ตอนที่ 197 ข่ายปราณกระบี่คลุมฟ้า

!

ในความเป็นจริงการโจมตีของฮั่งเชินไม่ได้มีผลคุกคามจี้เทียนซิงแม้แต่น้อย

ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องหลบเลี่ยง

จนกระทั่งคลื่นกระบี่ยักษ์สีแดงสองสายกำลังจะกระทบร่าง

จี้เทียนซิงก็ตอบโต้ในที่สุด

“ศาสตร์ลับอวี้เจี้ยน !”

ชายหนุ่มกระตุ้นพลังของตัวอ่อนกระบี่ในร่างและปลดปล่อยออกมาเป็นปราณกระบี่แปดสายทันที

พวกมันบินวนเวียนเหนือร่างของเขาและก่อตัวเป็นข่ายกระบี่

“เช้ง  เช้ง  เช้ง เช้ง... !”

ปราณกระบี่โคจรไปอย่างรวดเร็วดั่งดาวตกและเปล่งเสียงแหลมแสบแก้วหูในขณะที่พวกมันกรีดกรายผ่านอากาศ

เคร้ง !  เคร้ง  !

คลื่นกระบี่ยักษ์สองสายของฮั่งเชินถูกปิดกั้นไว้ด้วยข่ายกระบี่สีทองในพริบตา

พวกมันถูกทำลายลงในจุดนั้นทันที

เมื่อได้เห็นภาพนี้ฮั่งเชินก็ตะลึงงัน

ดวงตาของมันเหม่อมองอย่างโง่งมและประหลาดใจ ภายในใจเต็มไปด้วยความสงสัย

ศิษย์ทั้งสองฝ่ายต่างก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน

พวกมันไม่ได้คาดคิดว่าจี้เทียนซิงจะสามารถร่ายรำเพลงกระบี่ที่ลึกซึ้งละเมียดละไมเช่นนี้ได้โดยไม่มีกระบี่

!

ในเวลาต่อมา

ภายใต้การควบคุมของจี้เทียนซิง

ข่ายกระบี่ที่ก่อตัวจากปราณกระบี่แปดสายก็แตกตัวออกกลายเป็นสิบหกสายและพุ่งเข้าหาฮั่งเชินอย่างรวดเร็ว

ปราณกระบี่สิบหกสายก่อรูปแบบการโจมตีอย่างพร้อมเพรียงกันเป็นข่ายกระบี่รูปพัด

พวกมันทั้งหมดแฝงไปด้วยพลังปราณอันแหลมคม

จากจุดศูนย์กลางนับจากตัวฮั่งเชิน

รัศมีสิบเมตรรอบๆตัวมันล้วนถูกปกคลุมไปด้วยปราณกระบี่ทั้งในแนวตั้งและแนวนอน

ฮั่งเชินผงะถอยหลัง

มันเหวี่ยงกระบี่พิฆาตสุริยันออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อร่ายเพลงกระบี่โลหิตคลั่ง มันก่อเกิดเป็นคลื่นกระบี่หลายสายเพื่อโจมตีเข้าหาข่ายปราณกระบี่ทองคำอันพิศดารของจี้เทียนซิง

เคร้ง

เคร้ง  เคร้ง  !

คลื่นกระบี่สีแดงเลือดปะทะเข้ากับปราณกระบี่สีทองส่งเสียงแหลมเสียดหูออกมาอย่างต่อเนื่อง

มันระเบิดออกเป็นพลังอันเกรี้ยวกราดจนเกิดลมพัดรุนแรงไปทั่วทิศ

ถึงแม้ปราณกระบี่สิบหกสายของจี้เทียนซิงจะมีจำนวนมากกว่า

แต่พวกมันก็ยังถูกกระแทกอย่างรุนแรงจากการโจมตีอันดุดันของฮั่งเชิน

ในเวลานั้นเองจี้เทียนซิงกางสองมือออกขนานพื้นร่ายรำเพลงกระบี่ชุดหนึ่งออกมา  เขาแยกสิบหกปราณกระบี่ออกอีกครั้งเป็นสามสิบสอง

!

“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว  !”

สามสิบสองปราณกระบี่โคจรไปมาดุจมัจฉาแหวกว่ายในวารี  จากนั้นพวกมันก็ล่องลอยอยู่นิ่งๆกลางอากาศเพื่อล้อมรอบฮั่งเชินเอาไว้ในรัศมีสิบเมตรและเตรียมพร้อมในการโจมตีอย่างต่อเนื่อง

พื้นที่รอบๆนี้ได้กลายเป็นสนามพลังปราณกระบี่ไปแล้ว

ลำแสงกระบี่อันกล้าแกร่งพวยพุ่งขึ้นฟ้าราวกับพวกมันจะฉีกกระชากเบิกทางขึ้นสู่ท้องนภา

ฮั่งเชินถูกรายล้อมไปด้วยปราณกระบี่มากมายจนปกคลุมไปทั่วร่างโดยสมบูรณ์

มันเหวี่ยงกระบี่หนักอย่างรุนแรงเพื่อพยายามต้านทานและมุ่งหมายจะทำลายปราณกระบี่ที่รุมล้อมอยู่โดยรอบ

อย่างไรก็ตาม

ปราณกระบี่จำนวนมากนี้รวดเร็วยิ่ง

ทิศทางการโคจรและรูปแบบการโจมตีก็ผิดแปลกพิศดารแถมยังแฝงไว้ด้วยกฏเกณฑ์พิเศษบางอย่างที่ยากจะเข้าใจ

!

กระบี่ของฮั่งเชินเหวี่ยงออกไปหลายสิบครั้งแต่ก็ยังไม่สามารถทะลวงผ่านปราณกระบี่คลุมฟ้าเหล่านี้ได้เลยแม้แต่น้อย

มันถูกขังอยู่ในพื้นที่แคบๆจนไม่สามารถขยับตัวได้มากนัก

แม้จะพยายามเพียงใดก็เดินไปได้ไม่เกินห้าก้าว !

เมื่อภาพอันวิจิตรตระตาการนี้ปรากฏขึ้น

ผู้คนของทั้งสองฝั่งต่างก็เผยสีหน้าเหยเกด้วยความตื่นตะลึงอย่างประหลาดใจ  พลางระเบิดเสียงสนทนาออกมา

“นิ.... นี่มันเคล็ดวิชาอันใด ?  เหตุใดจี้เทียนซิงถึงได้ใช้เพลงกระบี่ที่ละเอียดอ่อนและพลิกแพลงเช่นนี้ได้

?!”

“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงไม่ใช่กระบี่ปะทะกับฮั่งเชิน

ที่แท้มันก็เชี่ยวชาญปราณกระบี่บินอันน่าเหลือเชื่อแขนงนี้นั่นเอง  มันช่างงดงามและน่าตกใจเกินไปแล้ว

เจ้าหมอนี่อายุ 17 จริงหรือ ?! ”

“นี่เจ้าคิดว่าเส้นทางการโจมตีและลำดับของปราณกระบี่บินพวกนั้นเหมือนจะมีรูปแบบพิเศษบางอย่างหรือไม่  ?  มันราวกับ...... ข่ายปราณยังไงยังงั้น !”

“ไม่จริงมั้ง ?  นี่เจ้าจะบอกว่าจี้เทียนซิงสามารถหลอมรวมศาสตร์แห่งอาคมกับเพลงกระบี่ได้เช่นนั้นหรือ?  มันน่าเหลือเชื่อเกินไปกระมัง”

“เจ้าก็ดูสิ ฮั่งเฉินโจมตีทั้งซ้ายและขวาด้วยเพลงกระบี่โลหิตคลั่งอันเกรี้ยวกราดรุนแรง

แต่ทั้งหมดก็ยังไม่สามารถทำลายปราณกระบี่คลุมฟ้าเหล่านั้นได้เลย มันแปลกจริงๆ !”

ทุกคนทั้งรู้สึกประหลาดใจและตกใจ

ทางฝั่งนิกายพันธมิตรสวรรค์ประหลาดใจและให้กำลังใจจี้เทียนซิง

ส่วนศิษย์ของนิกายกระบี่ฟ้าต่างก็ตกตะลึงต่อเพลงกระบี่อันละเอียดอ่อนของจี้เทียนซิง

พวกมันอึ้งจนไม่กล้าเอ่ยปากดูหมิ่นชายหนุ่มอีกต่อไป

บนเวที  ภายในสนามพลังกระบี่

ปราณกระบี่สีทองยังคงล้อมรอบฮั่งเชินและโจมตีเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง

เสียงอู้อี้แสบแก้วหูดังไม่ขาดสาย

สายลมที่เกิดการแรงที่ปราณกระบี่พุ่งผ่านได้กระหน่ำกวาดไปทั่วทั้งบริเวณ

จี้เทียนซิงควบคุมอาคมกระบี่ด้วยมือซ้าย

ส่วนมือขวากวัดแกว่งบังคับปราณกระบี่สีทองในรัศมีสิบเมตรและโจมตีฮั่งเชินต่อไป

ฮั่งเชินสาละวนอยู่กับการต้านรับข่ายปราณกระบี่อย่างสิ้นหวัง

แต่จนบัดนี้มันก็ยังไม่สามารถทำลายข่ายปราณกระบี่ได้เลย

แม้แต่ชายเสื้อของอีกฝ่ายมันก็ยังไม่อาจสัมผัสต้องได้ด้วยซ้ำ !

ในที่สุดความอดทนของมันก็หมดลง

เสียงสนทนาของผู้ชมรอบๆก็ยิ่งทำให้มันรู้สึกละอายและเปี่ยมไปด้วยโทสะ มันคำรามอย่างเหลืออดว่า

“จี้เทียนซิง !

ด้วยทักษะปาหี่พวกนี้เจ้าคิดว่ามันจะดักจับข้าไว้ได้ตลอดเช่นนั้นหรือ ? อย่าได้คิดฝันไป !”

ดวงตาของฮั่งเชินเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย

ใบหน้าของมันเกร็งแน่นขึ้น สีผิวกลายเป็นแดงก่ำ

บรรยากาศรอบตัวของมันเต็มไปด้วยจิตสังหารกระหายเลือด

จนจิตสังหารพวกนั้นควบแน่นก่อเกิดเป็นไอเมฆสีแดงเลือดไปทั่วร่าง !

“ข้าจะให้เจ้าได้ประจักษ์ถึงพลังสายเลือดกระบี่ยุทธ์ของข้า

!”

เห็นได้ชัดว่าฮั่งเชินข่มโทสะและความรำคาญไว้ไม่ได้อีกต่อไป

มันโคจรพลังปราณทั้งหมดปะทุพลังสายเลือดกระบี่ยุทธ์ออกมาเต็มที่

ในขณะนี้พลังรบของมันก็เพิ่มถึงขีดสุดจนเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ระดับปราณจิตขั้นที่หกโดยสมบูรณ์แล้ว

!

“หนึ่งกระบี่แยกนภา !! ”

ฮั่งเชินกรีดร้องลั่นและกระชับกระบี่หนักพิฆาตสุริยันไว้ด้วยสองมือ

จากนั้นก็ดีดปราดตรงไปหาจี้เทียนซิงและตวัดคลื่นกระบี่สีแดงเลือดหนึ่งสายออกมา

มันเพิกเฉยต่อข่ายปราณกระบี่ที่ล้อมรอบโดยสิ้นเชิงราวกับไม่สนใจว่าจะต้องเจ็บตัวแค่ไหนขอเพียงให้ถึงตัวอีกฝ่ายได้ก็พอ

ป้ง

ป้ง  ป้ง  !

ทันใดนั้นเสียงกัมปนาทก็ปะทุขึ้นจนทำให้ผู้คนรู้สึกหูอื้อ

ฮั่งเชินเก็บความยโสและหยิ่งผยองเอาไว้

มันพยายามอย่างมากในการทำลายการปิดล้อมของข่ายปราณกระบี่ให้จงได้และมุ่งมั่นในการสังหารจี้เทียนซิง แต่ทว่ามันก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนไม่น้อย

ฉึก  ฉึก

ฉัวะ  !

เสียงของรอยบาดเฉือนจากคมกระบี่ดังขึ้น

ทั่วร่างของฮั่งเชินถูกแทงด้วยปราณกระบี่มากมายจนเกิดรอยแผลลึก

มีบางแผลลึกจนเห็นกระดูกสีขาวและมีเลือดฉีดพุ่งออกมาหลายจุด

ถึงแม้ว่ามันจะทำลายข่ายปราณกระบี่จนหลุดรอดจากอาคมกระบี่มาได้ด้วยแรงควายก็ตาม   แต่ร่างกายของมันก็เต็มไปด้วยบาดแผลรุนแรง

พลังของมันลดทอนลงไปถึงสามส่วน !

มันพุ่งดิ่งมาถึงเบื้องหน้าของอีกฝ่ายได้ในที่สุด

แต่ทว่าจี้เทียนซิงก็เตรียมพร้อมไว้ก่อนแล้ว เขาโคจรท่าร่างย่างก้าวไร้เงาในทันที

“จี้เทียนซิง !

เข้ามาเลย

!”

ฮั่งเชินคำรามด้วยความโกรธแค้นพลางเหวี่ยงกระบี่หนักและเปิดฉากการไล่ล่า

ฟุ่บ

!

จี้เทียนซิงไม่สนใจใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโกรธของอีกฝ่าย

เขาหลบหลีกการโจมตีของฮั่งเชินในขณะที่วาดมือขวาควบคุมปราณกระบี่ให้โบยบินออกไปสู่แทน

ผู้คนของนิกายทั้งสองกลุ่มต่างก็จดจ้องมองไปที่การต่อสู้อันดุเดือด

สีหน้าของพวกมันไม่ว่าจะฝ่ายไหนล้วนแสดงออกถึงความกังวล

ผู้คนของนิกายกระบี่ฟ้าเดิมทีคิดว่าด้วยความแข็งแกร่งไร้เทียมทานของฮั่งเชินจะสามารถคว้าชัยมาได้ภายในไม่กี่กระบวนท่า

สิ่งที่พวกมันคาดไม่ถึงก็คือตอนนี้ผ่านไปถึงครึ่งชั่วยามแล้วแต่การประลองก็ยังไม่รู้ผล

!

เรื่องทำให้พวกมันไม่อยากเชื่อและไม่อยากจะยอมรับ!

ในทางกลับกัน

ผู้คนของนิกายพันธมิตรสวรรค์ล้วนตกตะลึงและไม่อยากเชื่อเช่นเดียวกัน

ก่อนหน้านี้ไม่มีใครเชื่อว่าจี้เทียนซิงที่มีพลังยุทธ์ระดับปราณจิตขั้นแรกจะสามารถประลองกับฮั่งเชินผู้มีพลังระดับปราณจิตขั้นห้าได้อย่างไม่เพลี่ยงพล้ำ

บัดนี้จี้เทียนซิงทำให้ทุกคนได้ประจักษ์เต็มสองตาแล้ว

!

ถึงแม้มันจะยังไม่อาจเอาชนะฮั่งเชินได้ก็ตาม

แต่มันสามารถทำให้อีกฝ่ายเกิดบาดแผลได้แล้ว !

ศิษย์ทั้งหมดของหอยุทธ์ฟงอวิ๋นต่างก็มองไปที่จี้เทียนซิงด้วยสีหน้าชื่นชม

พวกมันจ้องมองการต่อสู้อันน่าหลงใหลอย่างไม่กระพริบตา

อาวุโสใหญ่มู่และชูไฮว่ซานก็เฝ้าดูจี้เทียนซิงอย่างเงียบงันด้วยความคิดในใจ

ทั้งคู่ต่างก็เป็นยอดฝีมือขอบเขตปราณจิตขั้นสูงสุด

แน่นอนว่าพวกเขาย่อมมองออกและสามารถคาดเดาเจตนาแฝงของจี้เทียนซิงได้เป็นอย่างดี

พวกเขายืนอยู่บนขอบเวทีมังกรจันทร์และส่งสัมผัสวิญญาณพูดคุยกันสองคน

“อาวุโสชู เจ้าหนูจี้เทียนซิงผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย !”  ผู้อาวุโสใหญ่มู่กล่าวยกย่องชมเชยจี้เทียนซิงอย่างจริงใจ

“มันรู้ว่าพลังยังไม่อาจเทียบเท่าฮั่งเชินได้

ดังนั้นมันจึงไม่เข้าปะทะตรงๆและรู้จักใช้จุดแข็งของตัวเอง”

“เจ้าหนูนี่เก่งกาจด้านข่ายปราณ มันหลอมรวมอาคมกับศาสตร์กระบี่เข้าด้วยกันจนสำแดงออกมาเป็นข่ายปราณกระบี่ที่ละเอียดอ่อน

!”

“ฮั่งเชินทำได้เพียงต้องใช้แรงควายจากความหยิ่งผยองของมันในการทำลายข่ายปราณกระบี่  สุดท้าย

ด้วยความหุนหันอย่างโง่เง่านี้มันจึงได้รับบาดเจ็บสาหัสจนทำให้พลังรบถดถอยไปถึงสามส่วน”

ชูไฮว่ซานพยักหน้าเห็นด้วยและกล่าวเสริมว่า

“ถูกต้อง ความสามารถในด้านข่ายปราณและอาคมของเจ้าหนูนี่ยอดเยี่ยมมาก

มันรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่เชี่ยวชาญในศาสตร์นี้จึงใช้ข่ายปราณกระบี่จัดการบั่นทอนพลังของอีกฝ่าย

นี่คือมันสมองอันปราดเปรื่องในการรับมือกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่า”

“หึๆ เจ้าหนูนี่ตกอยู่ในการต่อสู้ที่หนักหน่วงกดดันแท้ๆแต่มันยังสามารถสงบเยือกเย็นอยู่ได้  มันรู้ว่าจะเลี่ยงจุดอ่อนของตนเองอย่างไรและรู้ว่าจะทำให้พลังของฮั่งเชินอ่อนโทรมลงได้อย่างไร  มันช่างเยือกเย็นและฉลาดอะไรเยี่ยงนี้  เจ้าหนูคนนี้

ข้าอยากมองดูอนาคตภายภาคหน้าของมันยิ่งนัก !”

อาวุโสใหญ่มู่เผยรอยยิ้มและสีหน้ายินดีออกมาพลางกล่าวว่า

“พลังยุทธ์แท้จริงของเจ้าหนูจี้เทียนซิงก็คือปราณจิตขั้นแรก

ฮั่งเชินมีพลังเหนือกว่ามันถึงห้าขั้นย่อย ข้าไม่คิดว่ามันจะเอาชนะได้เลยในตอนแรก”

“ถึงแม้ว่ามันจะพลังด้อยกว่า

แต่มันเต็มไปด้วยความเยือกเย็นและความกล้าหาญ

มันค่อยๆก้าวทีละก้าวในการบั่นทอนพลังของฮั่งเชินไปเรื่อยๆ  ถึงแม้ฮั่งเชินจะมีฝีมือและพรสวรรค์ที่ไม่เลว

แต่มันกลับสมองทึบนัก ผ่านไปไม่นานกลับถูกจี้เทียนซิงปั่นหัวจนพลังถดถอย  หากเป็นเช่นนี้ต่อไปโอกาสชนะก็ไม่ใช่ความฝันแล้ว

!”

“วันนี้เจ้าหนูจี้เทียนซิงคงสร้างปาฏิหาริย์ให้พวกเราได้เห็น

!”