”
เซี่ยงหวู่จี้มองด้วยหางตาและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันว่า
“เหอะ !.... เจ้าเป็นถึงประมุขนิกาย ตาเฒ่าอย่างข้าจะเอาปัญญาและความกล้าจากไหนมาลงโทษ
? ให้ข้าสั่งเจ้าละทิ้งตำแหน่งประมุขรึไง ?!”
“น่าขายหน้านัก ! ก่อนจะเข้าไปในมหาข่ายอาคมก็โอ้อวดเสียดิบดี
เราผู้เฒ่าถามย้ำเจ้ากี่ครั้งแล้ว
เจ้าหนูคนนี้ใช่คนที่เจ้าตามหาไม่ผิดตัวแน่นอนใช่ไหม ?”
“แล้วผลลัพธ์เมื่อครู่คือผีสางอันใด ตอบข้าซิ ! จี้หลิงของเจ้า
เพียงแค่เปิดมหาข่ายอาคมยังทำไม่ได้เลย ! เจ้าแน่ใจนะว่าเขามีสายเลือดกระบี่ลี้ลับ ? แล้วเมื่อกี้มันสายเลือดลมตดเหรอ
? เก้ามังกรผนึกมารไม่มีปฏิกิริยาต่อเขาแม้แต่น้อย
!”
“ตอนนี้เป็นไงล่ะ เกิดเรื่องยุ่งยากเข้าแล้ว
ข่ายอาคมไม่เขยื้อน แต่ข้าต้องเสียหินพลังปราณไปฟรีๆนับยี่สิบก้อน !”
“ที่สำคัญ ถึงแม้ว่าลักษณะท่วงท่าของจี้หลิงจะดูอบอุ่นซื่อสัตย์จริงใจ
แต่เขารู้ความลับทั้งหมดและสถานการณ์คับขันที่บอบบางที่สุดของนิกายเข้าแล้ว
เจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าเด็กคนนี้ไว้ใจได้ !? ฮึ่ย น่าโมโหนัก !”
เมื่อพูดถึงช่วงสุดท้ายเซี่ยงหวู่จี้ก็โกรธจนหัวฟัดหัวเหวี่ยง
ทั่วทั้งใบหน้าที่ชราเหี่ยวย่นของเขาบิดเบี้ยวเล็กน้อย
แม้กระทั่งหนวดเคราสีขาวก็ยังลอยขึ้นเหนืออากาศ
“ฉู่เทียนเซิง
! ตอนนี้เจ้าตอบเราผู้เฒ่ามา
เจ้าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร ? เจ้าจะรับประกันได้อย่างไรว่าจี้หลิงคนนี้จะไม่เปิดเผยความลับของนิกายต่อบุคลอื่น
?”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved