!
ในความเป็นจริงการโจมตีของฮั่งเชินไม่ได้มีผลคุกคามจี้เทียนซิงแม้แต่น้อย
ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องหลบเลี่ยง
จนกระทั่งคลื่นกระบี่ยักษ์สีแดงสองสายกำลังจะกระทบร่าง
จี้เทียนซิงก็ตอบโต้ในที่สุด
“ศาสตร์ลับอวี้เจี้ยน !”
ชายหนุ่มกระตุ้นพลังของตัวอ่อนกระบี่ในร่างและปลดปล่อยออกมาเป็นปราณกระบี่แปดสายทันที
พวกมันบินวนเวียนเหนือร่างของเขาและก่อตัวเป็นข่ายกระบี่
“เช้ง เช้ง เช้ง เช้ง... !”
ปราณกระบี่โคจรไปอย่างรวดเร็วดั่งดาวตกและเปล่งเสียงแหลมแสบแก้วหูในขณะที่พวกมันกรีดกรายผ่านอากาศ
เคร้ง ! เคร้ง !
คลื่นกระบี่ยักษ์สองสายของฮั่งเชินถูกปิดกั้นไว้ด้วยข่ายกระบี่สีทองในพริบตา
พวกมันถูกทำลายลงในจุดนั้นทันที
เมื่อได้เห็นภาพนี้ฮั่งเชินก็ตะลึงงัน
ดวงตาของมันเหม่อมองอย่างโง่งมและประหลาดใจ ภายในใจเต็มไปด้วยความสงสัย
ศิษย์ทั้งสองฝ่ายต่างก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน
พวกมันไม่ได้คาดคิดว่าจี้เทียนซิงจะสามารถร่ายรำเพลงกระบี่ที่ลึกซึ้งละเมียดละไมเช่นนี้ได้โดยไม่มีกระบี่
!
ในเวลาต่อมา
ภายใต้การควบคุมของจี้เทียนซิง
ข่ายกระบี่ที่ก่อตัวจากปราณกระบี่แปดสายก็แตกตัวออกกลายเป็นสิบหกสายและพุ่งเข้าหาฮั่งเชินอย่างรวดเร็ว
ปราณกระบี่สิบหกสายก่อรูปแบบการโจมตีอย่างพร้อมเพรียงกันเป็นข่ายกระบี่รูปพัด
พวกมันทั้งหมดแฝงไปด้วยพลังปราณอันแหลมคม
จากจุดศูนย์กลางนับจากตัวฮั่งเชิน
รัศมีสิบเมตรรอบๆตัวมันล้วนถูกปกคลุมไปด้วยปราณกระบี่ทั้งในแนวตั้งและแนวนอน
ฮั่งเชินผงะถอยหลัง
มันเหวี่ยงกระบี่พิฆาตสุริยันออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อร่ายเพลงกระบี่โลหิตคลั่ง มันก่อเกิดเป็นคลื่นกระบี่หลายสายเพื่อโจมตีเข้าหาข่ายปราณกระบี่ทองคำอันพิศดารของจี้เทียนซิง
เคร้ง
เคร้ง เคร้ง !
คลื่นกระบี่สีแดงเลือดปะทะเข้ากับปราณกระบี่สีทองส่งเสียงแหลมเสียดหูออกมาอย่างต่อเนื่อง
มันระเบิดออกเป็นพลังอันเกรี้ยวกราดจนเกิดลมพัดรุนแรงไปทั่วทิศ
ถึงแม้ปราณกระบี่สิบหกสายของจี้เทียนซิงจะมีจำนวนมากกว่า
แต่พวกมันก็ยังถูกกระแทกอย่างรุนแรงจากการโจมตีอันดุดันของฮั่งเชิน
ในเวลานั้นเองจี้เทียนซิงกางสองมือออกขนานพื้นร่ายรำเพลงกระบี่ชุดหนึ่งออกมา เขาแยกสิบหกปราณกระบี่ออกอีกครั้งเป็นสามสิบสอง
!
“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว !”
สามสิบสองปราณกระบี่โคจรไปมาดุจมัจฉาแหวกว่ายในวารี จากนั้นพวกมันก็ล่องลอยอยู่นิ่งๆกลางอากาศเพื่อล้อมรอบฮั่งเชินเอาไว้ในรัศมีสิบเมตรและเตรียมพร้อมในการโจมตีอย่างต่อเนื่อง
พื้นที่รอบๆนี้ได้กลายเป็นสนามพลังปราณกระบี่ไปแล้ว
ลำแสงกระบี่อันกล้าแกร่งพวยพุ่งขึ้นฟ้าราวกับพวกมันจะฉีกกระชากเบิกทางขึ้นสู่ท้องนภา
ฮั่งเชินถูกรายล้อมไปด้วยปราณกระบี่มากมายจนปกคลุมไปทั่วร่างโดยสมบูรณ์
มันเหวี่ยงกระบี่หนักอย่างรุนแรงเพื่อพยายามต้านทานและมุ่งหมายจะทำลายปราณกระบี่ที่รุมล้อมอยู่โดยรอบ
อย่างไรก็ตาม
ปราณกระบี่จำนวนมากนี้รวดเร็วยิ่ง
ทิศทางการโคจรและรูปแบบการโจมตีก็ผิดแปลกพิศดารแถมยังแฝงไว้ด้วยกฏเกณฑ์พิเศษบางอย่างที่ยากจะเข้าใจ
!
กระบี่ของฮั่งเชินเหวี่ยงออกไปหลายสิบครั้งแต่ก็ยังไม่สามารถทะลวงผ่านปราณกระบี่คลุมฟ้าเหล่านี้ได้เลยแม้แต่น้อย
มันถูกขังอยู่ในพื้นที่แคบๆจนไม่สามารถขยับตัวได้มากนัก
แม้จะพยายามเพียงใดก็เดินไปได้ไม่เกินห้าก้าว !
เมื่อภาพอันวิจิตรตระตาการนี้ปรากฏขึ้น
ผู้คนของทั้งสองฝั่งต่างก็เผยสีหน้าเหยเกด้วยความตื่นตะลึงอย่างประหลาดใจ พลางระเบิดเสียงสนทนาออกมา
“นิ.... นี่มันเคล็ดวิชาอันใด ? เหตุใดจี้เทียนซิงถึงได้ใช้เพลงกระบี่ที่ละเอียดอ่อนและพลิกแพลงเช่นนี้ได้
?!”
“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงไม่ใช่กระบี่ปะทะกับฮั่งเชิน
ที่แท้มันก็เชี่ยวชาญปราณกระบี่บินอันน่าเหลือเชื่อแขนงนี้นั่นเอง มันช่างงดงามและน่าตกใจเกินไปแล้ว
เจ้าหมอนี่อายุ 17 จริงหรือ ?! ”
“นี่เจ้าคิดว่าเส้นทางการโจมตีและลำดับของปราณกระบี่บินพวกนั้นเหมือนจะมีรูปแบบพิเศษบางอย่างหรือไม่ ? มันราวกับ...... ข่ายปราณยังไงยังงั้น !”
“ไม่จริงมั้ง ? นี่เจ้าจะบอกว่าจี้เทียนซิงสามารถหลอมรวมศาสตร์แห่งอาคมกับเพลงกระบี่ได้เช่นนั้นหรือ? มันน่าเหลือเชื่อเกินไปกระมัง”
“เจ้าก็ดูสิ ฮั่งเฉินโจมตีทั้งซ้ายและขวาด้วยเพลงกระบี่โลหิตคลั่งอันเกรี้ยวกราดรุนแรง
แต่ทั้งหมดก็ยังไม่สามารถทำลายปราณกระบี่คลุมฟ้าเหล่านั้นได้เลย มันแปลกจริงๆ !”
ทุกคนทั้งรู้สึกประหลาดใจและตกใจ
ทางฝั่งนิกายพันธมิตรสวรรค์ประหลาดใจและให้กำลังใจจี้เทียนซิง
ส่วนศิษย์ของนิกายกระบี่ฟ้าต่างก็ตกตะลึงต่อเพลงกระบี่อันละเอียดอ่อนของจี้เทียนซิง
พวกมันอึ้งจนไม่กล้าเอ่ยปากดูหมิ่นชายหนุ่มอีกต่อไป
บนเวที ภายในสนามพลังกระบี่
ปราณกระบี่สีทองยังคงล้อมรอบฮั่งเชินและโจมตีเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง
เสียงอู้อี้แสบแก้วหูดังไม่ขาดสาย
สายลมที่เกิดการแรงที่ปราณกระบี่พุ่งผ่านได้กระหน่ำกวาดไปทั่วทั้งบริเวณ
จี้เทียนซิงควบคุมอาคมกระบี่ด้วยมือซ้าย
ส่วนมือขวากวัดแกว่งบังคับปราณกระบี่สีทองในรัศมีสิบเมตรและโจมตีฮั่งเชินต่อไป
ฮั่งเชินสาละวนอยู่กับการต้านรับข่ายปราณกระบี่อย่างสิ้นหวัง
แต่จนบัดนี้มันก็ยังไม่สามารถทำลายข่ายปราณกระบี่ได้เลย
แม้แต่ชายเสื้อของอีกฝ่ายมันก็ยังไม่อาจสัมผัสต้องได้ด้วยซ้ำ !
ในที่สุดความอดทนของมันก็หมดลง
เสียงสนทนาของผู้ชมรอบๆก็ยิ่งทำให้มันรู้สึกละอายและเปี่ยมไปด้วยโทสะ มันคำรามอย่างเหลืออดว่า
“จี้เทียนซิง !
ด้วยทักษะปาหี่พวกนี้เจ้าคิดว่ามันจะดักจับข้าไว้ได้ตลอดเช่นนั้นหรือ ? อย่าได้คิดฝันไป !”
ดวงตาของฮั่งเชินเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย
ใบหน้าของมันเกร็งแน่นขึ้น สีผิวกลายเป็นแดงก่ำ
บรรยากาศรอบตัวของมันเต็มไปด้วยจิตสังหารกระหายเลือด
จนจิตสังหารพวกนั้นควบแน่นก่อเกิดเป็นไอเมฆสีแดงเลือดไปทั่วร่าง !
“ข้าจะให้เจ้าได้ประจักษ์ถึงพลังสายเลือดกระบี่ยุทธ์ของข้า
!”
เห็นได้ชัดว่าฮั่งเชินข่มโทสะและความรำคาญไว้ไม่ได้อีกต่อไป
มันโคจรพลังปราณทั้งหมดปะทุพลังสายเลือดกระบี่ยุทธ์ออกมาเต็มที่
ในขณะนี้พลังรบของมันก็เพิ่มถึงขีดสุดจนเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ระดับปราณจิตขั้นที่หกโดยสมบูรณ์แล้ว
!
“หนึ่งกระบี่แยกนภา !! ”
ฮั่งเชินกรีดร้องลั่นและกระชับกระบี่หนักพิฆาตสุริยันไว้ด้วยสองมือ
จากนั้นก็ดีดปราดตรงไปหาจี้เทียนซิงและตวัดคลื่นกระบี่สีแดงเลือดหนึ่งสายออกมา
มันเพิกเฉยต่อข่ายปราณกระบี่ที่ล้อมรอบโดยสิ้นเชิงราวกับไม่สนใจว่าจะต้องเจ็บตัวแค่ไหนขอเพียงให้ถึงตัวอีกฝ่ายได้ก็พอ
ป้ง
ป้ง ป้ง !
ทันใดนั้นเสียงกัมปนาทก็ปะทุขึ้นจนทำให้ผู้คนรู้สึกหูอื้อ
ฮั่งเชินเก็บความยโสและหยิ่งผยองเอาไว้
มันพยายามอย่างมากในการทำลายการปิดล้อมของข่ายปราณกระบี่ให้จงได้และมุ่งมั่นในการสังหารจี้เทียนซิง แต่ทว่ามันก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนไม่น้อย
ฉึก ฉึก
ฉัวะ !
เสียงของรอยบาดเฉือนจากคมกระบี่ดังขึ้น
ทั่วร่างของฮั่งเชินถูกแทงด้วยปราณกระบี่มากมายจนเกิดรอยแผลลึก
มีบางแผลลึกจนเห็นกระดูกสีขาวและมีเลือดฉีดพุ่งออกมาหลายจุด
ถึงแม้ว่ามันจะทำลายข่ายปราณกระบี่จนหลุดรอดจากอาคมกระบี่มาได้ด้วยแรงควายก็ตาม แต่ร่างกายของมันก็เต็มไปด้วยบาดแผลรุนแรง
พลังของมันลดทอนลงไปถึงสามส่วน !
มันพุ่งดิ่งมาถึงเบื้องหน้าของอีกฝ่ายได้ในที่สุด
แต่ทว่าจี้เทียนซิงก็เตรียมพร้อมไว้ก่อนแล้ว เขาโคจรท่าร่างย่างก้าวไร้เงาในทันที
“จี้เทียนซิง !
เข้ามาเลย
!”
ฮั่งเชินคำรามด้วยความโกรธแค้นพลางเหวี่ยงกระบี่หนักและเปิดฉากการไล่ล่า
ฟุ่บ
!
จี้เทียนซิงไม่สนใจใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโกรธของอีกฝ่าย
เขาหลบหลีกการโจมตีของฮั่งเชินในขณะที่วาดมือขวาควบคุมปราณกระบี่ให้โบยบินออกไปสู่แทน
ผู้คนของนิกายทั้งสองกลุ่มต่างก็จดจ้องมองไปที่การต่อสู้อันดุเดือด
สีหน้าของพวกมันไม่ว่าจะฝ่ายไหนล้วนแสดงออกถึงความกังวล
ผู้คนของนิกายกระบี่ฟ้าเดิมทีคิดว่าด้วยความแข็งแกร่งไร้เทียมทานของฮั่งเชินจะสามารถคว้าชัยมาได้ภายในไม่กี่กระบวนท่า
สิ่งที่พวกมันคาดไม่ถึงก็คือตอนนี้ผ่านไปถึงครึ่งชั่วยามแล้วแต่การประลองก็ยังไม่รู้ผล
!
เรื่องทำให้พวกมันไม่อยากเชื่อและไม่อยากจะยอมรับ!
ในทางกลับกัน
ผู้คนของนิกายพันธมิตรสวรรค์ล้วนตกตะลึงและไม่อยากเชื่อเช่นเดียวกัน
ก่อนหน้านี้ไม่มีใครเชื่อว่าจี้เทียนซิงที่มีพลังยุทธ์ระดับปราณจิตขั้นแรกจะสามารถประลองกับฮั่งเชินผู้มีพลังระดับปราณจิตขั้นห้าได้อย่างไม่เพลี่ยงพล้ำ
บัดนี้จี้เทียนซิงทำให้ทุกคนได้ประจักษ์เต็มสองตาแล้ว
!
ถึงแม้มันจะยังไม่อาจเอาชนะฮั่งเชินได้ก็ตาม
แต่มันสามารถทำให้อีกฝ่ายเกิดบาดแผลได้แล้ว !
