ตอนที่ 190

ก่อนวันประลอง

พ่อบ้านเคราแพะกับศิษย์นิกายกระบี่ฟ้าทั้งสามคนล่าถอยจากหอยุทธ์ฟงอวิ๋นอย่างรวดเร็ว

หลังกลับมาถึงหอฉิงซ่ง

พวกมันทุกคนก็เข้าไปในห้องลับเพราะมีเรื่องบางอย่างที่ต้องพูดคุย

การที่พ่อบ้านเข้าไปในห้องโถงของหอยุทธ์ฟงอวิ๋นและออกหน้าพูดให้จี้เทียนซิงทำให้ฮั่งเชินพวกอีกสองคนรู้สึกไม่อยากเชื่อ

ทันทีที่เข้ามาในห้องลับ

หยินเฟยหยางก็ถามขึ้นทันทีว่า “ท่านพ่อบ้าน

ข้าสงสัยว่าท่านเข้าไปในห้องโถงและออกหน้ายอมแพ้แทนพวกเรา ใช่เป็นเพราะว่ากลัวพวกเราก่อเรื่องยุ่งยากข่มศิษย์ฝ่ายนอกจนทำให้พวกมันโงหัวไม่ขึ้นหรือไง ?”

พ่อบ้านเคราแพะส่ายหัว

สีหน้าของเขาดูเคร่งขรึมและกล่าวว่า “ข้าไม่มีทางกล่าวยอมแพ้ลอยๆโดยไม่มีเหตุผลหรอก

เจ้าเด็กที่ชื่อว่าจี้เทียนซิงนั่นมีประสบการณ์ในเชิงยุทธ์ที่ไม่ธรรมดา”

หยินเฟยหยางขมวดคิ้วเล็กน้อย

หลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งความเงียบงันไปพักใหญ่มันก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ท่านพ่อบ้านกล่าวไม่ผิดเพี้ยน”

“ข้าได้สังเกตและตรวจสอบศิษย์ทั้งสิบของหอยุทธ์ฟงอวิ๋นแล้ว

จี้เทียนซิงดูเหมือนจะแข็งแกร่งและโดดเด่นที่สุด”

“อีกไม่กี่วันการประลองหลงซานก็จะเริ่มขึ้น

มันเป็นหนึ่งในตัวแทนที่นิกายพันธมิตรสวรรค์ฝ่ายนอกส่งลงประลอง”

พ่อบ้านพยักหน้าและกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“ดังนั้นเจ้าหนูจี้เทียนซิงนั่นคงจะได้รับการดูแลจากคนใหญ่คนโตภายในนิกายพันธมิตรสวรรค์เป็นแน่  มันมีแนวโน้มสูงที่จะกลายเป็นยอดอัจฉริยะในในอนาคต”

“ในงานประลองนี้พวกเจ้าทั้งสามจับตามันไว้ให้ดี

หากมีโอกาสก็จงทำลายมันให้พิการซะเลย ย่อมเป็นการดีที่สุด !”

“มิฉะนั้นหากเด็กนั่นเติบโตไปมากกว่านี้จะเป็นก้างขวางคอชิ้นใหญ่ของนิกายเรา!”

ฮั่งเชินแค่นเสียงเย็นและเผยรอยยิ้มเย้ยหยันออกมา

“เหอะ ข้ามีเจตนาเช่นนี้อยู่แล้ว

ในเมื่อท่านพ่อบ้านเห็นดีด้วยข้าก็โล่งใจ !”

ในเวลานี้หยานตงไหลก็ถามขึ้นว่า

“อ้อท่านพ่อบ้าน อีกสามวันจะถึงงานประลอง

เรื่องที่ต้องทำพวกเราก็ทำไปแล้ว

ความแข็งแกร่งของหอยุทธ์ฟงอวิ๋นพวกเราก็รู้แทบจะหมดเปลือกแล้ว  กลับกันเลยดีไหมขอรับ ?”

พ่อบ้านเคราแพะโบกมือและกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า

“ไม่ต้องรีบ รอจนกว่าจะถึงกำหนดเจ็ดวันแล้วค่อยกลับ”

“ภารกิจของข้ายังไม่เสร็จสมบูรณ์ดี

ข้าต้องใช้เวลาสำรวจอะไรบางอย่าง”

“ในช่วงไม่กี่วันมานี่ข้าได้เดินทางเข้าออกขุนเขาทั้งเก้าของนิกายพันธมิตรสวรรค์จนได้รับรู้ถึงเส้นชีพจรวิญญาณเก้ามังกร”

“เหอๆ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมนิกายพันธมิตรสวรรค์ถึงประสบความสำเร็จและยืนหยัดอยู่เบื้องหลังอาณาจักรเทียนเฉินมานับพันๆปี”

“บรรพบุรุษผู้บุกเบิกนิกายแห่งนี้ได้สร้างขุนเขาทั้งเก้าให้เชื่อมโยงกันเป็นเส้นชีพจรวิญญาณเก้ามังกร

ซึ่งมันไม่เพียงแค่รวบรวมรัศมีพลังจากทั่วทั้งดินแดนดาราบรรพกาลไปถึงครึ่งหนึ่งเท่านั้น

แต่ยังช่วยสะสมดวงชะตาอันแข็งกล้าให้นิกายแห่งนี้เจริญรุ่งเรืองสืบไปอีกด้วย”

“ด้วยฮวงจุ้ยที่ดีและมีทรัพยากรนับไม่ถ้วนขนาดนี้

นิกายพันธมิตรสวรรค์จะไม่เข้มแข็งถึงบัดนี้ได้อย่างไร ?”

ฮั่งเชินและพวกทั้งสองพยักหน้าและเข้าใจทันทีว่า

หากต้องการที่จะประสบความสำเร็จในมรรคายุทธ์ คนผู้นั้นไม่เพียงต้องได้รับการสนับสนุนจากยอดฝีมือและที่พักพิงเท่านั้น

แต่ยังต้องมีโชคชะตาที่ดีและทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์อีกด้วย

สิ่งสำคัญที่สุดก็คือนิกายที่เพียบพร้อมทุกสิ่งจะสามารถดึงดูดคนรุ่นใหม่ที่มากพรสวรรค์ให้มาเข้าร่วมนิกายได้อย่างต่อเนื่อง

ซึ่งมันจะทำให้นิกายเจริญรุ่งเรืองอย่างแท้จริงและมั่นคงสืบไป

ถึงแม้ว่านิกายกระบี่ฟ้าจะเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

แต่มันก็เพิ่งก่อตั้งขึ้นได้ไม่กี่ร้อยปีซึ่งนับว่ายังห่างไกลจากนิกายพันธมิตรสวรรค์

แม้แต่ลวดลายบนประตูของนิกายกระบี่ฟ้าก็ยังไม่น่าเกรงขามเท่ากับธรณีประตูของนิกายพันธมิตรสวรรค์ด้วยซ้ำ

ช่องว่างระหว่างสองนิกายนั้นไม่เพียงมีแค่ความแตกต่างในจำนวนของยอดฝีมืออาวุโสเท่านั้น

แต่ยังรวมไปถึงจำนวนของศิษย์อัจฉริยะอีกด้วย

พ่อบ้านเคราแพะขมวดคิ้วและกระซิบว่า

“ตอนนี้คนของนิกายพันธมิตรสวรรค์เริ่มไหวตัวแล้ว

ทุกครั้งที่ข้ามีการเคลื่อนไหวระหว่างวัน ข้าสัมผัสได้ว่ามีคนลอบติดตามอย่างลับๆจนถึงค่ำ

นับได้ว่าการเคลื่อนไหวลับๆของข้าทำให้บุคลระดับสูงของนิกายพันธมิตรสวรรค์เริ่มสงสัย”

“ช่วงไม่กี่วันนี้ให้พวกเจ้าอยู่แต่ในห้อง

อย่าออกไปข้างนอกและเคลื่อนไหวเอิกเกริก หลังจากที่ข้าทำภารกิจเสร็จแล้ว พวกเราจะออกจากนิกายพันธมิตรสวรรค์โดยเร็วที่สุด”

ศิษย์ทั้งสามไม่ได้ถามว่าพ่อบ้านคิดจะทำอะไร

พวกมันรู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องได้รับภารกิจลับที่สำคัญมากจากท่านประมุขนิกายมาเป็นแน่

......

สามวันต่อมาทั้งฝ่ายนอกและหอยุทธ์ฟงอวิ๋นต่างก็เงียบสงบ

หลังจากการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเชิงยุทธ์สิ้นสุดลง

ศิษย์ทั้งสามของนิกายกระบี่ฟ้าก็ไม่เคยปรากฎตัวออกมาอีกเลย

จี้เทียนซิง

ลู่หมิงหยางและศิษย์คนอื่นๆต่างก็เก็บตัวเงียบบ่มเพาะพลังและพัฒนาความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง

มีเพียงหอยุทธ์ไป๋ลู่และเจี้ยงหลิวเท่านั้นที่ยังคึกคักเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ข่าวเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเชิงยุทธ์แพร่กระจายไปทั่วหอยุทธ์และฝ่ายนอกจนศิษย์หลายคนเริ่มจับกลุ่มโต้เถียงกัน

คำพูดที่น่าตกใจของจี้เทียนซิงช่วยเปิดโลกทัศน์ใหม่ให้เหล่าศิษย์แทบทุกคนรู้สึกตื่นตะลึง

จี้เทียนซิงกลายเป็นศิษย์ฝ่ายนอกที่ทุกคนรู้จักกันดีจากเหตุการณ์ในวันนั้น

มีศิษย์หลายคนเริ่มถามประวัติความเป็นมาของเขา

ผลทำให้วีรกรรมตั้งแต่เข้านิกายจนถึงเรื่องถูกลงโทษให้กวาดพื้นตลอดจนการถูกคุมขังในถ้ำวายุทมิฬแพร่กระจายไปทั่วทั้งฝ่ายนอก

แน่นอนว่าเรื่องที่เขาได้รับรางวัลอันดับหนึ่งในการประเมินการปรุงยาและข่ายปราณก็ยังเป็นที่รับรู้ทั่วกัน

วีรกรรมและประสบการณ์ชีวิตของจี้เทียนซิงทำให้เกิดหัวข้อเสวนากันมากมาย

สิ่งนี้ยังทำให้ศิษย์ฝ่ายนอกหลายคนสนใจชายหนุ่มอัจฉริยะที่มาพร้อมความหายนะและความซวยอีกด้วย

ในไม่ช้าข่าวก็แพร่กระจายออกจากฝ่ายนอกจนแม้แต่ศิษย์ฝ่ายในก็เริ่มทราบบ้างแล้ว

ศิษย์ฝ่ายในมีจำนวนไม่มากนัก

ประมาณร้อยคน แต่ทุกคนล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับปราณจิตขึ้นไปทั้งสิ้น

โดยปกติแล้วศิษย์ฝ่ายในของนิกายส่วนใหญ่จะไม่ค่อยสนใจเรื่องของฝ่ายนอก

อย่างไรก็ตาม การที่ศิษย์ของนิกายกระบี่ฟ้ามาเยือนนั้นนับเป็นครั้งแรก

มันจึงดึงดูดความสนใจของศิษย์ฝ่ายในได้ไม่น้อย

ศิษย์ฝ่ายในเริ่มพูดถึงจี้เทียนซิงติดต่อกันสามวัน

เรื่องที่ทุกคนกล่าวถึงมากที่สุดก็คือคำพูดที่เขาพูดในห้องโถงเมื่อวันนั้น

แม้แต่ศิษย์บางคนก็ยังมีความคิดเห็นเป็นของตัวเอง เพื่อที่จะโต้แย้งเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกมันกระทั่งไปหาครูฝึก

พ่อบ้านและผู้อาวุโสระดับสูงเพื่อตรวจสอบความจริง

สรุปแล้วตอนนี้จี้เทียนซิงเป็นหัวข้อสนทนาอันดับหนึ่งของนิกายพันธมิตรสวรรค์ไปแล้ว

สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ตกเย็นของวันนี้

เสียงระฆังในห้องโถงของหอยุทธ์ฟงอวิ๋นก็ดังขึ้น

จี้เทียนซิงหยุดการบ่มเพาะและรีบมุ่งหน้าไปที่ห้องโถงใหญ่อย่างรวดเร็ว

ในช่วงเวลาสั้นๆศิษย์ทั้งสิบก็มาถึงกันพร้อมหน้าโดยมีฮั่นเฉียวเซิงเดินตามหลังเข้ามาติดๆและพูดขึ้นทันทีว่า “พวกเจ้าทุกคนจงฟัง วันนี้คือวันสุดท้ายของเดือน การประลองหลงซานจะเริ่มในวันพรุ่งนี้”

“คืนนี้ขอข้าให้พวกเจ้าโปรดเตรียมตัวให้พร้อม พรุ่งนี้เช้าข้าจะพาพวกเจ้าทุกคนไปยังภูเขามังกรเพื่อให้กำลังใจสมาชิกที่ลงประลอง

!”

ศิษย์อีกแปดคนที่ไม่ได้ลงประลองต่างก็เผยสีหน้าคึกคักและเต็มไปด้วยความคาดหวัง

ฮั่นเฉียวเซิงมองจี้เทียนซิงและลู่หมิงหยางพลางถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า

“หลายวันมานี่พวกเจ้าปิดด่านบ่มเพาะตลอด

พรุ่งนี้จะเริ่มประลองแล้ว พวกเจ้าเตรียมตัวพร้อมหรือยัง ?”

จี้เทียนซิงปิดด่านบ่มเพาะตลอด

ตอนนี้เขากำลังฝึกวิถีที่สี่ของวิถีใจกระบี่เพื่อทำความเข้าใจกับการบรรเทาจุดฝังเข็ม

เขาเพิ่งตัดผ่านมายังขอบเขตปราณจิตขั้นแรกได้ไม่นาน

มันเป็นเรื่องยากที่จะเลื่อนขั้นย่อยในเวลาอันสั้นเช่นนี้

เขาทำได้เพียงทำให้พื้นฐานพลังเสถียรเท่านั้น

เขาพยักหน้าอย่างสงบและกล่าวว่า

“ข้าพร้อมแล้ว ขอครูฝึกฮั่นโปรดวางใจ”

ฮั่นเฉียวเซิงพยักหน้าและหันไปมองที่ลู่หมิงหยาง  ลู่หมิงหยางเผยรอยยิ้มที่มั่นใจออกมาทันทีและกล่าวว่า

“เรียนครูฝึกฮั่น ตั้งแต่ที่ข้าสินใจเข้าร่วมการประลองหลงซาน

ถึงแม้ข้าจะรู้สึกกดดันแต่ก็ไม่กล้าหย่อนยานในการฝึกซ้อม  โชคดีที่วันนี้ข้าทะลวงด่านสำเร็จและอยู่ในขอบเขตปราณจิตขั้นที่สองแล้วขอรับ”