ศิษย์ทั้งหมดของหอยุทธ์ฟงอวิ๋นต่างก็มองไปที่จี้เทียนซิงด้วยสีหน้าชื่นชม
พวกมันจ้องมองการต่อสู้อันน่าหลงใหลอย่างไม่กระพริบตา
อาวุโสใหญ่มู่และชูไฮว่ซานก็เฝ้าดูจี้เทียนซิงอย่างเงียบงันด้วยความคิดในใจ
ทั้งคู่ต่างก็เป็นยอดฝีมือขอบเขตปราณจิตขั้นสูงสุด
แน่นอนว่าพวกเขาย่อมมองออกและสามารถคาดเดาเจตนาแฝงของจี้เทียนซิงได้เป็นอย่างดี
พวกเขายืนอยู่บนขอบเวทีมังกรจันทร์และส่งสัมผัสวิญญาณพูดคุยกันสองคน
“อาวุโสชู เจ้าหนูจี้เทียนซิงผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย !” ผู้อาวุโสใหญ่มู่กล่าวยกย่องชมเชยจี้เทียนซิงอย่างจริงใจ
“มันรู้ว่าพลังยังไม่อาจเทียบเท่าฮั่งเชินได้
ดังนั้นมันจึงไม่เข้าปะทะตรงๆและรู้จักใช้จุดแข็งของตัวเอง”
“เจ้าหนูนี่เก่งกาจด้านข่ายปราณ มันหลอมรวมอาคมกับศาสตร์กระบี่เข้าด้วยกันจนสำแดงออกมาเป็นข่ายปราณกระบี่ที่ละเอียดอ่อน
!”
“ฮั่งเชินทำได้เพียงต้องใช้แรงควายจากความหยิ่งผยองของมันในการทำลายข่ายปราณกระบี่ สุดท้าย
ด้วยความหุนหันอย่างโง่เง่านี้มันจึงได้รับบาดเจ็บสาหัสจนทำให้พลังรบถดถอยไปถึงสามส่วน”
ชูไฮว่ซานพยักหน้าเห็นด้วยและกล่าวเสริมว่า
“ถูกต้อง ความสามารถในด้านข่ายปราณและอาคมของเจ้าหนูนี่ยอดเยี่ยมมาก
มันรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่เชี่ยวชาญในศาสตร์นี้จึงใช้ข่ายปราณกระบี่จัดการบั่นทอนพลังของอีกฝ่าย
นี่คือมันสมองอันปราดเปรื่องในการรับมือกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่า”
“หึๆ เจ้าหนูนี่ตกอยู่ในการต่อสู้ที่หนักหน่วงกดดันแท้ๆแต่มันยังสามารถสงบเยือกเย็นอยู่ได้ มันรู้ว่าจะเลี่ยงจุดอ่อนของตนเองอย่างไรและรู้ว่าจะทำให้พลังของฮั่งเชินอ่อนโทรมลงได้อย่างไร มันช่างเยือกเย็นและฉลาดอะไรเยี่ยงนี้ เจ้าหนูคนนี้
ข้าอยากมองดูอนาคตภายภาคหน้าของมันยิ่งนัก !”
อาวุโสใหญ่มู่เผยรอยยิ้มและสีหน้ายินดีออกมาพลางกล่าวว่า
“พลังยุทธ์แท้จริงของเจ้าหนูจี้เทียนซิงก็คือปราณจิตขั้นแรก
ฮั่งเชินมีพลังเหนือกว่ามันถึงห้าขั้นย่อย ข้าไม่คิดว่ามันจะเอาชนะได้เลยในตอนแรก”
“ถึงแม้ว่ามันจะพลังด้อยกว่า
แต่มันเต็มไปด้วยความเยือกเย็นและความกล้าหาญ
มันค่อยๆก้าวทีละก้าวในการบั่นทอนพลังของฮั่งเชินไปเรื่อยๆ ถึงแม้ฮั่งเชินจะมีฝีมือและพรสวรรค์ที่ไม่เลว
แต่มันกลับสมองทึบนัก ผ่านไปไม่นานกลับถูกจี้เทียนซิงปั่นหัวจนพลังถดถอย หากเป็นเช่นนี้ต่อไปโอกาสชนะก็ไม่ใช่ความฝันแล้ว
!”
“วันนี้เจ้าหนูจี้เทียนซิงคงสร้างปาฏิหาริย์ให้พวกเราได้เห็น
!”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved